ป.ป.ช. แถลงปิดคดีถอดถอน "สุเทพ" ยันผิดจริง เจ้าตัวแย้งชี้ให้ดูเจตนารมณ์กฎหมาย-ส.ว. นัดลงมติ 18 ก.ย

มติชน 17 กันยายน 2555 >>>


เมื่อเวลา 10.25 น. วันที่ 17 กันยายน ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 10 สมัยสามัญทั่วไป ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระได้เปิดโอกาสให้ ส.ว. ได้ปรึกษาหารือ โดย ส.ว. ส่วนใหญ่แสดงความเป็นห่วงในเรื่องการสร้างพนังกั้นน้ำใหม่ในพื้นที่น้ำท่วม ที่อาจมีความแข็งแรงไม่พอ ไม่อาจทนกระแสน้ำได้ จากนั้นเข้าสู่วาระเรื่องด่วน การประชุมวุฒิสภาเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด กรณีส่ง ส.ส.ปชป. และบุคคลอื่นจำนวน 19 คน ไปช่วยงานกระทรวงวัฒนธรรม เป็นการแทรกแซงการทำงานของกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในวันนี้เป็นการแถลงคำปิดคดีด้วยวาจาของ ป.ป.ช. ฝ่ายผู้ร้อง และนายสุเทพฝ่ายผู้ถูกร้อง
โดยนายกล้านรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. แถลงปิดคดี โดยยืนยันว่า ป.ป.ช. มีอำนาจพิจารณาคดีของนายสุเทพได้ แม้จะมีองค์กรอื่นพิจารณาและวินิจฉัยออกมาแล้ว ยืนยันว่านายสุเทพได้ใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (1) ข้ออ้างว่าได้รับหนังสือดังกล่าวคืนก่อนที่ รมว.วัฒนธรรม จะเห็นหนังสือก็เป็นเรื่องที่รู้กันเพียง 2 คน แต่ตามเอกสารที่สำนักงานเลขาธิการนายกฯ ให้ไว้กับ ป.ป.ช. พบการบันทึกที่โต้แย้งกัน โดย รมว.วัฒนธรรม แจ้งว่าไม่ประสงค์จะรับ ส.ส. ไว้ช่วยงาน เพราะเกรงว่ามีปัญหา นอกจากนี้ คำชี้แจงของ ส.ส. ทั้ง 19 คน ก็ยืนยันว่าไม่ทราบว่ามีรายชื่อไปปรากฏได้อย่างไร เพราะไม่เคยแสดงความจำนงและไม่ใช่นโยบายพรรค
นายกล้านรงค์กล่าวต่อว่า ตามความเห็นของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี พยานฝ่ายผู้ถูกร้อง ที่ให้ถ้อยคำกับ ป.ป.ช. ใช้คำว่า “ไม่น่าจะขัด” ซึ่งหมายความว่าไม่ยืนยัน และเรื่องนี้เป็นความเห็นเชิงวิชาการ ป.ป.ช. จะรับฟังหรือไม่ก็ได้ ส่วนประเด็นที่ยกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมากล่าวอ้างนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ตรงกัน ดังนั้น จึงไม่มีผลผูกพันใดๆ อย่างไรก็ตาม ในนามตัวแทน ป.ป.ช. ยืนยันว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีธงปัก ยึดตามกฎหมายทุกประการ ทั้งนี้ ป.ป.ช. จะไม่ดีใจถ้าผลออกมาตามที่ ป.ป.ช. พิจารณา จะไม่เสียใจถ้าผลการตัดสินออกมาเป็นตรงกันข้าม เพราะ ป.ป.ช. ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร


ด้านนายสุเทพแถลงยืนยันว่า ตามที่ตนได้ลงนามในหนังสือสำนักนายกรัฐมนตรีลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 กรณีส่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และบุคคลอื่น จำนวน 19 คน ไปช่วยราชการที่กระทรวงวัฒนธรรม หนังสือถึง รมว.วัฒนธรรม เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 และเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2552 ตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับเอกสารคืน ข้อเท็จจริงคือ รมว.วัฒนธรรม ยังไม่เปิดอ่านหนังสือฉบับนั้น และยังไม่ได้สั่งการใดๆ ทั้งสิ้น โดยหนังสือที่ส่งไประบุเป็นการช่วยงานไม่มีลักษณะบังคับ รมว.มีอำนาจในการใช้ดุลยพินิจในการสั่งการตามที่เห็นสมควร และในรายงานของ ป.ป.ช.ที่เสนอต่อวุฒิสภาไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการกระทำทุจริตหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าการกระทำของตนได้สร้างความเสียหายให้กับรัฐอย่างไร


ดังนั้น จึงควรดูที่เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ 266(1) ที่ต้องการห้าม ส.ส. และ ส.ว. ไปแทรกแซงก้าวก่ายหน้าที่ของข้าราชการประจำ และความเห็นนายบวรศักดิ์ก็ระบุว่า ไม่ถือเป็นการก้าวก่ายแทรกแซง และความเห็นของนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ พยานอีกหนึ่งคนให้ความเห็นว่า สิ่งที่ตนทำไม่ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญแต่เป็นการช่วยงาน ไม่ได้แทรกแซงการทำงานข้าราชการประจำ หรือได้ค่าตอบแทนประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าสถานะเหมือนหรือต่างกัน การตีความหรือใช้กฎหมายน่าจะต้องเป็นหลักเป็นบรรทัดฐานเดียวกันทุกสถานการณ์

ภายหลังการแถลงปิดคดีด้วยวาจาของ 2 ฝ่าย นายสุรชัยได้แจ้งที่ประชุมว่า ขอนัดให้มีการลงมติเพื่อถอดถอนหรือไม่ถอดถอนนายสุเทพ ในวันที่ 18 กันยายน เวลา 11.00 น.