Q: จะครบรอบ6ปีรัฐประหาร 19 กันยา 2549 แล้ว อยากพูดอะไรเกี่ยวกับรัฐประหารบ้าง ?
A: พอดีผมไปบวชมา ก็มีข้อสรุปว่าทุกฝ่ายทั้งกองทัพ อำมาตย์ นักการเมือง สื่อ และทุกฝ่ายหากมีพรหมวิหาร4 คือเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญหาบ้านเมืองจบครับ
Q: คุณเ้คยพูดไว้ว่าหากเกิดปฏิวัติรัฐประหารให้ประชาชนต่อต้านด้วยการเตรียมน้ำมันใส่ขวดละลิตร คุณยังยืนยันเหมือนเดิมไหม ?
A: คือที่ผมพูดมันเป็นโวหารสำนวนครับ หากจะเอาจริงเอาจังกับคำพูดผมขนาดนั้น ทำไมไม่ลองจริงจังกับคำพูดคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พูดว่า"จะประชาชนแสนคนหรือคนเดียวหากแสดงความไม่เห็นด้วย รัฐบาลก็ควรฟัง" นั่นเป็นคำพูดของคนระดับนายกรัฐมนตรีนะครับ พอคนออกมาประท้วงเป็นแสนเป็นล้าน ไม่เห็นฟัง ทำไมสังคมไม่ไปเอาเรื่องกับคนพูดแบบนั้นบ้าง
Q: งั้นถามใหม่ หากเกิดรัฐประหารขึ้นอีกครั้ง คุณจะออกมาต่อต้านไหม หรือวางเฉย
A: ก็เรื่องมันยังไม่เกิด ผมจะไปตอบอะไรได้ แต่หากมันเกิดจริง ผมว่าต้องเจอทีเด็ดแน่ แต่ทีเด็ดอย่างไร ผมไม่ขอบอก
Q: คุณจะสนับสนุนให้ประชาชนต่อต้านการรัฐประหารไหม หากเกิดแบบ 19 กันยายน 49 อีก ?
A: ผมว่าประชาชนควรมีสิทธิที่จะต่อต้าน เพื่อพิทักษ์รักษาประชาธิปไตย แต่กติกาต่างๆยังไม่เอื้ออำนวยให้ประชาชนลุกออกมาต่อสู้เท่าไหร่..
ผมอยากให้เกิดเรื่องต่อไปนี้นะ อยากเห็นศาลทั้ง 3 ศาล ชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา ออกมาประกาศเลยว่า ต่อไปนี้จะไม่ยอมรับอำนาจของคณะปฏิวัติรัฐประหารอีกต่อไปแล้ว จะไม่ยอมรับว่าหากใครยึดอำนาจทำรัฐประหารสำเร็จจะได้ชื่อว่าเป็นรัฐาธิปัตย์ เท่านี้ก็จะทำให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยสามารถที่จะออกมาทัดทานต่อต้านการ ทำรัฐประหารได้อย่างเต็มที่ ผมอยากเห็นเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ
Q: ชีวิตของคุณทุกวันนี้เป็นอย่างไร หากย้อนกลับไปได้คุณยังจะทำแบบที่สื่อกระแสหลักเรียกคุณว่าเป็นฮาร์ดคอร์อีกหรือไม่ ?
A: เมื่อ 20 ปีก่อนผมเป็นนักร้องเพลงพ็อพที่คนเรียกว่าเป็นคนร้องเพลงได้ โรแมนติกที่สุด คนก็อยากเห็นผมเป็นแบบนั้น ต่อมาผมมาทำงานการเมืองเป็น ส.ส. ออกมาต่อต้านการรัฐประหารของคมช.สื่อก็เรียก ว่าผมเป็นฮาร์ดคอร์ ความจริงผมแค่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
Q: แต่คุณก็มีพฤติการณ์หลายอย่างว่าเป็นฮาร์ดคอร์นะ อย่างตอนการชุมนุมตอนสงกรานต์ปี 2552 คุณก็พาม็อบบุกโรงแรมที่ประชุม APEC จนการประชุมล่มลงไม่เป็นท่า
A: ตอนนั้นคนเสื้อแดงอยากไปฟ้องต่อที่ประชุม APEC ว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์มีที่ มาไม่ชอบธรรม ฝ่ายรัฐบาลก็หาคนใส่เสื้อสีน้ำเงินมาทำร้ายคนเสื้อแดงปางตาย ผมก็ไปช่วย เมื่อคนเสื้อแดงแสดงความไม่พอใจจะเข้าไปในโรงแรมที่ประชุม APEC ผมก็ไปห้ามปรามว่าอย่าทำให้เกิดความรุนแรง ก็กลายเป็นการเสนอข่าวว่าผมพาพวกบุกล้มการประชุม
Q: มีข่าวว่าคุณพยายามขัดขืนการจับกุมของเจ้่าหน้าที่ในตอนสงกรานต์ปี 52
A: ก็บุกมาเป็น 200-300 คนที่บ้านผม นำตัวผมไปขึ้น ฮ. บอกจะพาไปที่หนึ่งแล้วจะไปอีกที่ ผมนั่ง ฮ. ไปกับคุณจตุพร พรหมพันธุ์ ตอนนั้นมีนายตำรวจนายหนึ่งมาควบคุมตัวผมไป เขามีประวัติเรื่องวิสามัญฆาตกรรม ผมก็กลัวโดนวิสามัญก็เลยเอาวะ หากจะตายก็คงต้องสู้กันซักตั้ง ก็ต่อสู้ตรวจบน ฮ. จนตำรวจบอกว่าพอแล้ว และคุณจตุพรก็ห้ามว่าตำรวจจะพา ฮ. ลงแล้ว ผมก็เลยให้ดำเนินคดี
Q: ในการชุมนุมปี 2553 คุณมีพฤติการณ์ฮาร์ดคอร์มากทั้งบุกสภา ทั้งหลบหนีที่โรงแรม SC PARK
A: ที่สภานี่คือคนเสื้อแดงไปชุมนุมหน้าสภา มันมีคนโยนระเบิดมาใส่ 2 ลูก เราเลยขออนุญาตทางเจ้าหน้าที่เข้าไปควบคุมตัวแล้วก็ไปเจอ ส.ส.ประชาธิปัตย์ รายหนึ่งมีปืนเอ็ม 16 เราก็ขออาวุธปืนจะได้ไม่เกิดเหตุรุนแรง ผมไประงับความรุนแรงก็กลายเป็นผมนิยมความรุนแรงไป
ตอนที่ผมหลบหนีที่โรงแรม SC PARK แล้วโรยตัวหนีลงมา มีพี่น้องมวลชนเสื้อแดงไปช่วย และเราได้ขอคุมตัวตำรวจไว้ ก็เพราะมีการยิงเข้ามาในห้องพักผม มีระเบิดเข้ามา ผมก็หนีออกมาได้และก็ต้องขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพาผมไปส่งเวทีชุมนุมราช ประสงค์ ไม่ได้ให้เป็นตัวประกัีนอะไรเลย ก็หาว่าผมเป็นฮาร์ดคอร์
Q: ตอน 19 พฤษภา 53 ทำไมคุณไม่ยอมเข้ามอบตัวกับแกนนำคนอื่น แต่กลับหนี...
A: มันมีข่าวหนาหูมากว่า เขาจะจับตายผม อ้างว่าเป็นคำสั่งจากระดับสูง จริงหรือเท็จไม่ทราบ ผมก็เลยหลบหนีไปลี้ภัยในต่างประเทศ และเมื่อมีการเลือกตั้งเรียบร้อยผมก็กลับมา และได้ประสานงานสายตรงไปยังผู้ใหญ่ระดับสูงว่า เข้าใจผมผิดทั้งนั้น ผมเป็นเพียงต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองเพื่อประชาธิปไตย ผู้ใหญ่ก็เข้าใจผมก็กลับมาต่อสู้ในประเทศ
Q: 6 ปีหลังรัฐประหาร 19 กันยา 49 ประเทศเรามีบทเรียนอะไรบ้าง..
A: ประชาชนไทยหูตาสว่างขึ้นมาก แต่อำมาตย์ยังไม่มีบทเรียนอะไร พวกเขายังอยากให้ประเทศให้ประชาชนเหมือนเดิม แต่ประชาชนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว