ข่าวสด 13 สิงหาคม 2555 >>>
กรณีศาลอาญาสั่งเลื่อนพิจารณาและฟังคำตัดสินในคดีถอนประกันแกนนำ 'เสื้อแดง' ออกไปส่งผลให้ระดับความร้อนทางการเมืองที่ทำท่าจะเดือดปุดๆ อยู่รอมร่อ ลดอุณหภูมิลงการเลื่อนคดีดังกล่าวมีนัยยะทางการเมืองหรือส่งผลต่อสถานการณ์บ้านเมืองหรือไม่มีความเห็นจากแกนนำ นปช. นักวิชาการด้านสันติวิธี และ ส.ว.
พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ
ผอ.สถาบันสำนักสันติวิธีและธรรมาภิบาล สถาบันพระปกเกล้า
การเลื่อนการอ่านคำสั่งเกี่ยวกับการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวแกนนำและแนวร่วมคนเสื้อแดงไปวันที่ 22 ส.ค. ผมมองว่าเป็นเพราะกระบวนการสอบถามของศาลยังไม่เสร็จสิ้น ยังขาดการสอบสวนพยานของนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก จำเลยที่ 7 อยู่ ศาลจึงจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อนไม่น่าจะตั้งใจให้เป็นไปเพื่อให้สถานการณ์เบาหรือผ่อนคลายลง น่าจะเป็นกระบวนการของศาลที่ยังไม่เสร็จสิ้นเท่านั้น โดยเฉพาะฝ่ายแนวร่วมที่มาให้กำลังใจหน้าศาลก็รับฟังประกาศจากศาลแล้วว่าห้ามก่อความไม่สงบ หรือเข้ามาภายในบริเวณศาลส่วนสถานการณ์วันที่ 22 ส.ค. ที่ศาลนัดให้นายยศวริศ มาสอบถามเพิ่มเติม และให้จำเลยคนอื่นๆ มาฟังคำสั่งเกี่ยวกับการปล่อยตัวชั่วคราวอีกครั้ง เชื่อว่าไม่ว่าคำสั่งของศาลออกมาในทางใดกลุ่มคนเสื้อแดงไม่น่าจะก่อความรุนแรงขึ้น
เนื่องจากคนเสื้อแดงมีงานต่างๆ ที่ต้องทำหลายอย่าง หากมีการกระทำรุนแรงเกิดขึ้นมาทุกอย่างที่เตรียมไว้ก็พังหมด ไม่สามารถดำเนินการอย่างที่ตั้งใจไว้ได้ ความรุนแรงทั้งในและนอกสภาจึงจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน ขณะนี้มองว่าคนเสื้อแดงเริ่มประนีประนอมมากขึ้น ส่วนการนัดให้โจทก์ที่เป็น ส.ส. ไปเริ่มกระบวนการทางศาลช่วงปลายปีนั้น ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงว่ามีการทำผิดอย่างที่ถูกร้องทุกข์มาหรือไม่ ต้องดูเจตนารมณ์ตรงนั้น ศาลมองตรงนั้น หลังจากวันที่ 22 ส.ค. ไม่ว่าคำสั่งของศาลจะออกมา ทางใด จะเห็นข้อดีที่ศาลเรียกจำเลยทั้ง 24 คนมาครั้งนี้ เป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีทางการเมือง เพราะแกนนำคนเสื้อแดงต้องพิจารณาการขึ้นเวทีปราศรัยต่างๆ ที่จะต้องเบาลงบ้าง การกล่าวพาดพิงฝ่ายตรงข้าม หรือองค์กรต่างๆ น้อยลง ต้องชั่งใจพอสมควร กระบวนการยุติธรรมถ้าเดินอย่างเที่ยงธรรม ตรงไปตรงมา บ้านเมืองเราก็จะเดินหน้าต่อไปได้ เพราะทุกคนหากทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ หากเป็นอย่างนี้ได้สังคมจะดีขึ้น ถ้าทุกองค์กรของกระบวนการยุติธรรมเที่ยงตรง สังคมเราสงบสุขแน่นอน เพราะทุกฝ่ายอยู่ในกรอบกันหมด ขณะนี้คนที่ทำผิดก็เริ่มมีการลงโทษกันแล้ว ไม่ว่าฝ่ายใด ไม่มีเว้น นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
กรณีของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ช่วงหลังก็ดูมีท่าทีเบาลง ส่วนหนึ่งมาจากไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส. คุ้มครองแล้ว จะทำอะไรก็ต้องระวังมากขึ้น และอีกอย่างนายจตุพร ก็พูดเองว่าหากได้ทำผิดก็พร้อมยอมรับการลงโทษ ก็ทำให้บรรยากาศต่างๆ ดีขึ้น เมื่อบรรยากาศของสังคมเริ่มดีขึ้น ต่อไปไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะมีการฟังเสียงรอบข้างมากขึ้น ไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่อง พ.ร.บ.ปรองดอง การอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือการแถลงผลงานรัฐบาล สิ่งต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นก็จะเป็นไปด้วยความประนีประนอมกัน ไม่ร้อนอย่างที่เคยผ่านมา
ธิดา โตจิราการ
ประธาน นปช.
ไม่อยากพูดอะไรมากถึงการพิจารณาของศาลเพราะเป็นเรื่องที่ศาลต้องพิจารณาอยู่แล้ว ในทัศนะของดิฉันเห็นว่าศาลพยายามแล้วที่จะทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับแกนนำคน เสื้อแดงการที่แกนนำและแนวร่วมเสื้อแดงโดนข้อหาก่อการร้ายก็มองว่าเป็นการถูกใส่ความ ต้องติดคุกฟรี พอได้รับการประกันตัวก็กลายเป็นชนักติดหลังจนไม่สามารถทำอะไรได้มาก ไม่เช่นนั้นก็จะถูกถอนประกันก่อนหน้าที่จะได้รับการประกันตัวออกมาสังคมกลับมองว่าเป็นบุญคุณ เป็นความเมตตาของคนที่มีอำนาจทั้งที่จริงแล้วไม่ใช่เลย ตั้งแต่เริ่มแรกพวกเขาถูกใส่ความว่าเป็นผู้ก่อการร้ายต่างหาก นี่คือความรู้สึกที่อยากบอกให้คนในสังคมได้รับรู้แต่เมื่อเรื่องราวเดินมาถึงตรงนี้แล้วว่าหากระหว่างการประกันตัวมีการกระทำที่ผิดเงื่อนไข ก็อยากให้ฟ้องเป็นเรื่องๆ ไปมากกว่า เช่น หากปราศรัยล่วงเกินก็ฟ้องให้ดำเนินคดีกันไปในส่วนนั้น ไม่ใช่มาถอนประกันจนทำให้ต้องระวังมากกว่าคนอื่นการที่ศาลเลื่อนการพิจารณาถอนประกันออกไป เพราะเหตุผลของ เจ๋ง ดอกจิก (นายยศวริศ ชูกล่อม) แกนนำคนเสื้อแดงที่ตกเป็นจำเลยที่ 7 ขอโอกาสจากศาลให้ได้หาพยานเพิ่มเติม และขอตรวจสอบหลักฐานของทางผู้ร้องก่อนว่ามีการตัดต่อหรือไม่ เป็นคำขอที่มีเหตุผลฟังขึ้นและ ศาลเองก็รับฟังเหตุผลว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไรก็ตาม การเลื่อนการพิจารณาออกไปนั้นไม่อยากให้ศาล หรือคนบางฝ่ายมองว่า เป็นเรื่องของการยื้อเวลาเพื่อลดอุณหภูมิทางการเมืองลง หรือยับยั้งเหตุวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้นหากผลออกมาในทางลบเพราะความจริงแล้วไม่ว่าจะตัดสินเร็วหรือช้า คนเสื้อแดงจะดำเนินการอย่างไรต่อไปคงไม่เกี่ยวกับระยะเวลาในการตัดสิน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเหตุผล และความรู้สึกของคนเสื้อแดงที่มีอยู่ในใจมาตลอดอยู่แล้วเราไม่ได้ชุมนุมหรือแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่งจากเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ที่เราต่อสู้มาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพราะว่าคนเสื้อแดงถูกกระทำโดยที่ไม่ได้รับความยุติธรรมดังนั้น อย่ากลัวว่าการจะถอนประกันหรือไม่ถอนประกันแกนนำจะส่งผลอะไรที่รุนแรงต่อบ้านเมือง เพราะเราไม่เคยคิดจะทำอะไรให้เกิดความรุนแรงเสียหายแน่นอน ยืนยันได้ว่าไม่เคยมีอยู่ในสมองความเจ็บช้ำอาจยังคงอยู่ แต่ศาลตัดสินอย่างไรเราก็น้อมรับอยู่แล้ว ขออย่าได้กังวล เพราะตอนนี้เราเองก็ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษเลยก็รอศาลพิจารณา เป็นอย่างไรเราก็ยอมรับ
พิเชต สุนทรพิพิธ
ส.ว.สรรหา
การเลื่อนพิจารณาคดีเพิกถอนประกันตัวแกนนำคนเสื้อแดงออกไปก่อน เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วและเหมาะสมกับสถานการณ์ในขณะนี้ อาจจะเป็นการลดอุณหภูมิทางการเมืองก็ว่าได้ โดยเลื่อนประเด็นร้อนของสังคมออกไปก่อนแต่เชื่อว่าการเลื่อนพิจารณาคดีคงไม่ได้ยืดยาวอะไรมากนัก โดยเฉพาะ 5 แกนนำที่ศาลเลื่อนพิจารณาไปช่วงปลายปี ส่วนหนึ่งเพราะติดการประชุมสภา ทำให้ได้รับเอกสิทธิ์ผัดผ่อนการพิจารณาตัดสินคดีกรณีดังกล่าวยังเป็นเรื่องดีในการเตรียมข้อมูลของบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง เพราะเท่ากับศาลให้โอกาสจำเลยได้มีเวลา หาข้อมูล พยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและจะได้มาหักล้างข้อมูลกันในชั้นศาลได้อย่างเต็มที่ถือเป็นเจตนาที่ดีของศาล เพราะถ้ารีบพิจารณาเรื่องนี้เชื่อว่าจะมีผลกระทบ ไม่มากก็น้อย เพราะจำเลยก็เป็นทั้งแกน นปช. และเป็นหลักของพรรคเพื่อไทยด้วยส่วนหนึ่ง ถ้าผลการตัดสินออกมาในแง่ลบก็จะมีปัญหาได้ เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่มีกระแสข่าวว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีตามโผการปรับครม.ชุดใหม่ที่พูดกันก่อนหน้านี้ ส่วนเรื่องมวลชนเชื่อว่าจะไม่มีการลุกฮือประท้วง เพราะตอนนี้บ้านเมืองก็มีปัญหา ยังไม่รู้ว่าผลการตัดสินใจอนาคตจะเป็นอย่างไร ฉะนั้นตอนนี้ก็ให้เขาได้ตั้งหลักก่อน ได้เตรียมการสู้คดี เมื่อถึงตอนตัดสินจริงๆ ผลออกมาอย่างไร ก็จะไปต่อว่าใครไม่ได้ สุดท้ายคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ก็เป็นเรื่องการวินิจฉัยของศาล