ข่าวสด 13 สิงหาคม 2555 >>>
ดีเอสไอเรียกตัวให้การคดี 98 ศพ ณัฐวุฒิหนุนสอบ
ณัฐวุฒิหนุนดีเอสไอ เรียกสอบ ส.ต. มือสไนเปอร์หน้าสนามมวยลุมพินี ชี้ต้องทำ ความจริงให้ปรากฏ เอาผิดคน สั่งการให้ได้ ระบุเหตุการณ์เมืองไทยกลาย เป็นต้นแบบให้โลกอาหรับใช้ปราบประชาชน ด้านดีเอสไอเผยเตรียมออกหมายเรียกทหารมือยิงมาให้การแล้ว เผยเป็นทหารพลปืนประจำรถถัง แต่ล่าสุดออกจากราชการไป แล้ว พร้อมทำหนังสือถึงสื่อทีวี-หนังสือพิมพ์ขอคลิปเหตุการณ์ เรียกสอบเจ้าหน้าที่ในภาพให้หมด
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการดำเนินคดีการเสียชีวิตของประชาชนจากเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 2553 รวม 98 ศพ ว่า รายชื่อของทหารและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการในช่วงเกิดเหตุนั้น พนักงานสอบสวนชุดเดิมได้รับเอกสารจากศอฉ.เรียบร้อยแล้ว ซึ่งค่อนข้างละเอียด อย่างไรก็ตามหากพนักงานสอบสวนชุดใหม่ และอัยการ เห็นว่าเอกสารยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ก็สามารถประสานของเพิ่มเติมจากผู้ที่เกี่ยวข้องได้ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนการทำงานเพื่อความรอบคอบรัดกุม
ด้านพ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า คณะพนักงานสอบสวนจัดทีมเร่งตรวจสอบภาพเคลื่อนไหว ภาพถ่าย ในเว็บไชต์ รวมทั้งภาพที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชนในช่วงวันเวลาที่เกิดเหตุ ที่ปรากฏภาพทหารใช้อาวุธยิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม เพื่อประมวลเหตุการณ์จุดที่เกิดในแต่ละจุดว่ามีการเสียชีวิตและบาดเจ็บ จากจุดดังกล่าวกี่ราย และมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าประจำการจุดดังกล่าวกี่ราย หัวหน้าชุดปฏิบัติการวันดังกล่าวเป็นใคร จากนั้นพนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกหัวหน้าชุดมาสอบปากคำถึงเหตุการณ์ ณ จุดนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น
พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวต่อว่า สำหรับภาพชาย 2 คน ที่ปรากฏผ่านเว็บไชต์และสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2553 ซึ่งเป็นภาพชายแต่งกายชุดทหาร รายแรกยืนถือปืนในชุดทหารลายพรางใส่หมวก ส่วนอีกรายที่อยู่ใส่ชุดทหารเช่นกัน แต่มีผ้าขนหนูคล้องคอ นั่งในท่านั่งเล็งปืน เหตุเกิดบริเวณหน้าสนามมวยลุมพินี จากการตรวจสอบล่าสุด คนที่ใช้ปืนยิงในท่านั่ง มียศสิบตรี เป็นพลทหารประจำรถถัง ล่าสุดทราบว่าออกจากราชการ ไปแล้ว ซึ่งจะเป็นรายแรกที่พนักงานสอบ สวนจะออกหมายเรียกมาสอบปากคำ
พ.ต.อ.ประเวศน์ ยังกล่าวอีกว่า ส่วนทหารที่ปรากฏภาพยิงปืนใส่กลุ่มผู้ชุมนุมอยู่หลังบังเกอร์ บนถนนพระราม 4 ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร เพราะเหตุเพียงด้านหลัง ทั้งนี้คงต้องออกหมายเรียกมาสอบปากคำเพิ่มเติมเช่นกัน โดยจะสอบถามว่ากระสุนที่ใช้เป็นกระสุนลักษณะใด ทั้งนี้จากภาพที่ปรากฏ เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญสามารถบอกได้ว่าใช้กระสุนจริงหรือกระสุนซ้อมยิง เพราะลักษณะปืน และอาการของปืนที่เคลื่อนไหว รวมทั้งวิธีการใส่ลูกกระสุนจริงกับกระสุนแตกต่างกันชัดเจน เช่นกระสุนจริงยิงได้ต่อเนื่อง กระสุนซ้อมขั้นตอนการยิงจะมากกว่าปกติ
พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลสำนวนคดีของแต่ละหน่วยของตัวเองอยู่ นำมารวมไว้ที่จุดเดียว เพื่อร่วมกันตรวจสอบสำนวนว่ายังมีจุดใดบ้างที่ยังขาดตกบกพร่องเกี่ยวกับพยานหลักฐาน เพื่อจะได้หามาเพิ่มเติม พนัก งานสอบสวนก็ได้มีการประชุมหารือกันทุกวัน เพื่อแบ่งงานกันทำ โดยทั้งนี้ในส่วนหลักฐานที่มีอยู่ ทั้งจากตำรวจและดีเอสไอ ก็พบว่าค่อนข้างชัดเจน ขณะนี้เตรียมทำหนังสือส่งไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ เพื่อขอความร่วมมือ ขอภาพถ่ายเหตุการณ์ทั้ง 2 เหตุการณ์ 10 เม.ย. 53 บริเวณ 4 แยกคอกวัว และเหตุการณ์ตั้งแต่ 14-19 พ.ค.5 3 ซึ่งเป็นพื้นที่ย่านราชประสงค์ ภายถ่ายหรือคลิปวิดีโอ เพื่อนำมาตรวจสอบกลุ่มเจ้าหน้าที่ทหารที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ในช่วงวันดังกล่าว นอกจากนี้ก็จะประสานไปยังเกี่ยวกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อขอคำสั่งการให้มีการปฏิบัติหน้าที่ในการกระชับพื้นที่ เมื่อนำมาตรวจสอบคำสั่งดังกล่าวว่า ได้ปฏิบัติตามคำสั่งหรือไม่ และนำมาจัดหมวดหมู่ แยกเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ออกจากกัน รวมทั้งคลิปวิดีโอ ว่าคลิปไหนอยู่จุดไหน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและใช้ประกอบในสำนวนคดีเพิ่มเติม
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบ สวนดีเอสไอเคยสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติการในที่เกิดเหตุ บริเวณรางรถไฟฟ้า ซึ่งบันทึกการสอบปากคำเจ้าหน้าที่ทหารรับสารภาพว่าใช้กระสุนจริงยิงลงไปด้านล่าง แต่เป็นการยิงใส่ชายชุดดำไม่ได้ยิงเข้าไปในวัดปทุมฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเหตุทหารสไนเปอร์ซุ่มยิงบริเวณหน้าสนามมวยลุมพินีนั้น เหตุเกิดช่วงวันที่ 15 พ.ค. 2553 จากนั้นในวันที่ 16 พ.ค. 2553 ในเว็บไซต์ยูทูบ มีผู้โพสต์เผยแพร่คลิปเหตุการณ์สไนเปอร์ดังกล่าวลั่นกระสุนเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง บริเวณใกล้เคียงกับพื้นที่ด้านหน้าสนามมวยเวทีลุมพินี ถ.พระราม 4 กทม. โดยก่อนเกิดเหตุ ช่วงบ่ายวันที่ 15 พ.ค. กลุ่มผู้ชุมนุมจุดไฟเผารถเก็บขยะและยางรถยนต์ เป็นเหตุให้เพลิงไหม้ลุกลามไปยังหม้อแปลงและสายไฟฟ้าหน้าธนาคารกสิกรไทย สาขาลุมพินี ไม่ไกลจากอาคารลุมพินีทาวเวอร์ ระหว่างนั้นมีเสียงระเบิดและยิงกระสุนปืนดังสนั่นตอบโต้กันหลายครั้ง
ต่อมาภาพจับขึ้นมายังสไนเปอร์ 2 นายบนตึก ซึ่งทหารคนที่มีอายุมากกว่าพูดขึ้นว่า 'ขว้างระเบิดขวดหลายครั้งแล้วไอ้ตัวนี้' ทันใดนั้นเองทหารสไนเปอร์ที่อายุน้อยกว่าและนอนเล็งเป้าอยู่ก็ลั่นไกเข้าใส่เป้าหมาย ขณะที่ทหารอายุมากกว่ากล่าวว่า 'ล้ม ล้มแล้ว ล้มแล้วๆ อย่า อย่า อย่า อย่าซ้ำ' แต่มือสไนเปอร์ไม่ฟังพร้อมกับลั่นไกยิงออกไปอีกนัด ทำให้ทหารคนดังกล่าวพยายามยกมือห้าม และเอื้อมไปตีศีรษะ สไนเปอร์เตือนให้หยุดยิง โดยพูดว่า 'ปล่อย อุ้ย ปล่อย'
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะเรียกทหารและตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 รวม 98 ศพ โดยเฉพาะกลุ่มคนแต่งกายคล้ายทหารใช้ปืนยิงจากที่สูง หรือสไนเปอร์ มาสอบปากคำ ว่า เห็นด้วยกับดีเอสไอที่จะทำงานตรงนี้อย่างเต็มที่ เพราะเชื่อว่าไม่ใช่เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่อยากรู้ความจริงเรื่องนี้ แต่คนทั้งโลกก็รอคอยคำอธิบายเช่นเดียวกัน ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดอะไรขึ้น การใช้ สไนเปอร์ออกมาจัดการกับประชาชนผู้ชุมนุมทางการเมือง เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกในรัฐบาลชุดที่แล้ว และหลังจากนั้นก็มีการใช้สไนเปอร์สังหารประชาชนในการต่อสู้ของโลกอาหรับ นี่จึงเป็นประวัติ ศาสตร์อัปยศที่ต้องมีคนรับผิดชอบ และมนุษยชาติต้องการความจริงในเรื่องนี้ เพราะว่าถือเป็นการก่ออาชญากรรมกับประชาชนด้วยวิธีการโหดเหี้ยมที่สุด ใครก็ตามที่สั่งการเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบต่อทุกชีวิตทั้งคนไทยและประชาชนในประเทศอื่น ที่ถูกสังหารด้วยสไนเปอร์เพราะชุมนุมทางการเมือง
'ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องยาก หรือซับซ้อนที่ดีเอสไอจะสอบปากคำทหารผู้ปฏิบัติ เพราะมีคลิปวิดีโอ ภาพถ่ายต่างๆ ปรากฏหน้าตาของทหารสไนเปอร์จำนวนมาก ผมคิดว่าต้องเริ่มจากผู้ปฏิบัติที่เห็นหน้าตาก่อน ว่าออกมาปฏิบัติการได้อย่างไร ใครเป็นคนสั่งให้คุณนำสไนเปอร์ออกมา และภารกิจที่ให้นำสไนเปอร์ออกมาคืออะไร ปืนสไนเปอร์เป็นปืนที่หวังผลความแม่นยำสูงสุด จึงต้องถามผู้ปฏิบัติว่าให้มายิงอะไร เพราะว่าไม่ใช่การยิงขู่ ไม่ใช่ยิงให้กลัว แต่ยิงให้โดนและต้องโดนให้ตาย เพราะฉะนั้นต้องไปถามคนปฏิบัติก่อน' นายณัฐวุฒิกล่าว
รมช.เกษตรและสหกรณ์กล่าว ต่อว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติศาสตร์ที่รัฐบาลของประเทศใดใช้สไนเปอร์กับประชาชน ความรับผิดชอบมันจึงครอบคลุมทุกชีวิตของประชาชนมือเปล่าที่ตายด้วยสไนเปอร์ทั่วโลก ตนแน่ใจว่าอาหรับที่นำปืนดังกล่าวออกมายิงก็เห็นตัวอย่างจากไทย ทหารผู้ปฏิบัติทั้งหลายสิ่งที่จะปลดพันธนาการในชีวิตได้คือการพูดความจริงกับสังคม เพื่อเป็นการชำระบาปสิ่งที่เกิดขึ้นจากการทำตามคำสั่งของคนบงการ