สาทิตย์ ถล่มตัดงบดีเอสไอ ซัด 2 มาตรฐานคดีค้างอื้อ สภาส่อป่วนเพื่อไทย-ปชป.โต้กันวุ่น
เวลา 21.15 น.ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2556 เดินหน้ามาถึงการอภิปรายมาตรา 17 ว่าด้วยงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงยุติธรรม โดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นอภิปรายเป็นคนแรกว่า ขอตัดงบฯ 10% จากงบประมาณ 1.1 พันล้านบาทในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เนื่องจากทำหน้าที่ไม่ตรงตามวิสัยทัศน์ของหน่วยงานที่ระบุว่าจะบังคับใช้กฎหมายด้วยความเป็นธรรม อีกทั้งยังตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายรัฐบาลในการทำลายขั้วอำนาจตรงข้าม
“ความผิดพลาดของดีเอสไอเห็นได้จากจำนวนคดีที่ค้างเพิ่มมากขึ้นทุกปี ตั้งแต่ปี 50 มีจำนวน 113 คดี ปี 51 จำนวน 114 คดี ปี 52 จำนวน 139 คดี ปี 53 จำนวน 392 คดี ปี 54 จำนวน 398 คดี และปี 55 จำนวน 283 คดี จึงไม่ทราบว่าเหตุใดจึงไม่สานต่อให้แล้วเสร็จ” นายสาทิตย์ กล่าว
นายสาทิตย์ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม จากการที่ทางกองทัพบกเคยออกมาชี้ว่ามีชายชุดดำโดยสารรถตู้ เมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อปี 53 โดยมีหลักฐานชัดเจนเป็นภาพวิดีโอที่ระบุหมายเลขทะเบียนรถ และชื่อเจ้าของรถชัดเจน แต่ดีเอสไอกลับปล่อยให้เรื่องเงียบหายกว่า 2 ปี แต่เมื่อนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องสอบสวนพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่แจงรายรับรายจ่ายที่เป็นเงินบริจาค 1 ล้านบาทจากบริษัท อีสวอร์เตอร์ ทางดีเอสไอกลับเรียกตัวผู้ที่เคยบริจาคเงินทั้ง 191 คนมาให้ปากคำทั้งหมดในระยะเวลาเพียง 2 เดือน สร้างความเดือดร้อนให้ผู้บริจาคเงินเป็นอย่างมาก
ด้านนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เคยชี้แจงกับคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เองโดยยอมรับว่า ดีเอสไอเป็นเครื่องมือของรัฐบาลและไม่มีกฎหมายใดที่ระบุว่าข้าราชการพลเรือนต้องปฏิบัติตัวอย่างเป็นกลาง อีกทั้งข้าราชการต้องปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาล หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกลงโทษได้
จากนั้นบรรยากาศในที่ประชุมส่อเค้าวุ่น เนื่องจาก สส.พรรคเพื่อไทย เริ่มทยอยลุกขึ้นประท้วง โดยนายประชา ประสพดี สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นโต้แย้งว่า สิ่งที่นายวัชระพูดตัดเพียงข้อความบางส่วนเท่านั้น เท่ากับบิดเบือนเพื่อสร้างความเข้าใจผิด หากดีเอสไอเป็นเครื่องมือของรัฐบาลชุดนี้จริง ปฏิเสธหรือไม่ว่าดีเอสไอไม่ใช่เครื่องมือของรัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชชีวะ ด้วย
