'เจ๋ง' เชื่อหลักฐานมีน้ำหนักไม่ถูกถอนประกัน ยันไม่มีเจตนาข่มขู่ศาลรธน. พร้อมขอความเมตตา ขณะที่ 'คนเสื้อแดง' ทยอยให้กำลังใจแน่น !
22 ส.ค. 55 ภายหลังการไต่สวนการขอถอนประกันตัว นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ "เจ๋ง ดอกจิก" ที่ใช้เวลายาวนานประมาณ 2 ชั่วโมงเสร็จสิ้น นายยศวริศได้เดินทางลงจากศาลอาญา พร้อมด้วยนางธิดา ถาวรรเศรษฐ ประธาน นปช. โดยนายยศวริศได้ให้สัมภาษณ์ว่ามั่นใจในหลักฐานที่นำมาเพิ่มเติมและคิดว่ามีน้ำหนักพอ และเชื่อว่าศาลจะรับฟังและพิจารณาไม่ให้ถอนประกัน
อย่างไรก็ตามต้องรอลุ้นอีกที ในเวลา 15.00 น. จากนั้นได้เดินไปที่รั้วศาลอาญา เพื่อทักทายกับคนเสื้อแดง ซึ่งผู้ชุมนุมได้ตะโกนเรียก "เจ๋ง สู้ๆ" อย่างความคึกคัก ทั้งนี้ด้านหน้าศาลฯ เริ่มมีการตั้งเต๊นท์บนช่องทางการจราจร และมีผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
'เจ๋ง-ดอกจิก' ยันไม่มีเจตนาข่มขู่ศาล รธน.
ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 22 ส.ค. 55 ศาลอาญานัดสอบถามนายนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ผู้ช่วยเลขานุการ รมช.มหาดไทย และแกนนำแนวกลุ่มร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จำเลยที่ 7 คดีร่วมกันก่อการร้าย และพวกซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วม นปช. รวม 19 คน กรณีที่ นายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ประชาธิปัตย์ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. และอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 2 คดีร่วมกันก่อการร้าย, นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย จำเลยที่ 5 คดีร่วมกันก่อการร้าย และนายยศวริศ จำเลยที่ 7 กรณีมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการให้ประกันตัว ขึ้นเวทีปราศรัยที่บริเวณหน้ารัฐสภา กล่าวโจมตีพาดพิง ข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้องขอให้วินิจฉัยร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ม.291 ขัด ม.68 ของรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นการล้มล้างการปกครองหรือไม่
โดยวันนี้นายนิพิฏฐ์ เดินทางมาศาลพร้อมส.ส.และทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายยศวริศ ได้เตรียมพยานเปิดความ 3 ปาก ประกอบด้วย พ.ต.อ.ไกรเลิศ บัวแก้ว รอง ผบก. น.1 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์และควบคุมสถานการณการชุมนุมวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมา, นายฐานิสร์ เทียนทอง รมช.มหาดไทย ในฐานะผู้บังคับบัญชาของตนเอง และนายจรินทร์ สวนแก้ว ประธานมูลนิธิ 5 ธันวามหาราช ขึ้นเบิกความว่านายยศวริศ มีความจงรักภักดีเนื่องจากร่วมเป็นคณะกรรมการจัดงาน 5 ธันวา และเตรียมวัตถุพยาน คือ วีซีดีบันทึกการปราศรัยเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ช่วงที่ขึ้นเวทีกล่าวขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ความยาว 3 นาทีและเอกสารถอดคำปราศรัยด้วย
นายยศวริศ แถลงต่อศาลว่า การปราศรัยก็เป็นการพูดตามสไตล์ตลกของตน แต่หลังเกิดเหตุตนได้กล่าวขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อหน้าประชาชนจำนวนมาก และได้บอกกับประชาชนว่าอย่าโทรศัพท์ไปก่อกวนครอบครัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่าน ซึ่งก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นและไม่มีประชาชนคนใดคนหนึ่งโทรศัพท์ไปรบกวนตุลาการและครอบครัวเลยแม้แต่คนเดียว ที่สำคัญหมายเลขโทรศัพท์ที่ได้นำไปประกาศก็ไม่ได้มีการตรวจสอบว่าเป็นของจริงหรือไม่
ทั้งนี้ยืนยันว่าตนไม่มีเจตนายุยงปลุกปั่นสร้างความวุ่นวาย ในทางกลับกันตนได้ประสานกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมบริเวณศาลอาญาโดยขอร้องให้คนเสื้อแดงอยู่ในระเบียบวินัยของศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะนี้มีรัฐบาลเพื่อไทยและตนเป็นสมาชิกอยู่ รวมทั้งตนมีตำแหน่งเป็นเลขานุการฯ ช่วยงานรมช.มหาดไทย จึง ไม่มีเจตนากระทำการวุ่นวาย วันนี้ตนไม่มีอะไรมากนอกจากขอความเมตตาจากศาล ซึ่งหากมีการกระทำผิดพลาดตนขออภัย และน้อมรับปฏิบัติตามคำสั่งศาลอย่างเต็มใจและเคร่งครัด
ขณะที่นายวิญญัติ แถลงต่อศาลขอสอบถามนายยศวริศเพิ่มเติม และจะนำพยานขึ้นเบิกความเพียง 3 ปาก พร้อมเปิดหลักฐานวีซีดีในวันปราศรัยให้ศาลดูเพิ่มเติมประมาณ 2-3 นาที จากนั้นนายยศวริศ ตอบข้อซักถามทนายถึงสาเหตุที่ไปขึ้นปราศรัยว่า เนื่องจากในรัฐสภากำลังมีการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ และมีผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 กลุ่มนปช.จึงได้จัดปราศรัยและรวบรวมรายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกครั้งที่มีการปราศรัยก็ได้บันทึกไว้เป็นวีซีดีได้ โดยวันดังกล่าวหลังจากปราศรัยและประกาศหมายเลขโทรศัพท์ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและครอบครัว ก็ได้มีการขอโทษตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไปแล้ว ซึ่งรายชื่อและหมายเลขโทรก็มีคนนำมาให้ จึงไม่ได้มีการตรวจสอบ เพราะต้องขึ้นเวทีปราศรัยต่อ แต่หลังจากนั้นได้ให้ทีมงานลองตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของตุลาการจริงหรือไม่ ก็พบว่าหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวก็มีเผยแพร่ในที่สาธารณะ ซึ่งในการปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมไม่มีใครสนใจหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าว และตนได้อยู่ดูแลความสงบในที่ชุมนุมจนกลับบ้านคนสุดท้ายไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาสร้างความปั่นป่วน และไม่เคยใช้จ้างวานยุยงใช้ให้ใครไปข่มขู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีแต่จะห้ามปรามไม่ให้ก่อกวน
ต่อมาเวลา 10.47 น. ทนายความได้นำนายฐานิสร์ ขึ้นแถลงต่อศาลว่า จากการทำงานร่วมกับนายยศวริศ 1 ปี เห็นว่านิสัยส่วนตัวนายยศวริศจะเป็นคนสนุกสนานร่าเริง อารมณ์ดี ไม่มีพฤติกรรมก้าวร้าว และไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อสังคม นายยศวริศได้ทำหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ มีความรับผิดชอบงานได้เป็นอย่างดี โดยตนมอบหมายให้นายยศวริศแก้ไขปัญหาผู้ประสบอุทกภัย ซึ่งกรณีที่มีการชุมนุมของผู้ประสบอุทกภัยนายยศวริศก็มีความสามารถเข้าไปไกล่เกลี่ยได้เป็นอย่างดี ส่วนที่นายยศวริศวิจารณ์การทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและรวบรวมรายชื่อถอดถอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าทำตามสิทธิ์ขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญเห็นว่าก็สามารถทำได้ เพราะการวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาก็มีนักวิชาการ ประชาชนทั่วไปวิจารณ์จำนวนมาก และหลังวันที่ 7-8 มิ.ย. ที่มีการปราศรัยพร้อมทั้งรวบรวมรายชื่อถอดถอนตุลาการก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น
พ.ต.อ.ไกรเลิศ แถลงว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมทางการเมืองตนได้เดินทางดูแล โดยได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบงานป้องกันปราบปรามและความมั่นคง โดยวันที่ 7-8 มิ.ย. ได้อยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เริ่มชุมนุมจนยุติการชุมนุม ซึ่งตนในฐานะผู้อำนวยการเหตุการณ์ได้เดินทางไปดูแล ควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในวันที่ 7 มิ.ย. โดยช่วงเวลา 16.00-17.00 มีแกนนำทยอยขึ้นเวทีปราศรัย แต่มีผู้ชุมนุมไม่มากสถานการณ์จึงปกติ ระหว่างนั้นได้รับรายงานว่ามีคนนำใบปลิวระบุรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ข้างเวที จึงให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและตามเก็บ แต่มีบางส่วนหลุดไปถึงหลังเวทีเสื้อแดงที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตามเก็บได้ทัน ขณะที่ปราศรัยของนายยศวริศในช่วงเย็นก็มีกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งเป็นกลุ่มรากหญ้า จึงยังไม่ได้สนใจรายละเอียดหมายเลขโทรศัพท์ แต่ผู้ชุมนุมเริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 20.00-22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่นายยศวริศขึ้นกล่าวขอโทษและหลังจากที่มีการปราศรัยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการถอดเทปเกี่ยวกับการปราศรัย
ขณะที่ทนายความได้นำนายจรินทร์ แถลงเป็นปากสุดท้ายว่า ตนรู้จักนายยศวริศผ่านสมาคมตลก และเคยเชิญนายยศวริศช่วยดูแลงานเฉลิมพระเกียรติ 12 สิงหา โดยมอบหมายให้ดูแลเรื่องตลก ซึ่งนายยศวริศก็ได้ร่วมงานเต็มที่มาโดยตลอด นายยศวริศเป็นผู้มีการศึกษามีวุฒิภาวะย่อมรู้อะไรควรหรือไม่ควร หากทำอะไรไม่ควรเมื่อสำนึกและออกมายอมรับ เรื่องของประเพณีคนไทยทำผิดแล้วขออภัยสังคมก็ยอมรับได้
หลังจากนั้นนายนิพิฏฐ์ ผู้ร้องได้แถลงว่า ได้ยื่นคำร้องและวีซีดีบันทึกการปราศรัยของนายยศวริศ 5 ครั้ง ซึ่งเป็นการกระทำอย่างเป็นขั้นเป็นตอนในการทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม บางครั้งได้วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ซึ่งการปราศรัยของนายยศวริศเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 55 ที่จ.สมุทรปราการได้มีการกล่าวถึงตุลาการทำนองว่า ส่วนใหญ่เป็นคนแก่ๆ ก็ควรอยู่ในลูกหลานสรรเสริญ แต่ตุลาการกลับมีคนก่นด่าสาปแช่งทุกวัน ซึ่งตนเห็นว่าไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต แสดงให้เห็นว่านายยศวริศไม่เข้าใจว่าการก่นด่าหรือวิจารณ์ต่างกันอย่างไร นอกจากนี้ หน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยคือบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน รวมทั้งรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ แต่การกระทำของนายยศวริศเป็นการก่อความไม่สงบ และการมายื่นคำร้องเพราะเห็นว่าในบ้านเมืองมี 2 องค์กรที่ไม่มีภูมิคุ้มกันตนเอง คือ สถาบันพระมหากษัตริย์และศาล เมื่อมีการโจมตีเราไม่เคยเห็น 2 องค์กรนี้ออกมาชี้แจง เราจึงต้องช่วยกันปกป้อง
นายนิพิฏฐ์ ตอบข้อซักถามว่า ตนไม่เกี่ยวข้องกับคดีก่อการร้าย แต่ยืนยันว่าการยื่นคำร้องเป็นการใช้สิทธิ์โดยสุจริต และตนไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามกับนายยศวริศ การยื่นคำร้องเพื่อให้ศาลเห็นพฤติการณ์นายยศวริศที่ผิดเงื่อนไขการปล่อยตัวชั่วคราว โดยน่าจะเป็นการล่วงเกินกฎหมายของแผ่นดิน แต่ศาลจะเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่ขึ้นอยู่ดุลพินิจของศาล แม้ตนไม่มีอำนาจในการตัดสินชี้ขาด แต่ตนมีสิทธิ์ยื่นคำร้อง และไม่มีกฎหมายฉบับใดระบุว่าตนไม่สามารถยื่นคำร้องถอนประกันได้ โดยการยื่นร้องก็ใช้สิทธิ์ส่วนตัวไม่ใช่ฐานะทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อตนพบเห็นการกระทำลักษณะดังกล่าวก็ต้องยื่นคำร้องให้ศาลพิจารณา
ต่อมาทนายความของนายภูมิกิติ หรือพิเชษฐ์ สุขจินดาทอง จำเลยที่ 11 ได้แถลงต่อศาลว่าจำเลยที่ 11 ป่วยมีใบรับรองแพทย์รักษาตัวที่โรงพยาบาลพระราม9 ยื่นต่อศาล จึงขอเลื่อนการสอบถามจำเลยที่ 11 ออกไปก่อน ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้นัดสอบถามจำเลยที่ 11 วันที่ 29 พ.ย. นี้ พร้อมกับจำเลยที่ 3,4,5,9,10 ที่เป็น ส.ส. ภายหลังศาลสอบถามนายยศวริศ เสร็จ ได้นัดฟังคำสั่งเวลา 15.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างศาลสอบถามจำเลย นายนิพิฏฐ์ได้แสดงสีหน้ากังวล โดยถามหาชุดอารักขาของตนเอง 3 คน และขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยตามตัว แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามตัวได้ ทำให้นายนิพิฏฐ์ไม่สบายใจ ซึ่งหลังจากเบิกความเสร็จนายนิพิฏฐ์และทีมกฎหมายได้เดินทางกลับทันที
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการพิจารณา นายยศวริศ กล่าวสั้นๆว่า รู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าจะได้รับความเมตตาต่อศาลและเชื่อว่าศาลจะให้ความเป็นธรรมเพราะพยานที่นำมาเบิกความในนี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีความน่าเชื่อถือทั้งสิ้น