กลยุทธ์ รุกรบ ผ่านรูป "คณะทำงาน" แก้ รัฐธรรมนูญ

มติชน 3 สิงหาคม 2555 >>>





เหมือนกับว่าคำวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญบนพื้นฐานแห่งมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 จะเป็นชัยชนะสามารถยับยั้งร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 ได้กระนั้น ชัยชนะอันได้มาเมื่อวันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม ก็เป็นชัยชนะซึ่งดำเนินไปอย่างทุลักทุเลอย่างยิ่งเพราะว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 ยังคงอยู่การเสนอแก้ไขมิได้ผิดมาตรา 68 ไม่มีอะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศเพียงแต่รอลงมติในวาระ 3 เท่านั้นเองเช่นเดียวกับ คำวินิจฉัยของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเหมือนกับจะเป็นความพ่ายแพ้ของรัฐบาล ของพรรคร่วมรัฐบาล ของพรรคเพื่อไทยเพราะไม่สามารถเดินหน้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ผ่านวาระ 3 ได้กระนั้น ความพ่ายแพ้นี้กลับเป็นบทเรียนอย่างใหญ่หลวง กล่าวคือ ได้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอมแน่นอนหากแตะรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550
ต้องระดมพลังมาปกป้องอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูหวงรางหญ้า ทางออกของพรรคเพื่อไทยที่เสนอผ่านพรรคร่วมรัฐบาลให้มีการจัดตั้ง "คณะทำงาน" จึงเป็นทางออกจากประสบการณ์ตรง เหมือนกับเป็นการถอย
เหมือนกับเป็นการซื้อเวลา แต่ หากประเมินจากปฏิกิริยาอันปรากฎผ่านการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 หากประเมินผ่านรายละเอียดคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าคำวินิจฉัยกลาง ไม่ว่าคำวินิจฉัยส่วนตน แจ่มชัด แจ่มชัดว่าอีกฝ่ายต้องตั้งป้อมคัดค้าน ต่อต้าน อย่างสุดฤทธิ์สุดเดช เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 คือกล่องดวงใจ เป็นผลพวงอันได้จากการรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 การย้อนกลับมาจัดตั้งคณะทำงานอันประกอบส่วนจาก พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังชล จึงมีความจำเป็น
1 ศึกษาหากระบวนการขับเคลื่อน แก้ไข 1 เคลื่อนไหวทำความเข้าใจกับประชาชน ผ่านกระบวนการของแต่ละพรรคที่มีอยู่เพื่อให้ตระหนักในความจำเป็นต้องแก้ไข ต้องเลือกระหว่างประชาธิปไตยกับมรดกเผด็จการต้านรัฐประหาร
จุดแข็งเป็นอย่างมากของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประสานกับจุดแข็งอย่างมากของพรรคเพื่อไทยนั่นก็คือ เป็นฝ่ายกำชัยจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2554 ล้วนชนะจนได้เป็นรัฐบาล ที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ เป็นการเลือกตั้งภายใต้กฎกติกาแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ก็ยังกำชัยเหนือพรรคประชาธิปัตย์ การแก้รัฐธรรมนูญไม่ต้องรีบร้อนก็ได้
เพราะถึงอย่างไรหากมีการเลือกตั้งอีกพรรคเพื่อไทยก็ต้องกำชัยเหนือพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์ออกมาปกป้องรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 อันเป็นผลพวงของการรัฐประหารยิ่งเท่ากับสร้างเงื่อนไขอันเป็นผลดีให้กับพรรค เพื่อไทยเป็นทวีคูณ การแก้รัฐธรรมนูญจึงเป็นการประลองกำลังที่ต้องดำเนินด้วยความรอบคอบ "คณะทำงาน" นี่แหละจะเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างมีลักษณะจัดตั้งของพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อต่อกรกับพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจตุรพรรคอันทรงพลังต้านรัฐประหาร ไม่ว่าจะมองว่าเป็นการถอย ไม่ว่าจะมองว่าเป็นการซื้อเวลา แต่ก็ดำเนินไปอย่างรัดกุมยิ่ง ดำเนิน ไปในฐานะเป็นฝ่ายรัฐบาล ดำเนินไปในฐานะของผู้กำชัยในกระบวนการเลือกตั้งมีโอกาสได้เป็นรัฐบาลอีก อย่างค่อนข้างแน่นอน จึงครองความได้เปรียบ จึงครองความเป็นฝ่ายรุกเหนือกว่า