มติชน 24 สิงหาคม 2555 >>>
ศาลไต่สวนคดี 6 ศพวัดปทุมฯ
ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิตคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิต 6 ศพ ในวัดปทุมวนาราม ในช่วงการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ประกอบด้วย นายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี เกษตรกร นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี พนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี พยาบาลอาสา และนายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง
ทั้งนี้ พนักงานอัยการนำนายอุดร สุวรรณสิงห์ ขึ้นเบิกความสรุปว่า ประกอบอาชีพขับแท็กซี่ และเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่แกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุม ได้เดินออกจากบริเวณแยกราชประสงค์ ปีนกำแพงเข้าโรงพยาบาลตำรวจ และขณะที่จะเดินเข้าไปหลบภัยที่วัดปทุมวนาราม ได้ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตะโกนบอกว่า ไม่ต้องข้ามมา ขณะเดียวกันมีเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุด มาจากแยกเฉลิมเผ่า จึงก้มหลบ เมื่อเงยหน้ามองออกไปเห็นนายมงคล และนายรพ ถูกยิงเสียชีวิตอยู่หน้าวัด จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นครั้งที่ 2 อีก 1 ชุด เมื่อมองเข้าไปในวัดเห็น น.ส.กมนเกด ถูกยิงล้มลง ทั้งนี้ เข้าใจว่าทหารเป็นคนยิง เพราะผู้ยิงสวมชุดลายพรางทหาร
แม่ค้าน้ำเห็น "ลายพราง" ยิง
ต่อมาพนักงานอัยการ นำนางศันษณีย์ โมจิซึ ขึ้นเบิกความสรุปว่า เป็นแม่ค้าขายน้ำดื่มในที่ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2553 แต่ก่อนเกิดเหตุได้เลิกขายน้ำและเข้าร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดงบริเวณแยกราชประสงค์ เมื่อแกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุมและให้ผู้ชุมนุมเข้าไปหลบที่วัดปทุมวนาราม เนื่องจากมีการประกาศให้เป็นเขตอภัยทาน จึงเข้าไปหลบอยู่ในเต็นท์ปฐมพยาบาลหน้าวัด ได้พบนายอัครเดช กำลังช่วยปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บอยู่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนและมีคนตะโกนบอกว่า มีผู้เสียชีวิตหน้าวัด กลุ่มผู้ชุมนุมจึงนำตัวชายที่ถูกยิงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายเข้ามาในวัด ก่อนที่ชายคนดังกล่าวจะเสียชีวิต
"ต่อมาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 ชุด ได้หลบไปอยู่ด้านข้างรถกระบะ ด้านข้างเต็นท์พยาบาล ส่วน น.ส.กมนเกด และนายอัครเดช หลบอยู่ใต้โต๊ะพยาบาลในเต็นท์ ระหว่างนั้นเห็น น.ส.กมนเกดพยายามจะคลานมาหลบกับพวกดิฉัน ได้เห็นแขนข้างซ้ายของ น.ส.กมนเกด มีเลือดไหล เข้าใจว่าถูกยิง จึงนำกล้องถ่ายรูปมาถ่ายบันทึกภาพเหตุการณ์ ต่อมานายอัครเดชถูกยิงอีกคนหนึ่ง และได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย เพราะขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเสียงดังมาจากรางรถไฟฟ้าหน้าวัด เมื่อเงยหน้ามองเห็นคนสวมชุดลายพรางกำลังเล็งปืนยิงใส่มาภายในวัด" นางศันษณีย์ เบิกความ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้น ได้นัดไต่สวนพยานครั้งต่อไป วันที่ 30 สิงหาคม เวลา 09.00 น.
เรียก "ไก่อู" ไต่สวน "24 ก.ย."
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิตของนายชาญณรงค์ พลศรีลา ผู้ร่วมชุมนุมในกลุ่ม นปช.ที่ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันเชลล์ ซอยรางน้ำ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 โดยนายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความญาติผู้ตาย กล่าวว่า พนักงานอัยการนำพยาน 2 ปาก ประกอบด้วย พ.ท.อำนาจ ศุภมงคล นายทหารพระธรรมนูญ และ พล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปรี้ยวนิ่ม แพทย์ ผู้ชันสูตรพลิกศพ ขึ้นเบิกความสรุปว่า พยานเป็นแพทย์ที่ผ่าชันสูตรศพพบว่า มีบาดแผลฉกรรจ์ 2 แห่ง คือ แผลจากการถูกกระสุนหัวหุ้มทองแดง เจาะเข้าบริเวณท้องขวาส่วนบน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงต่ออวัยวะภายใน จนเป็นสาเหตุการเสียชีวิต และมีบาดแผลบริเวณแขนขวาส่วนล่าง จากด้านซ้าย ซึ่งทะลุออกแต่ทำให้กระดูกแขนแตก ซึ่งทั้งสองแผลเป็นกระสุนชนิดเดียวกัน
ภายหลังศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดไต่สวนพยานอีกครั้ง ในวันที่ 24 กันยายนนี้ เวลา 09.00 น. โดยพยานปากต่อไปที่จะขออนุญาตให้ศาลเรียกมาไต่สวนคือ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก และทหารที่อยู่ประจำหน่วยบริเวณที่เกิดเหตุ
ส่ง "5 ศพบ่อนไก่" ให้นครบาล
พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน 98 ศพ จากเหตุรุนแรงทางการเมือง เมื่อปี 2553 เปิดเผยหลังประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวนว่า ได้เรียกตรวจสอบสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนแต่ละชุด เพื่อสอบสวนหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมในจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ เบื้องต้นพิจารณาแล้วว่า หลายสำนวนมีพยานหลักฐานค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะสำนวนการสอบสวนผู้เสียชีวิต 5 ศพ บริเวณบ่อนไก่ ซึ่งดีเอสไอจะส่งสำนวนให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ไปชันสูตรพลิกศพและส่งให้อัยการไต่สวนเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้เสียชีวิตที่อาจมาจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ
พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าวถึงการเรียกเจ้าหน้าที่รัฐที่ประจำการในฐานะพลแม่นปืน 2 นาย เข้าให้ปากคำว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย เลื่อนเข้าให้ปากคำในวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา คณะพนักงานสอบสวนได้กำหนดวันนัดเข้าให้ปากคำใหม่อีกครั้ง เป็นวันที่ 29 สิงหาคม และในสัปดาห์หน้าดีเอสไอจะทยอยเรียกพยานที่เป็นผู้บาดเจ็บที่มีอยู่จำนวนมากเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม "ที่ประชุมเห็นควรทำหนังสือสอบถามถึงเอกสารคำสั่งของ ศอฉ. ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หลังพบว่ามีเอกสารคำสั่งบางคำสั่ง ที่ปรากฏผ่านสื่อมวลชน ศอฉ.ไม่ได้ส่งมอบให้ดีเอสไอ" พ.ต.อ.ประเวศน์ กล่าว