MCOT 23 สิงหาคม 2555 >>>
ศาลอาญา 23 ส.ค.- ศาลนัดไต่สวนพยาน 2 ปาก คดีการเสียชีวิตจากเหตุชุมนุมการเมือง พ.ค. 53 ให้การตรงกัน เห็นบุคคลสวมชุดพรางยิงเข้ามาในวัดปทุมวนาราม นัดไต่สวนอีกครั้ง 30 ส.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง ศาลได้ไต่สวนคำร้องชันสูตรการเสียชีวิตคดีหมายเลขดำที่ ช.5/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของ นายสุวัน ศรีรักษา อายุ 30 ปี อาชีพเกษตรกร ผู้เสียชีวิตที่ 1 นายอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 28 ปี บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เสียชีวิตที่ 2 นายมงคล เข็มทอง อายุ 36 ปี เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เสียชีวิตที่ 3 นายรพ สุขสถิต อายุ 66 ปี อาชีพพนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน ผู้เสียชีวิตที่ 4 น.ส.กมนเกด อัคฮาด อายุ 25 ปี อาชีพพยาบาลอาสา ผู้เสียชีวิตที่ 5 และ นายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้าง ผู้เสียชีวิตที่ 6 ซึ่งทั้ง 6 ศพ ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม แยกราชประสงค์ ในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี
พนักงานอัยการนำ นายอุดร สุวรรณสิงห์ ประจักษ์พยาน ขึ้นเบิกความสรุปว่า ได้เข้าร่วมชุมนุมเรียกร้องกับกลุ่มคนเสื้อแดง โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 53 ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารกำลังปฏิบัติการกระชับพื้นที่บริเวณถนนราชดำริ พยานซึ่งร่วมชุมนุมอยู่บริเวณนั้น ได้เข้าไปช่วยกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านเจ้าหน้าที่ทหารแต่ไม่สำเร็จ พยานร่วมชุมนุมเรื่อยมา กระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น.เศษ วันที่ 19 พฤษภาคม แกนนำ นปช.ได้ประกาศยุติการชุมนุมและให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนจากเสื้อแดงสวมเสื้อหลากสีแทน พยานจึงนำเสื้อสีดำมาสวมและเดินออกมาจากสถานที่ชุมนุมปืนกำแพงเข้าไปที่ รพ.ตำรวจ ขณะที่จะเดินออกจากโรงพยาบาลเพื่อข้ามมาหลบภัยที่วัดปทุมวนาราม ได้ยินเสียงชายคนหนึ่งตะโกนบอกว่าไม่ต้องข้ามมา พร้อมกับได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 ชุด มาจากแยกเฉลิมเผ่า พยานจึงก้มลงหลบ เมื่อเงยหน้ามองออกไปเห็น นายมงคล ผู้เสียชีวิตที่ 3 และ นายรพ ผู้เสียชีวิตที่ 4 ถูกยิงเสียชีวิตอยู่หน้าวัด จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นเป็นครั้งที่ 2 อีก 1 ชุด เมื่อมองเข้าไปในวัดเห็น น.ส.กมนเกด ถูกยิงล้มลง เข้าใจว่าถูกทหารยิงเพราะผู้ยิงสวมชุดลายพรางทหาร
ต่อมาพนักงานอัยการนำ นางศันษณีย์ โมจิซึ ประจักษ์พยานขึ้นเบิกความสรุปว่า พยานเป็นแม่ค้าขายน้ำดื่มในที่ชุมนุมตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย. 53 กระทั่งใกล้วันเกิดเหตุ ตนเลิกขายน้ำและเข้าไปร่วมชุมนุมโดยพักอยู่บริเวณหน้าเวทีปราศรัย จนกระทั่งบ่ายวันที่ 19 พ.ค. แกนนำ นปช. ได้ประกาศยุติการชุมนุมและให้กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางเข้าไปหลบที่วัดปทุมวนาราม เนื่องจากมีการประกาศให้เป็นเขตอภัยทาน ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังด้านหลังเวทีชุมนุม 1 นัด จากนั้นได้เข้าไปในวัดปทุมวนาราม และเข้าไปหลบอยู่ในเต็นท์ปฐมพยาบาล ซึ่งได้พบกับ น.ส.กมนเกด และ นายอัครเดช กำลังช่วยปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บอยู่ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนและมีคนตะโกนบอกว่ามีผู้เสียชีวิตหน้าวัด กลุ่มผู้ชุมนุมจึงนำตัวชายคนดังกล่าวเข้ามาในวัด ตนเห็นว่ามีบาดแผลถูกยิงที่หน้าอกด้านซ้ายและเสียชีวิต ต่อมาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 1 ชุด จึงหลบไปอยู่ด้านข้างรถกระบะซึ่งอยู่ด้านข้างเต็นท์ปฐมพยาบาล ส่วน น.ส.กมนเกด ผู้เสียชีวิตที่ 5 และนายอัครเดช ผู้เสียชีวิตที่ 6 หลบอยู่ใต้โต๊ะพยาบาลในเต็นท์ ระหว่างที่ น.ส.กมนเกด พยายามคลานมาหลบกับพวกตน ได้เห็นแขนข้างซ้ายของ น.ส.กมนเกด มีเลือดไหล จึงเข้าใจว่าถูกยิง พยานจึงนำกล้องถ่ายรูปมาถ่ายบันทึกภาพเหตุการณ์ ต่อมา นายอัครเดช ก็ถูกยิงอีกคนหนึ่งและได้เรียกร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยเพราะขณะนั้นมีเสียงปืนดังขึ้นต่อเนื่องเป็นระยะ โดยเสียงดังมาจากรางรถไฟฟ้าหน้าวัด ซึ่งพยานเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นเจ้าหน้าที่ทหารสวมชุดลายพรางและหมวกกำลังเล็งปืนยิงใส่มาภายในวัดอย่างชัดเจนเนื่องจากเป็นเวลากลางวัน หลังสิ้นเสียงปืนพยานออกมาจากที่หลบซ่อน พบชายไม่ทราบชื่อถูกยิงเสียชีวิตอีกหนึ่งศพ โดยเท่าที่พยานทราบมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตทั้งหมด 4 ศพ พยานจึงหลบอยู่ในวัดจนกระทั่งเช้าทราบว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 6 ศพ และมีผู้ถูกยิงได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง
ต่อมามีการประกาศให้ผู้ชุมนุมที่ต้องการเดินทางกลับบ้านให้เข้าแถวชาย 1 หญิง 1 เพื่อพาไปขึ้นรถออกจากที่ชุมนุม แต่พยานไม่ไปและอยู่เฝ้าศพต่อ กระทั่งเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 20 พ.ค.53 มีเจ้าหน้าที่มาตรวจพิสูจน์ศพทราบชื่อคือ หมอพรทิพย์ (พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม) และทีมงานมาชันสูตรศพพบหัวกระสุน จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พยานเห็นว่ามีการชันสูตรศพแล้ว จึงเดินออกจากที่ชุมนุมกลับบ้าน
ทั้งนี้ นางศันษณีย์ ตอบคำถามทนายความว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุมทุกคนจะต้องถูกเจ้าหน้าที่ทหารตรวจค้นตัวและยานพาหนะอย่างละเอียด ซึ่งภายในที่ชุมนุมมีคนสวมเสื้อหลากสี โดยมีเสื้อขาวและดำบางส่วนเป็นจำนวนน้อย แต่ชายที่ใส่ชุดดำไม่ได้มีอาวุธติดตัว และผู้ชุมนุมที่หลบอยู่ภายในวัดไม่มีใครยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ทหาร ภายหลังศาลไต่สวนพยานเสร็จสิ้นแล้วในวันนี้ จึงนัดไต่สวนพยานครั้งต่อไปวันที่ 30 ส.ค. เวลา 09.00 น.