ประมุขและกรรมการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ ต่างเฮกันถ้วนหน้า เพราะในเวลาอันใกล้นี้จะได้รับเงินเดือนอู้ฟู่และล่ำซำขึ้นกว่าเดิม
เมื่อ "สภาผู้แทนราษฎร" มีมติ 359 เสียง เห็นชอบให้ผ่านร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และประโยชน์ตอบแทนอื่น ของประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินและผู้ตรวจการแผ่นดิน ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (ฉบับที่ ...) พ.ศ.... ในวาระที่ 3 เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม
ทั้งนี้ หลักการสำคัญของการเสนอร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2541 โดยกำหนดให้การปรับอัตราเงินเดือนของประธานและกรรมการขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระในกรณีที่เป็นการปรับเพิ่มเป็นร้อยละเท่ากันทุกอัตราและไม่เกินร้อยละ 40 ของอัตราเงินที่บังคับใช้อยู่ สามารถกระทำได้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา
สาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. นี้คือ ให้ยกเลิกบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งของประธานและกรรมการองค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ ซึ่งเคยมีการแก้ไขเพิ่มเติม เป็นฉบับที่ 2 พ.ศ. 2546 และเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ร้อยละ 4 ร้อยละ 5 ให้สอดคล้องกับการปรับเงินเดือนภาครัฐ
สำหรับเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระเคยถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเมื่อ พ.ศ.2541 ดังนี้ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 63,000+45,500 บาท = 108,500 บาท ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 62,000+42,500 บาท = 104,500 บาท
ในส่วนของประธานกรรมการและ กกต. ประธานกรรมการและกรรม ป.ป.ช. ได้อัตราเดียวกันกับประธานศาลรัฐธรรมนูญและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีเพียงผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา และประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 62,000+42,500 บาท = 104,500 บาท ขณะที่กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 61,000+41,500 บาท = 102,500 บาท
ต่อมามีการบังคับใช้ พ.ร.บ.เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมเป็นฉบับที่ 2 พ.ศ. 2546 โดยขึ้นเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 64,000+50,000 บาท = 114,000 บาท
หากร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 3 ได้มีผลบังคับใช้ตามที่สภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบ ก็จะมีผลให้ องค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระได้รับเงินเดือนขึ้นพุ่งทะยานจากปี 2541 โดยในบัญชี 5 ได้กำหนดอัตราเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งให้ใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 ดังนี้
- ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 75,590+50,000 บาท = 125,590 บาท (เพิ่มขึ้น 11,590 บาท) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 73,240+42,500 บาท = 115,740 บาท (เพิ่มขึ้น 11,240 บาท)
- ประธาน กกต. 74,420+45,500 = 119,920 บาท (เพิ่มขึ้น 11,420 บาท) กกต. 73,240+42,500 = 115,740 บาท (เพิ่มขึ้น 11,240 บาท)
- ประธาน ป.ป.ช. 74,420+45,500 = 119,920 บาท (เพิ่มขึ้น 11,420 บาท) กรรมการ ป.ป.ช. 73,240+42,500 = 115,740 บาท (เพิ่มขึ้น 11,240 บาท)
- ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เงินเดือน 74,420+45,500 =119,920 บาท (เพิ่มขึ้น 15,420 บาท) ผู้ตรวจการแผ่นดิน 73,240+42,500 =115,740 บาท (เพิ่มขึ้น 11,240 บาท)
- ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 74,420+45,500 =119,920 บาท (เพิ่มขึ้น 15,420 บาท) กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน 73,240+42,500 = 115,740 บาท (เพิ่มขึ้น 13,240 บาท)
ในขณะที่เงินประจำตำแหน่งต่อเดือนของนายกรัฐมนตรี ได้รับจำนวน 125,590 บาท ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับจำนวน 125,590 บาท ได้รับอัตราเดียวกันกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับจำนวน 115,740 บาท
อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง ยังต้องฝ่าด่าน "วุฒิสภา" อีกภายใน 60 วันนับแต่ได้รับแต่ได้รับร่าง พ.ร.บ. จากสภาผู้แทนราษฎร
หาก "วุฒิสภา" ไม่เห็นชอบก็ต้องคืนกลับมาที่ "สภาผู้แทนราษฎร" แต่หาก "วุฒิสภา" เห็นชอบก็ต้องส่งให้นายกรัฐมนตรีนำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้ร่าง พ.ร.บ. นี้ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ต่อไป
