น่าเห็นใจ แต่...

ข่าวสด 25 กรกฎาคม 2555 >>>




ตามกำหนดที่นัดหมายกันเอาไว้ล่วงหน้า วันนี้คือวันที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 8 คนที่ลงมติในคดีแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเปิดเผยคำวินิจฉัยส่วนตัวของใครจะวิลิศมาหราเท่าไหร่ ต้องตรงกับใจคนส่วนใหญ่เพียงใด
ตรง-เบี่ยงไปจากหลักนิติธรรมมากน้อยแค่ไหน สังคมก็จะได้รู้ และแสดงความคิดเห็นได้ต้องตรงประเด็นยิ่งขึ้น รวมทั้งการเมืองก็จะชัดเจนขึ้นว่าจะขยับไปทางไหน
ปลายสัปดาห์ก่อน หนึ่งในตุลาการที่ร่วมลงมติในคดีดังกล่าวคือนายบุญส่ง กุลบุปผา ออกมา "ตัดพ้อ" เรื่องการทำหน้าที่ของตุลาการ ตัวอย่างย่อๆ ก็เช่น
   "ช่วงแรกก็ท้อและน้อยใจ ทั้งที่เราเข้ามาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมือง แต่มีคนกลุ่มหนึ่งประกาศเบอร์โทรศัพท์ผม เพื่อนตุลาการฯ ครอบครัวผมและของตุลาการฯ และให้ โทร. มาข่มขู่ โจมตี ซึ่งไม่ใช่วิถีทางของคนที่สุจริตใจเขาทำกัน"
   "อยู่ศาลยุติธรรมไม่มีใครกล้าแตะ แต่มาอยู่ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีบทลงโทษในการละเมิดอำนาจศาล จึงโดนโจมตีอย่างหนัก โดยเฉพาะช่วงการวินิจฉัยยุบ 3 พรรคใหญ่นั้น พอตัดสินเสร็จต้องมีรถทหารมารับไปพักที่เซฟเฮาส์ถึง 3 วัน 3 คืน"
   "ตั้งแต่เป็นผู้พิพากษาก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เลย แต่เวลานี้รู้สึกชินแล้วเพราะเจอบ่อยครั้งจึงต้องอดทน"
   "ทำงานด้วยความอดทน"
ฟังแล้วก็ทั้งสงสารและสงสัยไปพร้อมๆ กัน สงสารนั้นไม่ต้องอธิบาย และเอาเข้าจริงความสงสารนี้มีพลังที่ช่วยคุ้มครองท่านได้มากกว่ารถทหารหรือเซฟเฮาส์อีกหลายเท่า แต่ที่ยังสงสัยนั้นมีอยู่แค่ว่า
1. ก่อนมารับตำแหน่งนี้ มีใครบังคับท่านมาหรือไม่ ถ้าสมัครใจ ไม่ได้ประเมินความเป็นจริงอย่างที่เป็นจริงก่อนสมัครดอกหรือ
2. ที่บานปลายไปไกลอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ เพราะใครต้องการและลากศาลลงไปเปื้อนโคลนด้วย
หรือใครเผลอสมัครใจลากกันลงไปเอง ?