อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ
25 กรกฎาคม 2555
“สวัสดี...สหายทั้งหลาย” (เรียกผู้ฟังว่าสหาย) นี่เป็นอีกครั้งที่พูดชัดเจนเพราะคนเสื้อแดงถูกพรรคประชาธิปัตย์เรียกว่าคอมมิวนิสต์ อ.ธิดา ก็เลยถือโอกาสเลย ยืนอยู่กลางเวทีหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเลยบอก “สวัสดี....สหายทั้งหลาย” คนเสื้อแดงดีใจโห่ร้องกันใหญ่ อยากเป็นสหายด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้นี่คือของจริง ก็หวังว่าพวกเราที่นี่น่าจะทั้งหมด เป็นสหายทั้งหมดใช่หรือเปล่า ใช่มั้ยคะ (ใช่) ก่อนหน้านั้นเวลาเราออกมาหลาย ๆ คน ก็ต้องเงียบ ๆ หลบ ๆ ซ่อน ๆ เวลาที่ผ่านมาจนถึงบัดนี้ หมายความว่าพวกเราทั้งหลายก็เปิดตัวเองอย่างเปิดเผย เพราะขณะนี้มันชัดเจนว่าการต่อสู้ของประชาชนไม่หยุดนิ่ง ไม่สิ้นสุด และยิ่งเข้มข้นเป็นลำดับ สิ่งที่เราทำมาตลอดนั้นคือร่วมการต่อสู้ของประชาชนที่ต่อเนื่องมา ดังที่ได้พูดที่อนุสาวรีย์เมื่อครบ 80 ปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ว่าการพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นสังคมที่ก้าวหน้าขึ้น เป็นสังคมที่ประชาชนมีความสุขขึ้น มีความเสมอภาค มีสิทธิเสรีภาพนั้น เราได้พยายามทำมาประมาณ 100 ปีมาแล้ว และสหายทั้งหลายคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนไทย นี่จึงต้องเป็นเรื่องที่ภาคภูมิใจ ชีวิตทั้งหลายที่เสียไป บางคนเสียชีวิตอยู่ในเมือง บางคนเสียชีวิตในป่าเขา และครั้งล่าสุดที่ราชประสงค์อยู่กลางเมืองแท้ ๆ เราเสียชีวิตร่วม 100 คน นี่ทั้งหมดล้วนเป็นวีรชนทั้งสิ้น เพราะทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชน ตอนที่เราออกมาและส่วนหนึ่งของการเสียหายของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) มันมีเหตุปัจจัยหลายอย่าง แต่เราคงจะไม่ใช่เวลานี้ที่เราจะพูดกัน ปัจจัยหนึ่งคือปัจจัยภายนอกอันเนื่องมาจากการยุติสงครามเย็น เป็นปัจจัยภายนอกประเทศ ปัจจัยหนึ่งก็คือปัจจัยของการต่อสู้ในประเทศลดระดับลงด้วยนโยบาย ที่มองว่าสู้ต่อไปต่างคนต่างเสีย แต่ที่สำคัญที่สุดก็ยังเป็นปัญหาทางอัตวิสัย ก็คือภายในพรรคเองมีความคิดที่แตกแยก และไม่สามารถที่จะดำเนินต่อไปได้ แต่นี่ก็คือมันไม่อาจลบล้างว่าพวกเราคือส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ของประชาชนในการต่อสู้เพื่อให้ได้สังคมที่ดีกว่า
เมื่อเรา (หมายถึง อ.ธิดา, นพ.เหวง และคนอื่น ๆ จากป่า) ออกมาเหตุการณ์พฤษภา 35 นั่นก็ยังเป็นเหตุการณ์ที่นับว่ายังใหม่อยู่ เราไม่เคยคิดว่าจะมีรัฐประหารเกิดขึ้นแล้ว เราคิดว่าประเทศไทยคงจะเดินหน้าประชาธิปไตย รัฐประหารไม่มีอีกแล้ว เมื่อมีรัฐประหารนั่นหมายถึงต้องมีการต่อสู้ทันทีของประชาชน เพราะฉะนั้นเราก็ได้ร่วมส่วนการต่อสู้ในนามของสมาพันธ์ประชาธิปไตย แล้วเราก็คิดว่ามันคงจะเลิกแล้ว ยุติแล้ว เป็นที่มาของการเกิดรัฐธรรมนูญ 2540 ดูทุกอย่างกำลังจะไปได้ด้วยดี แต่ปรากฏว่า 2549 ก็เกิดรัฐประหารอีก ความขัดแย้งของพวกเรามีพื้นฐานมาตั้งแต่ตอนที่เขาเรียกว่า “ปรากฎการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล”
ปรากฎการณ์สนธิ ลิ้มทองกุล นั้น นอกจากทำให้เกิดสังคมไทยมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ยังทำให้ประชาชน รวมทั้งผู้คนที่คิดว่าก้าวหน้า และฝ่ายซ้ายเดิม และคนใน 14 ตุลาก็เกิดปัญหาทางความคิดแบ่งแยก เพราะว่าบทที่หนึ่งของการต่อสู้คือ ต้องรู้ว่าใครคือประชาชน และใครคือศัตรูของประชาชน ถ้าเราไม่เข้าใจว่าใครคือประชาชนและใครเป็นปฏิปักษ์ของประชาชน แปลว่าเราสอบตกในบทที่หนึ่งของนักต่อสู้แน่นอน คนจำนวนหนึ่งคิดว่า สนธิ ลิ้มทองกุล คือประชาชน และคิดว่าศัตรูของประชาชนก็คือ ทักษิณ ชินวัตร จึงทุ่มโถมแยกไปร่วมกับสนธิ ลิ้มทองกุล ด้านหนึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหายจำนวนหนึ่ง และฝ่ายนำของพรรคคอมมิวนิสต์ในอดีตจำนวนหนึ่ง วิเคราะห์สังคมว่าสังคมไทยเป็นทุนนิยม ก็คิดเอาว่าปฎิปักษ์ประชาชนก็คือนายทุน ก็เลยพบแล้วว่าปฏิปักษ์ประชาชนก็คือ ทักษิณ ชินวัตร นี่เป็นการแสดงถึงบทพิสูจน์ในเชิงทฤษฎีว่ามีความเข้าใจเช่นนั้น นี่เป็นปัญหาทางความเข้าใจทางทฤษฎีบทที่หนึ่งแห่งการต่อสู้ว่า ใครคือประชาชน ใครคือปฏิปักษ์ประชาชน ดังนั้นสหายนำจำนวนหนึ่งจึงไปทุ่มโถมอยู่ทางฝั่งสนธิ ลิ้มทองกุล เราได้มีการแลกเปลี่ยนในเชิงทฤษฎีจำนวนมาก ถ้ามีเวลาเราจะได้เปิดเป็นโรงเรียนของเราโดยเฉพาะว่าด้วยปัญหาแห่งการวิเคราะห์สังคมไทย อันเป็นที่มาของการเลือกข้างที่ไม่ถูกต้อง แต่ว่าวันนี้เราไม่มีเวลา เราได้แต่พูดที่จับหัวข้อประเด็นสำคัญเท่านั้น ว่ามีสหายนำจำนวนมากคิดเช่นนี้ เพราะเขาคิดว่าตอนป่าแตกเพราะวิเคราะห์สังคมต่างกัน พวกหนึ่งวิเคราะห์เป็นกึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินาที่มีทุนนิยมอยู่ อีกพวกหนึ่งทางอีสานนี่แหละวิเคราะห์เป็นทุนนิยมกึ่งเมืองขึ้นที่มีศักดินาอยู่ ทั้งหมดนี้แสดงถึงความอ่อนด้อยทางทฤษฎีของพวกเราทั้งหมดซึ่งเคยพึ่งพาจากต่างประเทศ หรือเมื่อถึงคราวที่ผงเข้าตาของตัวเองก็เขี่ยไม่ได้ เพราะว่าในการวิเคราะห์สังคมนั้น คุณวิเคราะห์อย่างกลไกก็ไม่ได้ คุณไปวิเคราะห์อย่างลอกแบบเขาก็ไม่ได้ สมมุติว่าวิเคราะห์เป็นทุนนิยม ถามว่าอะไรเป็นทุนนิยม เศรษฐกิจเป็นทุนนิยมใช่หรือไม่ แม้ว่าเศรษฐกิจเป็นทุนนิยม โครงสร้างของสังคมที่เป็นโครงสร้างชั้นบนนั้นของประเทศไทยมีลักษณะพิเศษเช่นไร นี่เป็นลักษณะพิเศษที่แตกต่าง ที่สำคัญที่สุดคือประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นจักรวรรดินิยม จักรวรรดินิยมไม่เคยกวาดล้างระบอบเก่าของประเทศไทยเลย ระบอบเก่าของเรายังอยู่ตั้งแต่ต้นมาจนถึงปัจจุบัน เรามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็จริง มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อมาเป็นประชาธิปไตยก็จริง แต่เครือข่ายระบอบอำมาตย์นั้นแน่นหนามาก เห็นชัดไม่ชัดก็ดูจากตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินว่าอย่างไร ตุลาการรัฐธรรมนูญที่มาจากคนไม่กี่คน คนไม่กี่คนมาตัดสินจัดการกับอำนาจนิติบัญญัติซึ่งคนเลือกตั้งทั่วทั้งประเทศ 40 กว่าล้านคน เพราะฉะนั้นในการวิเคราะห์สังคมนั้นคุณต้องวิเคราะห์ทั้งรากฐานเศรษฐกิจ วิเคราะห์ทั้งโครงสร้างชั้นบน และจักรวรรดินิยมนอกจากไม่ได้มีการทำลายโครงสร้างชั้นบนของสังคมเดิมแล้ว จักรวรรดินิยมยังสนับสนุนโครงสร้างเดิมเพราะต้องการต่อสู้คอมมิวนิสต์ในช่วงสงครามเย็น นี่จึงทำให้ระบอบอำมาตย์ในประเทศไทยเข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่านอกจากจะไม่ถูกกำจัดแล้วยังถูกส่งเสริมด้วยซ้ำไป
เพราะฉะนั้นถ้าคิดเอาว่าสังคมไทยเป็นม่านโรงลิเก เปลี่ยนม่านก็เปลี่ยนฉาก สังคมก็เปลี่ยน พวกเขาก็วิเคราะห์แบบนั้น แต่เราต้องวิเคราะห์เริ่มต้นจากความเป็นจริง จะเห็นว่าขณะนี้พี่น้องในประเทศไทยส่วนใหญ่ตกขอบแล้ว ทั้งปัญญาชน ทั้งรากหญ้าทั้งหลายว่า สังคมไทยเศรษฐกิจนี้เราเข้าสู่ทุนนิยมแน่นอน แต่ว่าทางการเมืองการปกครองเรานั้นล้าหลังยังอยู่ในระบอบอำมาตย์ และนี่คือที่มาของการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ที่ต้องการให้การเมืองการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และเป็นระบอบประชาธิปไตยแท้ ๆ ไม่มีใครพูดถึงสังคมนิยม ไม่มีใครพูดถึงคอมมิวนิสต์ ต้องการระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง และเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนี่แหละ แต่ว่าสังคมไทยเป็นสังคมหลอกลวง จึงมีภาพข้างหน้าอย่างหนึ่งของจริงเป็นอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นการต่อสู้ของประชาชนไทยต่อเนื่องมาเป็นเวลาร้อยปีจนถึงปัจจุบัน ที่พูดทั้งหมดนี้เพื่อให้พี่น้องได้ภาคภูมิใจ พี่น้องมาอยู่ในฐานะ ผรท. ดังที่เมื่อกี้สหายได้บอกว่า แต่พวกคุณไม่ใช่ขอทาน พวกคุณเป็นนักต่อสู้ที่มีเกียรติยศศักดิ์ศรีและต้องภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของตัวเอง ทั้งหมดเป็นประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนทั้งหมดไม่ว่าคุณจะอยู่ในป่าหรือในเมือง เพราะว่าสิ่งที่พวกคุณต้องการก็คือต้องการให้สังคมก้าวไปข้างหน้า ไม่ใช่สังคมถอยไปข้างหลัง เมื่อเป็นเช่นนี้คุณก็จะสามารถประเมินว่าความเข้าใจของสหายนำบางคนนั้นเป็นอย่างไร เป็นความอ่อนด้อยทางทฤษฎีที่ยังไม่สามารถประสานเข้ากับความเป็นจริงของสังคมได้ ใครก็ตามที่สามารถนำชัยชนะและกุมหัวใจประชาชนได้หมายความว่าอะไร หมายความว่าเอาทฤษฎีมาประสานกับความเป็นจริงได้อย่างเยี่ยมยอดและได้ผล
ในประเทศจีนเขาก็มีการต่อสู้ของเขาแบบหนึ่ง ประธานเหมาสามารถนำเอาทฤษฎีมาใช้กับความเป็นจริงตามประเทศจีนได้อย่างเยี่ยมยอด แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าประเทศไทยจะไปเอาอย่างประเทศจีนได้ หรือว่าทำไมประเทศจีนไม่เอาเหมือนรัสเซีย ก็ไม่ใช่ ทำไมไม่เอาเหมือนฝรั่งเศส ก็ไม่ใช่ ประเทศไทยก็เช่นกันก็มีทางเดินของเราเอง มันเป็นภาระหน้าที่ของเราที่ต้องเข้าใจความเป็นจริงของประเทศ แต่มันมีอย่างหนึ่งที่จะบอกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพี่น้องต้องมีความชอบธรรมที่สุดในการต่อสู้ และพี่น้องต้องยึดกุมหัวใจของประชาชนไทยทั้งหมดให้ได้ พวกพี่น้องเคยร่วมการต่อสู้กันด้วยอาวุธ เราอาจจะมีกองกำลังเป็นหมื่น ๆ คน แต่ถามว่าพี่น้องจะชนะได้อย่างไรถ้าประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วยกับพี่น้องเรา เพราะฉะนั้นปัจจุบันนี้พัฒนาการการต่อสู้ของประเทศไทยนั้น มันต้องยึดหลักความเป็นจริงของประเทศและภาวะวิสัยเป็นด้านหลักไม่ใช่คิดเอาเอง และชัยชนะที่คนเสื้อแดงได้มาเป็นลำดับก็คือความชอบธรรม เราใช้สันติวิธีในการต่อสู้เพราะเราเชื่อว่า สันติวิธีจะทำให้เรายึดครองหัวใจคนได้จำนวนมาก เขาใช้กำลังทหารในการปราบปรามเรา เขาคิดว่าเขาชนะ แต่ปรากฎว่าเขาจะไม่สามารถฆ่าคนได้ตลอดไป และฆ่าคนได้หลาย ๆ ครั้ง และเขาคิดว่าการฆ่าคนนั้นจะทำให้คนกลัว บัดนี้เป็นที่ชัดเจนว่าพี่น้องคนเสื้อแดงไม่ได้กลัวความตาย แล้วถามว่าเขาจะฆ่าคนได้อีกเท่าไหร่ เมื่อการฆ่าคนไม่สามารถเอาชนะได้ ตรงกันข้ามหากมีการเลือกตั้ง เลือกตั้งเมื่อไหร่ฝ่ายประชาชนชนะทุกครั้ง และฝ่ายประชาชนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นจะพบว่าสหายนำของพวกท่านจำนวนหนึ่งเป็นเสื้อเหลือง แต่ว่าพื้นฐานสหายทั้งหลายจำนวนมากเป็นเสื้อแดงหรือมิฉะนั้นในใจเป็นแดงแต่เฉย ๆ ทำไมถึงต้องเป็นแดง เพราะว่าพี่น้องอยู่ท่ามกลางประชาชนที่แท้จริง พี่น้องไม่ได้อยู่บนหอคอยงาช้าง พี่น้องไม่ได้อยู่ในที่ที่แปลกแยกกับประชาชน ประชาชนอีสานเกือบทั้งหมดเป็นเสื้อแดง พี่น้องเป็นลูกหลานประชาชน พี่น้องจะนั่งเป็นเสื้อเหลืองอยู่ได้อย่างไร เพียงแต่พี่น้องอาจจะไม่แสดงตัว ไม่มีปัญหา เพราะว่าสิ่งที่เขากระทำนั้น อย่าว่าแต่พี่น้องคนไทยเลย ไปดูที่ลาว, กัมพูชา เป็นเสื้อแดงหมด เพราะว่าเขากระทำย่ำยีต่อคนอีสานในลักษณะดูถูกดูหมิ่น บอกได้ว่าคนอีสานเป็นแค่เด็กปั๊มกับเป็นคนรับใช้ ถามว่าคนแบบนี้ไม่รักประชาชนเลย แล้วจะมีอนาคตได้อย่างไร ?
วันก่อนไปออกทีวีรายการตอบโจทย์ พิธีกรภิญโญถามว่า แล้วประเทศไทยไม่มีทางออกเลยหรือ บอกว่ามี บอกได้ แต่ฝั่งอำมาตย์พวกเขาทำไม่ได้ ขณะนี้หากวิเคราะห์ความขัดแย้ง พวกเขาคิดว่าเป็นความขัดแย้งระหว่าง พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กับ ทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ใช่ ก็ไม่ใช่ เคยถามสหายนำจำนวนหนึ่งว่าตอนที่รัฐประหารสำเร็จแล้ว ทักษิณ ชินวัตร ไม่อยู่ แล้วใครเป็นศัตรูประชาชน เงินถูกปล้นไปแล้ว พรรคถูกยุบไปแล้ว ใครเป็นชนชั้นปกครอง ใครเป็นศัตรูประชาชน ใครเป็นคู่ขัดแย้ง เขาก็ตอบไม่ได้
แล้วมันจะพิสูจน์เมื่อวันเวลาผ่านไปสิ่งที่ถูกต้องมันต้องเติบใหญ่ สิ่งที่ผิดพลาดมันจะแตกสลายและลดลง คุณดูเสื้อเหลืองปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องจะแตกสลายได้อย่างไร เสื้อแดงและแกนนำเสื้อแดงถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ได้ก้าวหน้าสักเท่าไหร่ แล้วทำไมเสื้อแดงถึงเติบใหญ่ เพราะว่ามันถูกต้อง ในการต่อสู้นั้นถ้าจะประสบชัยชนะจำเป็นต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อย 3 อย่าง คือ
1. ต้องมีหลักการถูกต้อง หรือทฤษฎีถูกต้อง
2. ต้องมีการนำที่ถูกต้อง
3. ต้องมีการจัดตั้งที่ถูกต้อง
แต่แน่นอนว่าเสื้อแดงไม่ได้เข้มแข็งในลักษณะแบบพรรคปฏิวัติ เพราะว่าเป็นองค์กรต่อสู้ในระดับประชาธิปไตยเท่านั้นจึงมีคนหลากหลายในขบวน ที่พูดทั้งหมดเพื่อทำความเข้าใจให้พี่น้องเข้าใจว่า ขณะนี้มีสหายนำเราจำนวนหนึ่งอาจจะมีความเข้าใจผิดในหลักการ เราไม่ได้พูดเรื่องผลประโยชน์ว่าใครรับเงินใคร ใครจ้างใคร กินเงินเดือนที่ไหน ได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์อย่างไร เพราะว่าอาจารย์ได้วิวาทะมาเป็นเวลายาวนานจนเห็นว่าสุดจะช่วยเหลือ ก็เลยโบกมือลาการวิวาทะ พอกันที ไม่สามารถอยู่กับสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์เราอยู่กับประชาชนดีกว่า แล้วมาร่วมกับขบวนการเสื้อแดงด้วยความคิดอย่างเดียวว่าประสบการณ์ในอดีตและความรู้ของเราที่มีอยู่นั้นจะช่วยอะไรขบวนการประชาชนได้บ้าง ถ้าเขารับฟังเรา ถ้าเรามีส่วนร่วมทำให้ขบวนการประชาชนเข้มแข็งเราก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ไป ๆ มา ๆ ก็เลยต้องมาเป็นประธาน นปช. นี่ก็เพราะส่วนหนึ่งพวกเขาก็ไปติดคุกกันหมดด้วย
ที่พูดทั้งหมดนี้เพื่อจะได้ให้พี่น้องเข้าใจว่า มันเป็นประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงบทบาทการต่อสู้ที่เราจำต้องมารับภาระหน้าที่นี้ ตัวเองเคยคิดว่าเมื่อออกจากป่า การต่อสู้เราคงจบ บทบาทเราคงจบแล้วไม่มีการต่อสู้อีกต่อไป กลับมาสอนหนังสือตามเดิม กลับมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยมหิดลตามเดิม แต่ในที่สุดเราก็รู้ว่าการต่อสู้ประชาชนนั้นยังเดินหน้าเข้มแข็ง จะมีพรรคคอมมิวนิสต์หรือไม่มีประชาชนก็ยังต้องต่อสู้ เพราะฉะนั้นเราควรจะดีใจทุกคนว่า ในช่วงเวลาหนึ่งประวัติศาสตร์เราต้องเข้าไปอยู่ในป่า และในช่วงเวลาหนึ่งเราก็ออกมาจากป่า แต่คุณค่าความเป็นมนุษย์ และคุณค่าในฐานะนักต่อสู้ของเราไม่ได้ลดลง ถ้าหลายคนคงคิดว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่เศร้าหมอง ไม่กล้าสู้หน้าคนขอให้เลิกคิดได้ เพราะว่ามันเป็นประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ที่มันเป็นเช่นนั้นเอง และเราควรจะดีใจที่เรายังมีชีวิตอยู่มองเห็นว่าประชาชนไทยนั้นไม่ย่อท้อ ยังต่อสู้ต่อไป และมีเราเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการต่อสู้ของประชาชน
สำหรับเรื่อง ผรท. อยากจะให้มองอย่างนี้ว่า ที่แล้วมานั้น
1. ในฐานะที่กลุ่มชนชั้นปกครองยังเป็นคนในระบอบอำมาตย์ตัวจริง เขาไม่ได้จริงใจในการที่จะต้อนรับพวกคุณในฐานะผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย แต่เขาจำใจต้องให้พวกคุณออกมาเพื่อยุติการสู้รบซึ่งมีแต่การสูญเสีย เขาคิดว่าฉลาดกว่าถ้าจะให้ออกมาแล้วยุติการสู้รบ นั่นก็คืออาจจะมีสายพิราบส่วนหนึ่งสามารถนำเสนอความคิดเห็นทำให้การสู้รบนั้นยุติ แต่ถามว่าถ้าเขามีความจริงใจ ทำไมปล่อยไว้จนตั้งร่วม 30 ปี จึงยังไม่ทำให้การเยียวยา การที่สัญญาว่าจะให้ต่าง ๆ นั้นมันไม่บรรลุ
จำได้ว่าตั้งแต่ปี 34, 35 ก็พูดกันเรื่องนี้ และในตอนนั้นอำนาจรัฐก็ไม่ได้เป็นของประชาชนจริง แม้ขณะนี้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นรัฐบาลแต่ประชาธิปไตยตอนนี้ 20% เท่านั้น ถ้าเมื่อไหร่แก้รัฐธรรมนูญได้ถึงจะได้อีก 30% เขาไม่ให้แก้หรอก เขาก็ให้เราอยู่ 20% แค่นี้แหละ แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยถูกไหม เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้จึงควรจะต้องอยู่ไปให้นานที่สุด แต่ไม่ใช่รัฐบาลอยู่แล้วการต่อสู้ของประชาชนพ่ายแพ้ถอยหลังทุกวัน
2. เราไม่ใช่คนขอทาน เราเป็นนักต่อสู้ และ
3. เราต้องรู้ว่าอำนาจรัฐขณะนี้แม้นมีการเลือกตั้งไม่ใช่อำนาจรัฐของประชาชนเลย ยังคงเป็นอำนาจรัฐของระบอบอำมาตย์ที่ไม่ได้มีความจริงใจ
อาจารย์ขอพูดคำสำคัญซึ่งทุกคนควรจะได้ยินว่า เมื่อกี้ที่บอกว่าเขาไม่จริงใจเลย แล้วถามว่าตอนหลังทำไมเขาถึงให้ ที่เขาให้เพราะเขานึกว่า เขากลัวว่า ผรท. จะมาเป็นคนเสื้อแดง เขากลัวว่า ผรท. จะมาเป็นกองกำลังอาวุธของคนเสื้อแดง จากนั้นจึงเริ่มมีการทยอยให้เงิน เพราะฉะนั้นเสื้อแดงที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับพวกท่านแต่ก็มีผล จึงทำให้ พลเอกสุรยุทธ พอเกิดรัฐประหารแล้วมาพบพี่น้องทันที พลเอกสุรยุทธ ขณะนี้เป็นทายาทคนสำคัญของพลเอกเปรม ทำไมพลเอกสุรยุทธซึ่งมีพ่อเป็น ผบ. ของคอมมิวนิสต์ จึงได้เป็นองคมนตรีพี่น้องสงสัยไหม คงไม่ใช่เพราะลุงคำตันทำให้เป็นองคมนตรี หรือพลเอกเปรมเชียร์อย่างเดียว เพราะว่าอำมาตย์เขาจะคิดเรื่องสกุลรุนชาติเป็นสำคัญนะ คุณตาของพลเอกสุรยุทธคือหลวงศรีสิทธิสงคราม หรือ ดิ่น ท่าราบ ซึ่งเป็นทหารคนสำคัญในกบฎบวรเดช เป็นเพื่อนรักพระยาพหลพลพยุหเสนา เรื่องมันซับซ้อน
เอาเป็นว่าระบอบอำมาตย์ขณะนี้นอกจากมี พลเอกเปรม เป็นคนสำคัญ พลเอกสุรยุทธ ก็เป็นคนสำคัญเช่นกัน แต่ถามว่าเป็นคนดีมั้ย เป็นคนดี แต่ดีจริง ๆ ต้องตอบคำถามว่าดีของใคร ดีที่สุดต้องเป็นคนดีของประชาชน ฉะนั้นฝ่ายก้าวหน้าทั้งหลายปกติเขาจะไม่พูดคำว่า “คนดี” แต่ฝ่ายอำมาตย์ ฝ่ายเก่า คำหนึ่งก็จะพูดคนดี สองคำก็จะเป็นพวกคนดี สิ่งที่เราจะต้องถามแล้วคนดีของใคร เหมือนขณะนี้พวกเขาพูดชัดเลย ว่าบ้านเมืองขณะนี้พวกเสียงข้างมากคือพวกหนึ่ง อีกพวกหนึ่งคือพวกคนดี แปลว่าพวกเสียงข้างมากเป็นคนไม่ดีเช่นนั้นหรือ คนอีสานเป็นคนเสียงข้างมาก และประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนเสียงข้างมาก แต่เขาบอกว่าอีกพวกเป็นคนเสียงข้างน้อยแต่เป็นคนดี นี่จึงเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบที่ทำให้การเมืองประเทศไทยไม่ลงตัว เพราะแม้แต่เป็นเสียงข้างน้อยพวกเขาก็ถือว่าเป็นความชอบธรรมที่เป็นคนดี ที่มีสิทธิ์ที่จะปกครองประเทศนี้ โดยให้คนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นคนไม่ดีต้องถูกปกครอง เพราะฉะนั้นคู่ขัดแย้งที่สำคัญขณะนี้ในด้านการเมืองการปกครองนั้น คนอื่นอาจจะคิดอย่างอื่น แต่สำหรับ อ.ธิดา เราวิเคราะห์โครงสร้างชั้นบน คู่ขัดแย้งก็คือผู้ปกครองตัวจริงกับผู้ถูกปกครอง แล้วใครคือผู้ปกครองตัวจริง ยิ่งลักษณ์หรือ ? วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ เขาบอกว่าหัวหน้าอำมาตย์คือยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เราบอกว่าไม่ใช่ ยิ่งลักษณ์ เป็นหัวหน้าไพร่ นี่พูดออกรายการไทย พีบีเอส วสันต์นั่นแหละอำมาตย์แน่นอน การอธิบายคู่ขัดแย้งหลักก็คือตอบคำถามให้ได้ว่า ใครคือผู้ปกครองตัวจริงของประเทศไทย นั่นแหละคือคู่ขัดแย้งกับประชาชน ผู้ปกครองตัวจริงเราจะไม่พูดถึงคนหนึ่งคน สองคน แต่เราหมายถึงเครือข่ายระบอบอำมาตย์ทั้งหมดขัดแย้งกับประชาชน ฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการปรองดองกันอย่างง่าย ๆ เพราะมันมีปัญหาผลประโยชน์และอำนาจของเครือข่ายระบอบอำมาตย์ ดังนั้นการต่อสู้มันจึงยืดยาว กลับมาถึงคำว่า ผรท. เมื่อกี้
2. ที่บอกว่า นอกจากพวกท่านต้องภาคภูมิใจในฐานะนักต่อสู้แล้ว พวกท่านไม่ใช่ขอทาน แต่ที่เขาเพิ่งมาทำให้พวกท่านเวลาผ่านตั้งมา 30 ปีแล้ว แล้วนั่นก็คือสัญญาแห่งการตอบแทนความเสียหายที่รัฐจะช่วย แล้วถามว่าเขารักษาสัญญานั้นไหม ไม่รักษาเลย แต่มาได้ยุคพลเอกสุรยุทธได้ดูเหมือนได้มามา 500 กว่าคนเป็นชุดที่ 1 ผ่านมา 20 กว่าปีเพิ่งจะมาให้คนละ 200,000 แต่เป็นคำมั่นสัญญาเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ที่มาให้เพราะกลัวจะไปเป็นพวกทักษิณ ลองว่าประเทศไทยไม่มีทักษิณแล้วยังอยู่ในอำนาจของเขาก็ไม่มีทางที่จะให้ เขาสัญญาแต่ไม่มีการตั้งงบประมาณ แปลว่ามันเป็นเป็นสัญญาที่ลมปากเพราะฉะนั้นมันไม่มีความจริงใจที่จะให้ไม่ว่าเป็นกองทัพหรือระบอบอำมาตย์ ฉะนั้นวิธีการพูดมันจะต้องเปลี่ยน นี่มิใช่เป็นการขอทาน มันเป็นเรื่องของสัญญาเกียรติยศที่กองทัพให้ไว้กับประชาชนในตอนนั้น มาบัดนี้ถ้าพูดเรื่องการเยียวยา เรายกระดับว่าถ้ามีการต่อสู้ทางการเมือง ถ้าเจ้าหน้าที่ทำให้เกิดการสูญเสีย การเยียวยาใช้มาตรฐานเดียวกันหมด แต่สำหรับพวกเรามันเป็นคำสัญญาตั้งแต่หลายสิบปีมาแล้ว ถ้ารัฐบาลนี้มีการตั้งคณะดูแลขึ้นใหม่ ก็ต้องคิดหนัก เพราะว่าที่พี่น้องพูดหมายถึงคำมั่นสัญญาเดิม พูดไปมันก็ไม่ได้สอดคล้องแต่มันก็เป็นประวัติศาสตร์ พี่น้อง ผรท. ภาคใต้ จำนวนหนึ่งเขาไม่สนใจแล้ว เพราะเขาทำมาหากินได้มากมาย เขาก้าวข้ามไม่พูดถึง แต่ถ้าเราจะพูดก็อยากจะฝากไว้ เพราะว่าถ้าคุณเป็นนักรบที่ขึ้นอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยจริง คุณต้องมีเกียรติยศและศักดิ์ศรี เราไม่ใช่ขอทาน เราเป็นนักการเมืองที่ก้าวหน้า และถ้าใครเป็นลูกหลานก็ตามโปรดรู้ไว้ด้วย อุดมการณ์ของเรานั้นเป็นชนชั้นกรรมาชีพที่ก้าวหน้าที่สุด เพราะฉะนั้นศักดิ์ศรีของพรรคและศักดิ์ศรีของชนชั้นกรรมาชีพที่ก้าวหน้านั้นขายไม่ได้ ยอมให้ถูกย่ำยีก็ไม่ได้ ทุกวันนี้บางคนทำให้กลายเป็นตัวตลก สังคมไทยตั้งคำถามว่าคอมมิวนิสต์อำมาตย์มีด้วยเหรอ มันเป็นเรื่องขบขันของคนทั่วโลก ระบอบหนึ่งล้าหลัง ระบอบหนึ่งอยู่ข้างหน้าสุด หน้าสุดจนกระทั่วปัจจุบันนี้เรายังไม่เรียกร้องเลย เราเรียกร้องแค่ประชาธิปไตย แต่กลายเป็นว่าบางคนที่เรียกตัวเองว่าก้าวหน้าสุดกลับมาปกป้องสิ่งที่อยู่ล้าหลังสุด มันจึงกลายเป็นเรื่องตลกและเป็นเรื่องน่าขายหน้า และเป็นเรื่องที่คนที่ได้ชื่อว่าเคยอยู่ในพรรคคอมมิวนิสต์ด้วยกันนั้นควรจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเมื่อเขาตั้งคำถามว่าคอมมิวนิสต์อำมาตย์มีด้วยหรือในโลกนี้
เพราะฉะนั้นเราอยู่กับความเป็นจริงปัจจุบันนี้ สังคมไทยเรียกร้องประชาธิปไตย เขาไม่ได้เรียกร้องคอมมิวนิสต์ เราเคยอยู่ในพรรคที่ก้าวหน้าเราก็ต้องทำตัวให้สอดคล้องกับความจริงว่า เราจะไปไหนเราไปด้วยกันกับคนไทยทั้งประเทศ คนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ
ฉะนั้นพี่น้องเคยอยู่ในพรรคที่ก้าวหน้าที่สุด พี่น้องต้องหยิ่งทนงในศักดิ์ศรี เกียรติภูมิของตัวเอง และต้องกระทำการที่ไม่ลดตัวลงไปทำให้เสียเกียรติภูมิของเรา แน่นอนเราพูดถึงเรื่องการเยียวยา เราก็ต้องการให้มีการเยียวยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องที่ลำบากจำนวนหนึ่ง ฉะนั้นไม่ว่าเป็นการต่อรองก็ต้องเป็นการต่อรองอย่างที่มีศักดิ์ศรีเพราะเราไม่ใช่ขอทาน เราต้องทำให้สังคมนี้เข้าใจเราและร่วมกันสนับสนุนให้เรา ถ้ามีแต่เราเรียกร้องเพื่อเราเองมันจะทำให้สังคมมองเราอย่างไม่เข้าใจ ขณะนี้เราจะช่วยพี่น้องคิดว่าพี่น้องต้องเรียกร้องและต่อรองอย่างมีศักดิ์ศรีและมีเหตุผล และหวังว่าถ้ารัฐบาลนี้รับเรื่องนี้ไปก็ควรที่จะพิจารณา เพราะมองว่าเป็นการเยียวยาอันเกิดจากสงครามการต่อสู้กับอำนาจรัฐ มันไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่มันเป็นเรื่องการเมือง อย่าทำให้เป็นเรื่องส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนตัว ต้องทำให้สอดคล้องและเป็นทิศทางการเมืองที่ถูกต้องด้วย เป็นเรื่องพึงมีพึงได้อย่างมีศักดิ์ศรี