นาซาไม่จำเป็นต้องมาวิจัยภูมิอากาศในเมืองไทยคนไทยไม่จำเป็นต้องพึ่งนาซา เพราะคนไทยปั้นอากาศเป็นตัวได้
กรณีนาซาสะท้อนอะไรมองให้ลึกลงไป มันสะท้อนว่าความขัดแย้งทางการเมืองอาจไม่สามารถลงเอยอย่างสันติ อาจจะต้องลงเอยด้วยการฆ่าฟันกันเท่านั้น
เพราะการที่คนจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ใช่เสียงข้างมากของสังคม แต่เป็นเสียงข้างน้อยที่ดันทุรัง ไม่ฟังเหตุผล เชื่อโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (นาซาขนอาวุธเข้ามาแล้ว) โฆษกพันธมิตร (อเมริกากำลังพัฒนาแสงออโรร่าเป็นอาวุธ) มากกว่านักวิทยาศาสตร์ตัวเป็นๆ จนสามารถขัดขวางการอนุมัติโครงการมันแสดงว่าพลังที่ไร้สติสามารถมีอิทธิพลเหนือสังคม เหนือเหตุผล เหนือโพลล์ที่ระบุว่าเสียงข้างมากสนับสนุนให้นาซาเข้ามา
บางคนอาจตั้งแง่ว่าแล้วทำไมรัฐบาลไม่กล้าอนุมัติก็ไม่มีหลักประกันอะไรนี่ครับ ว่าถ้าฝ่ายค้านฟ้องศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ศาลจะไม่วินิจฉัยว่า อาจจะ กระทบความมั่นคง เข้ามาตรา 190 ให้ถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แม้กฤษฎีกาชี้ว่าไม่เข้ามาตรา 190 ก็ตาม
โหขนาดแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ให้เลือกตั้ง สสร. และลงประชามติ ยัง มีความเป็นไปได้ที่จะล้มล้างระบอบการปกครอง อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นในประเทศนี้
บางคนตั้งแง่ว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาเข้าสภาตามมาตรา 190 เสียเลย ข้อแรก เงื่อนเวลา มาตรา 190 ไม่ใช่แค่เอาเข้าสภาแต่มีขั้นตอนต้องประชาพิจารณ์ ซึ่งนาซาจะมาวิจัยแค่ 2 เดือนสิงหาคม-กันยายน ถ้ารอให้เสร็จสิ้นกระบวนก็ไม่ต้องมาแล้วครับ ถามต่อว่าทำไมรัฐบาลไม่เตรียมทำเสียก่อนหน้านี้ ก็เพราะไม่มีใครคิดว่ามันจะต้องเข้า 190 ต่อให้รัฐบาล ปชป. ที่เป็นคนริเริ่มเอง ก็ไม่คิดว่าจะเข้า 190 แต่พอเป็นรัฐบาลเพื่อไทย ปชป. ก็บอกว่าจะเอาไปแลกกับวีซ่าทักษิณ ครั้นโดนขุดคุ้ยว่า เฮ้ย! ริเริ่มในสมัยกษิต ภิรมย์ ก็ยังแถกันได้อีกว่าอาจมีเงื่อนงำ ทำให้คุณพ่อจีน รัสเซีย ไม่พอใจ (เอ๊ะ ผมลืมไปหรือเปล่า ว่าจีนก็ให้วีซ่าทักษิณ)
ข้อสำคัญคือมันไม่ใช่เรื่องที่เข้ามาตรา 190 ซึ่งต้นฉบับก๊อปมาจากอเมริกา อเมริกาถือหลักว่าอะไรที่เกินกรอบอำนาจฝ่ายบริหาร เช่นการทำสนธิสัญญาที่ส่งผลให้ต้องแก้ไขกฎหมาย ต้องเอาเข้ารัฐสภา ตอนจะทำเอฟทีเอ เขาจึงเอาเข้ารัฐสภา รัฐบาลทักษิณทำเอฟทีเอ ไม่ผ่านรัฐสภาฉะนั้นตอนร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ทุกคนก็เห็นด้วยว่าควรมีมาตรา 190 แต่ที่ไหนได้ 190 ของเรากลายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ตีความกว้างจนกลายเป็นว่าจะทำสัญญาขี้หมูราขี้หมาแห้งอะไรกับต่างประเทศ ต้องเอาเข้ารัฐสภาหมด
ถึงตอนนี้อเมริกาก็เลยมึนตึ้บ ฝรั่งงง กับ 190 ภาคศรีธนญชัย ซึ่งไปไกลถึงขั้นถอดถอนกัน พรรครีพับลิกันอาจต้องส่งตัวแทนมาศึกษาดูงานพรรคประชาธิปัตย์ หาช่องยื่นถอดถอนโอบามา
เอาละกรณีนาซาไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย แต่ถ้ามองว่าเรื่องไร้สาระแบบนี้ ยังปั้นอากาศเป็นตัวได้ ทำไมจะปั้นให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 กลายเป็น ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้
"ลัทธิแดงระดมประชาชนมา 6 ปีแล้ว มีแผนจะรวบอำนาจ ทั้งบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการไว้ในกำมือ เพื่อตั้งรัฐไทยใหม่ ให้มีพรรคการเมืองเดียวบริหารประเทศ ปกครองในระบอบประธานาธิบดี เขาจะตั้งประธานศาลฎีกาและทุกตำแหน่งในกระบวนการยุติธรรมด้วยตนเอง"
สุเทพเทือกสุบรรณ พูดที่พิษณุโลก ผมว่าน่าเชื่อกว่าเรื่องแสงออโรร่าอีกนะ
ฉะนั้นอะไรก็เป็นไปได้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ยุบพรรค ถอดถอน 461 ส.ส. ส.ว. ให้รัฐสภาล้มทั้งยืนก็เป็นไปได้
แต่หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น...ก็ฆ่ากันสิครับเพราะรัฐบาลและรัฐสภาจะไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาล พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงไม่ยอมหรอก ที่จะต้องกลับไปเอาชนะด้วยการเลือกตั้งใหม่เป็นครั้งที่ 3 ในเมื่อพิสูจน์แล้วว่าชนะถล่มทลายอย่างไรก็แก้ไขโครงสร้างอำนาจไม่ได้
นี่มองในแง่ร้ายสุดแต่ต่อให้มองแง่ดีแค่ไหน ก็เห็นชัดเจนว่ามีความพยายามจะเอาชนะกันด้วยวิธีการถอดถอน ยุบพรรค ตัดสิทธิ ไม่รอบนี้ก็รอบหน้า ชัดเจนว่าจะขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่ด้วยเหตุผล แต่ด้วยการให้ร้าย
สังคมมนุษย์พัฒนาจากการเอาชนะกันอย่างป่าเถื่อนด้วยก้อนหินหอก ดาบ ปืน มาเป็นเอาชนะกันอย่างสันติด้วยวิธีหย่อนบัตรเลือกตั้ง เมื่อไหร่ที่ใช้อำนาจอื่นปิดกั้นไม่ให้เสียงข้างมากชนะด้วยการหย่อนบัตร เมื่อนั้นก็ต้องสู้กันด้วยกำลัง เมื่อนั้นก็เหลือแต่ก้อนหิน หอก ดาบ ปืน เท่านั้นที่จะใช้เอาชนะกัน