"ดร.วรเจตน์" ระบุศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แก้ทั้งฉบับไปทำประชามติก่อน แต่ไม่ได้ให้ลงมติวาระ 3 ย้ำศาลกำลังเข้ามาควบคุมแล้ว สถาปนาองค์กรใหม่แก้รธน.
ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ แกนนำนิติราษฎร์ ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ไทยบีพีเอส ถึงความเห็นต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า รู้สึกว่าตรรกะในคำวินิจฉัยก็ขัดกันเอง ตนเห็นว่าเรื่องนี้ไม่อยู่ในเขตอำนาจที่ศาลจะรับพิจารณา เรื่องนี้เป็นเรื่องอำนาจไม่ใช่เรื่องสิทธิเสรีภาพ จึงไม่ชอบที่จะรับตีความหากเป็นอย่างนี้ต่อไป บุคคลก็จะยื่นต่อศาลโดยอาศัยมาตรานี้ตลอดเวลา
ดร.วรเจตน์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการแก้ไขว่าทำได้หรือไม่ตาม ม.291 ประเด็นนี้มีปัญหามาก เหมือนศาลวินิจฉัยว่าถ้าจะแก้ทั้งฉบับต้องทำประชามติก่อน ตามหลักการถูกต้องชอบทำ การทำประชามติในร่างรัฐะรรมนูญฉบับใหม่ เป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะเขาจะได้เปรียบเทียบว่าจะใช้รัฐธรรมนูญฉบับไหน หากจะถามก่อนว่าจะแก้หรือไม่แก้ ก็ยังไม่มีประเด็นถาม ดังนั้นไม่มีประโยชน์เสียงบประมาณเปล่าๆ และไม่มีเขียนในรัฐธรรมนูญ วันนี้ศาลเพิ่มเติมการแก้รัฐธรรมนูญขึ้นมาเอง
"หากศาลบอกว่าทำไม่ได้ต้องบอกว่าทำไม่ได้เพราะอะไร การแก้ทั้งฉบับเป็นการล้มล้างหรือเปล่าก็ไม่ได้บอกอย่างนั้น ไม่ใช่บอกว่ารายมาตราไม่ล้มล้าง แต่แก้ทั้งฉบับเป็นการล้มล้าง ตรรกะของศาลเป็นปัญหาของตัวเอง" ดร.วรเจตน์ กล่าว
ดร.วรเจตน์ กล่าวว่า เรื่องนี้จะเป็นปัญหาตีความ เพราะสุดท้ายศาลบอกยกคำร้อง และบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญควรทำประชามติ เราไม่รู้ว่าคำวินิจฉัยผูกพันแค่ไหนต่อรัฐสภา เพราะเป็นเหมือนคำแนะนำ เรื่องนี้อยู่ที่สภา เพราะวาระ 3 ยังค้างอยู่ เพราะไม่ตกไป ศาลไม่ได้บอกว่าห้ามลงมติวาระ3 เหตุผลที่คำวินิจฉัยคลุมเครือ เพราะศาลตั้งประเด็นไม่ดี ศาลไม่ได้ตั้งจาก ม.68 แต่ไปตั้งประเด็นเรื่อง ม.291 ตกลงศาลสั่งตามอะไร สั่งตามมาตรา 68 ก็ต้องสั่งเลิกกระทำ แต่ตอนนี้ศาลกำลังบอกให้ไปทำประชามติ" ดร.วรเจตน์ กล่าว
"หากเป็นเช่นนี้ ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาควบคุมรัฐธรรมนูญ สถาปนาอำนาจตัวเองขึ้นมา ยกเลิกบทบัญญัติแล้วตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาแล้ว ให้ไปแก้รัฐธรรมนูญกันใหม่ " ดร.วรเจตน์ กล่าวย้ำ