การต่อสู้รอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น พี่น้องนอกประเทศทั้งหมดจะมีบทบาทสำคัญ ต้องไม่เป็นผู้ชมหรือผู้เชียร์อีกต่อไป
การเดินสายไปประเทศแถบยุโรปของนางธิดา โตจิราการ ประธาน นปช. และคณะ เป็นเวลา 1 สัปดาห์เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นกิจกรรมที่อยู่ในความสนใจของสังคม
นอกจากไปชี้แจงนำความจริงคดี 98 ศพรายงานต่อศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์แล้ว ยังถือโอกาสเปิดโรงเรียน นปช. ตามประเทศต่างๆ ขยายฐานและกระชับสัมพันธ์คนเสื้อแดงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นไปอีก
นางธิดาเปิดใจถึงยุทธศาสตร์รุกในต่างแดนว่าผลเป็นที่พอใจ และเตรียมขยายเครือข่ายนปช.ออกไปอีกหลายๆ ประเทศ เพื่อบอกกล่าวการต่อสู้ของพี่น้องเสื้อแดงกับชาวโลก
ประเมินกิจกรรมในยุโรปที่ผ่านมา
นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ นปช. มาชวนว่าไปไอซีซีด้วยกันหรือไม่ ในฐานะประธาน นปช. ก็ตอบว่าเป็นเรื่องดี ไม่มีเหตุที่จะไปไม่ได้
เราไปกันหลายคน เช่น นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย นายธงชัย วินิจจะกูล นักวิชาการ นายคารม พลพรกลาง ทนาย นปช. และนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด ไปพูดแทนคนเสื้อแดง แทนเหยื่อ เอาภาพเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งซีดี คลิป หนังสือ พิมพ์ไปแสดง ให้เขาเห็นว่าเราตั้งใจ และจริงใจทำให้คดีถึงศาลโลกจริงๆ ไม่ใช่เล่นละคร
เมื่อเขาฟังข้อมูลก็ให้คำแนะนำกลับมา หลังจากนี้จะต้องไปกระชับคำร้อง ทำคำร้องเพิ่มเติมให้ข้อมูลกับไอซีซีอีกครั้ง เขาอยากได้ข้อมูลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เชื่อมโยงกับส่วนอื่นๆ
เสียงสะท้อนจากการขึ้นศาลโลก
อาชญากรรมครั้งนี้ใหญ่มาก ศาลและอัยการชั้นสูงที่มาฟังเรามองว่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้นายอภิสิทธิ์อาจไม่ได้ทำคนเดียว ซึ่งเขาไม่ผูกมัดเรื่องเวลา จะทำอย่างดีที่สุดก่อนตัดสิน
ขณะที่การไต่สวนในบ้านเรามีพยานและข้อมูลเพิ่มขึ้นมาก เช่น ปัญหาชายชุดดำไม่มี การตายของทหารไม่เกี่ยวกับพวกเรา ตรงข้ามการตายของเราเกิดจากทหาร ดังนั้นหลักฐานที่จะส่งไปเพิ่มเติมโดยมีนายโรเบิร์ตดำเนินการน่าจะชัดเจนขึ้น
เราพยายามทำให้เต็มที่ ทุกจังหวะก้าวที่จะทำความจริงให้ปรากฏ เอาคนผิดมาลงโทษเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ซ้ำอีกในประเทศไทย เราต้องทำให้ได้
คาดหวังกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน
เรามีความหวัง ดูว่าช่องทางนี้ยากที่จะยกเรื่องนายอภิสิทธิ์เป็นคนสองสัญชาติ ดูเหมือนไม่น่าเชื่อถือ แต่มีคดีก่อนหน้านี้ที่ศาลเขาทำกับผู้นำชาติอื่น ใช้ลักษณะเช่นนี้เป็นประตูนำไปสู่การสืบสวนสอบสวน
เราได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่านายอภิสิทธิ์ใช้สิทธิทางการศึกษาที่ต่างประเทศจริง กระทั่งเป็นผู้มีสิทธิโหวตเลือกตั้ง เมื่อเคยเกิดกรณีที่ได้ผลมาแล้ว เราก็เอาเส้นทางนี้ไว้ก่อนเพื่อเปิดประตูให้เข้าสู่การสืบสวน
ส่วนอีกประตูคือขอร้องนายกฯ ให้เซ็นรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ
ความมั่นใจต่อการใช้ช่องทางนี้สู้คดี
คิดอย่างเดียวว่าจากความพยายาม เพิ่มแรง แทนที่จะปล่อยทนายให้ไปทำเอง ถามว่าคุณไปเรียกร้องให้กับคนตายแต่ไม่กล้าลงทุนไปเอง แล้วจะบอกว่าใส่ใจได้อย่างไร เราจึงไปเพื่อแสดงความจริงใจ ได้ผลเป็นร้อยหรือไม่ ไม่ได้คิด แต่คิดว่าทำให้ดีเท่าที่ทำได้
ช่องทางนี้ไม่ง่ายเหมือนประเทศที่มีสัตยาบันแล้ว เพราะของเราเหมือนอาชญากรรมต่อเนื่อง เมื่อ 16 ตุลา 2519 เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่นี่ผ่านมา 30 กว่าปีแล้วยังมีอีก หนักกว่า ปี 2519 ด้วยซ้ำ
ตอนนี้ศาลบอกว่าขอดูต่อ ก็ต้องเพิ่มข้อมูลเข้าไปอีกจนกว่าจะน่าเชื่อถือ ถ้าเขาบอกโอเคจะเปิดการไต่สวนหรือรับไว้พิจารณา แต่ไม่รู้ว่าตัดสินว่าอย่างไร แค่นี้ก็ถือว่าสำเร็จไประดับหนึ่งแล้ว
แต่ถ้าเรารีบโดยที่ข้อมูลยังไม่พอ สู้ไปก็แพ้ ฉะนั้นต้องใช้เวลาโดยเพิ่มหลักฐานเข้าไปเรื่อยๆ ให้แน่นหนา จะให้ดีคือนายกฯ รีบเซ็นเรื่องเขตอำนาจศาล
นปช. รุ่นใหม่ต้องสานต่อแนวทางนี้ด้วย
ไม่ต้องรอขนาดนั้น หากเรายังไม่ตายก็ทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่ถึงกับต้องคนรุ่นใหม่ การทำความจริงให้ปรากฏเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใช้เวลา บางครั้งก็นานมากจึงต้องมีองค์กรระหว่างประเทศเข้ามาดูแล
เรื่อง ที่จะให้เขตอำนาจศาลโลก เรามองว่าไม่ใช่การเสียเอกราช ตอนนี้โลกเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น แต่พวกจารีตนิยม ไม่เข้าใจเรื่องระหว่างประเทศนี้ ถ้าทำถูกจะไปกลัวอะไร นปช. ต้องเดินหน้าและยืนหยัดที่จะทำ แม้อาจไม่สัมฤทธิผลในช่วงนี้ก็ตาม
การพบปะแกนนำและเปิดโรงเรียน นปช. ในยุโรป
เป็นการไปเรียกร้องว่าการต่อสู้รอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้น พี่น้องนอกประเทศทั้งหมดจะมีบทบาทสำคัญ ต้องไม่เป็นผู้ชมหรือผู้เชียร์อีกต่อไป แต่ต้องแสดงบทบาทรับภาระไปอธิบายให้โลกทั้งโลกเข้าใจปัญหาสังคมไทย
มวลชนนับหมื่นตอบรับอย่างดี แต่ต้องมีจังหวะเวลาที่เหมาะสม บางแห่งเขาต้อง เตรียมสถานที่นัดพบล่วงหน้าถึง 3 เดือน ไม่อยากให้เป็นอุปสรรคกับเขา เราไม่มีสำนัก งานเป็นหลักแหล่งเพราะค่าใช้จ่ายสูง จึงไปใช้ห้องพักหรือที่ทำงานของมวลชนพบปะหารือ การดำเนินการเรื่องนี้ถือเป็นเขตยุทธศาสตร์ที่ 4 คือรุกในต่างประเทศ โดยให้มีการสร้างและทำงานร่วมกัน
ขณะที่หมู่บ้านเสื้อแดงนับเป็นเขตชนบทที่ 1 ซึ่งเป็นเขตที่ดีที่สุด เราไปได้ไกลพอสมควร ด้านกทม.รอบนอกและในเขตเมืองเป็นเขตที่ 2 และ 3 นอกจากนั้นเรามีเขตยุทธศาสตร์ที่ 5 คือโซเชี่ยลมีเดีย
ทั้งเขตที่ 4 และ 5 เป็นเขตที่เรากำลังรุกเพื่อทำคะแนน จึงแนะนำวิธีทำงานว่า ในเขตที่ 4 ไม่จำเป็นต้องทำงานมวลชนมากเพราะมวลชนบางที่ติดงาน ไม่สามารถออกมาได้
แต่ต้องทำในเชิงประชาสัมพันธ์ แจ้งข่าวสารให้โลกรู้ว่าประเทศไทยมีอะไรเกิดขึ้น ประชาชนถูกกระทำอย่างไร และ มีกิจกรรมร่วมกัน นอกจากนั้นก็ไปตอบคำถามเขา เพราะบางครั้งเขาฟังแต่ซีดีอย่างเดียว
เร็วๆ นี้ เราจะเปิดทีวีออนไลน์ เพิ่มการทำงานในโซเชี่ยลมีเดียมากขึ้น ซึ่งอยู่ในแผนงานที่ต้องมีเงินและคน เพื่อให้มวลชนรับทราบข่าวสารเนื้อแท้ และกิจกรรมต่างๆ ของเรามากขึ้น
จะขยายเครือข่ายเสื้อแดงออกไปที่ไหนอีก
ต่อไปเราจะไปสหรัฐและอังกฤษ อาจขยายไปออสเตรเลียตามลำดับ โดยจะมีศูนย์ประสานงาน เช่น ยุโรปอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ส่วนยุโรปเหนือ เช่น นอร์เวย์ ฟินแลนด์ เขาก็อยากให้เราไป
การ เคลื่อนไหวนอกประเทศของเราไม่มีอะไรน่ากังวล ไปเพื่อเสริมระบบจัดตั้งแนวทางยุทธวิธีการทำงาน ไปให้การศึกษา ไม่ได้ไปแทรกแซงเจ้าของประเทศ
เราไปปรับการเคลื่อนไหวให้เป็นเอกภาพ ให้เป็นในทิศทางเดียวกัน ปรับการจัดตั้งเครือข่ายของเรามากกว่า เช่น ยุโรปต้องปรับว่าในแต่ละสถานที่ เช่น เยอรมัน เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ต้องมีการประสานงาน อย่างที่อังกฤษ อาจมีรูปแบบให้แกนนำมาจัดประชุมในลักษณะของโรงเรียน โดยเช่าสถานที่เป็นครั้งๆ ไป
กิจกรรมเดินสายในเร็วๆ นี้
เดิมตั้งใจจะทำโรงเรียน แต่เมื่อมีเหตุการณ์ไต่สวนและพิจารณาคดีแก้รัฐธรรมนูญ คิดในทางร้ายหาก ส.ส. ส.ว. หลายร้อยคนที่ร่วมกระบวนได้รับผลกระทบจะเป็นอย่างไร รัฐบาลก็ล้ม สภาก็ล้ม
ถ้าเราไม่ทำอะไรแล้วประชาชนโกรธ จะอยู่ไม่ได้ ดังนั้นต้องนัดแกนนำมาประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมกันก่อน พอบอกให้เคลื่อนก็เคลื่อนโดยจะดูสถานการณ์เป็นหลัก ระหว่างนี้จึงขออยู่ในที่ตั้งก่อน