"ชวน" ห่วงตุลาการถูกคุกคาม เชื่อมั่นจะไม่หวั่นไหว ชี้ศาลตัดสินตามหน้าที่ เรื่องอื่นหน้าที่ใครหน้าที่มัน ยันไม่ว่าผลออกมาอย่างไร รัฐบาลก็ยังอยู่ เชื่อไม่มีหตุรุนแรง ขอศาลเป็นที่พึ่งสุดท้าย ลั่นเป็นไปไม่ได้ ศาลจะเอื้อให้มีการพลิกขั้วการเมือง...
เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวมีความเป็นห่วงว่าตุลาการที่โดนคุกคาม เพราะไม่มีระเบียบ หรือข้อกฎหมายในการปกป้องคุ้มครองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียหาย แต่ยังเชื่อว่าประสบการณ์ในชีวิตของตุลาการแต่ละท่าน ที่ทำงานมาอย่างยาวนาน จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ทำให้ไม่หวั่นไหวในการทำหน้าที่ แต่ก็ยังน่าห่วงที่ตุลาการอาจไม่เคยเจอคือการถูกคุกคาม กดดัน เพราะไม่เคยมีมาก่อน เราก็มีความเป็นห่วงว่าจะมีความเป็นอิสระได้หรือไม่
"ผมยังเชื่อว่าท่านจะมีประสบการณ์ และเคยถูกดดันทั้งการวิ่งเต้น หรือใช้วิธีการข่มขู่ โทรศัพท์ขู่ เพื่อตัดสินตามความต้องการให้ตัวเอง ดังนั้น เชื่อว่าตุลาการจะรักษาความเป็นอิสระได้" นายชวน กล่าว
นายชวน กล่าวต่อว่า การตัดสินที่มีบางข่ายระบุว่า ขอให้เอาเหตุการณ์บ้านเมืองมาเป็นเงื่อนไขจะต้องตัดสินไม่ให้บ้านเมืองมีปัญหาเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งนั้น สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เงื่อนไขที่ตุลาการจะนำสิ่งเหล่านี้มาเป็นหลักในการวินิจฉัย เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตัดสินด้วยความเป็นธรรม ยึดหลักกฎหมาย ฝนจะตก แดดจะออกก็ต้องตัดสิน ไม่ใช่ว่าฝนตกตัดสินอย่างหนึ่ง พอแดดออกก็ตัดสินอย่างหนึ่ง เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ไม่ใช่เรื่องของตุลาการ เพราะตุลาการมีหน้าที่ในการตัดสินตามความเป็นจริงและกฎหมายที่มีอยู่ จะไปพะวงว่าจะมีเหตุบ้านเมือง เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตุลาการ แต่คนที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือก็คือ ฝ่ายบริหาร ก็ต้องแยกแยะอำนาจหน้าที่กันไป ไม่เช่นนั้นเขาจะแบ่งแยกหน้าที่ของแต่ละฝ่ายมาทำไม หลักที่เราใช้คือ ฝ่ายนิติบัญญัติออกกฎหมาย ฝ่ายบริหารบังคับใช้กฎหมายโดยการบริหาร และฝ่ายตุลาการทำหน้าที่วินิจฉัยกฎหมายตัดสิน หน้าที่ก็แบ่งกันชัดเจน คำแนะนำทีมีเหตผลการคำนึงถึงเรื่องที่อยู่นอกคดี ถือเป็นเรื่องที่อันตราย เพราะถ้าใช้หลักการนี้จะมีปัญหาตามมาคือ เป็นการตัดสินตามความกดดัน ตามคำเรียกร้อง ซึ่งมันไม่ถูก นี่คือสิ่งที่เราต้องเข้าใจบทบาทของตุลาการ และสิ่งสำคัญคือจะเป็นบทเรียนอีกครั้งหนึ่ง และประสบการณ์ของกระบวนการประชาธิปไตยที่ฝ่ายตุลาการได้รับภาระหน้าที่ในการทำหน้าที่วินิจฉัยปัญหาที่เป็นบทบาทของฝ่ายตุลาการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลการตัดสินของศาลจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองตามที่หลายเป็นห่วงหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า รัฐบาลคงไม่เปลี่ยนแปลงก็ยังเป็นชุดนี้อยู่ และเหตุการณ์อย่างอื่นก็คงไม่มีอะไร เพราะความไม่พอใจและพอใจก็คงมีอยู่เป็นธรรมดา แต่คนที่จะเป็นปัญหาส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นคนของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบตัวเองอยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนของรัฐบาลจะมาก่อปัญหาอีก ซึ่งความจริงรัฐบาลสามารถห้ามคนที่ก่อปัญหาได้ ส่วนคนกลุ่มอื่นที่ผ่านมาเขาก็ชุมนุมกันตามปกติ ชุมนุมโดยสงบ ไม่ก่อปัญหา ไม่เผาอะไร ก็ไม่มีปัญหา ซึ่งทั้งหมดก็คงไม่น่าจะมีปัญหา เพราะรัฐบาลดูแลได้อยู่แล้ว เพียงแต่ปรามคนของตัวเองให้ได้เท่านั้นเอง ไม่ให้มาสร้างปัญหา หากปรามได้ก็จะไม่มีปัญหาอะไรเลย
“ส่วนตัวไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น บ้านเมืองกับปัญหาเป็นของคู่กัน แต่ละฝ่ายก็มีหน้าที่ต้องแก้ปัญหา เขาถึงแบ่งอำนาจกัน เราแค่ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์กันทุกฝ่าย ก็ไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะตัดสินอย่างไรรัฐบาลก็ยังอยู่ ยังมีเสียงอยู่ ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพียงแต่ทำอย่างไรให้สถาบันศาลที่เป็นที่พึ่งสุดท้ายทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ มีความเป็นอิสระ ท่ามกลางเสียงข่มขู่คุกคาม เพราะศาลก็คือ ปุถุชน ไม่ต่างจากเรา แต่เขามีประสบการณ์ในอาชีพของเขา ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ไม่หวั่นไหวไปตามแรงคุกคาม” นายชวน กล่าว
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวการตัดสินของศาลเพื่อเอื้อให้มีการเปลี่ยนแปลงในการพลิกขั้ว นายชวน กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ เพราะระบบนี้ต้องอาศัยเสียงข้างมาก ตอนนายอภิสิทธิ์มาเป็นนายกฯ ก็เพราะได้เสียงข้างมาก เมื่อถามย้ำว่ามีการเอ่ยชื่อของนายชวนด้วยว่าจะเป็นแคนดิเดตเป็นนายกฯ ด้วย นายชวน กล่าวว่า ไม่มีแน่นอน