ศุกร์ 13 ไม่หวิ๋ว ! อดีต สว.โหรฟันธง เชื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินออกแนวประนีประนอม ขณะดวงเมืองวุ่นต่อ เครือข่าย ปชช. ขอ ตลก. ชะลอการพิจารณาแก้ รธน. เชื่อทอดเวลาออกไปลดความแตกแยกได้
12 ก.ค. 55 ผู้สื่อข่าวรายงานหลังการจัดงานวันเกิดครบรอบ 72 ปีเต็ม ของ ดร.บุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต สว.ฉะเชิงเทราระบบเลือกตั้งรุ่นแรก และ สส.เขต 1ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ ในปัจจุบันเมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งได้กล่าวแสดงความเห็นภายในงานวันเกิดของตนเองตามแนวทางโหราศาสตร์ ถึงการพิจารณาคดีทางการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันศุกร์ ที่ 13 ก.ค. นี้ ที่จะถึงในวันพรุ่งนี้ ที่โรงแรมซันธารา เวลเนสรีสอร์ท อ.เมืองฉะเชิงเทราว่า
"เชื่อว่าแนวทางการตัดสินนั้นน่าจะออกมาในแนวทางของการประนีประนอมมากกว่า ด้วยการที่จะให้มีการแก้ไขเพียงบางมาตรา แทนที่จะต้องมีการยกร่างใหม่ขึ้นมาทั้งฉบับ และจะยังไม่มีการยุบพรรคการเมืองเพราะถือว่ายังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือยกร่างใหม่ทั้งฉบับโดยผลการตัดสินนั้นน่าจะออกมาแบบกลางๆ และจะเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย" ดร.บุญเลิศ กล่าว
ดร.บุญเลิศ กล่าวต่อว่า โดยฝ่ายที่เห็นว่าไม่ควรยกร่างใหม่ก็จะรู้สึกพึงพอใจ เพราะการยกร่างใหม่ทั้งหมดนั้นจะไปขัด มาตรา 291 และ 68 โดยผู้ที่ต้องการยกร่างใหม่ทั้งหมดก็จะไม่สามารถทำได้ จะแก้ไขได้เป็นเพียงรายมาตรา และเป็นหน้าที่ของรัฐสภาไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ สสร. และเชื่อว่าศาลจะมีการพิจารณาออกมาในรูปของการผ่อนปรน โดยที่จะไม่มีการเสนอให้มีการยุบพรรคที่เสนอให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ตามวรรค 3 ของมาตรา 68 ซึ่งจะสร้างความพึงพอใจในระดับหนึ่งให้แก่ทุกฝ่าย แต่แน่นอนว่าหากการตัดสินออกมาเช่นนี้ย่อมสร้างความไม่พึงพอใจของฝ่ายที่อยากจะยกร่างใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดง และพรรคร่วมรัฐบาล แต่ก็น่าจะพอใจในส่วนของการที่พรรครัฐบาลและพรรคร่วมจะไม่ถูกยุบด้วย ถึงจะไม่ได้ยกร่างใหม่ก็ตาม จึงถือเป็นการประนีประนอมระหว่างผู้ที่ต้องการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ และผู้ที่ไม่ต้องการให้ยกร่างใหม่ ฉะนั้นจึงเป็นการได้กันฝ่ายละครึ่งๆหรือ เรียกกันว่าแบบวินๆ ได้บ้างเสียบ้าง แต่ก็ถือว่าทั้งสองฝ่ายจะได้
"สำหรับดวงเมืองของประเทศไทยนั้นในช่วงเดือน ส.ค.นี้จะยังไม่มีอะไร แต่ในเดือน ก.ย. นั้นจะอยู่ในขั้นวิกฤต โดยฝ่ายที่ไม่พอใจก็จะสร้างปัญหาขึ้นมาทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เมื่อไม่พอใจก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้นมา และจะทวีความรุนแรงขึ้น ตามหลักโหรราสาสตร์นั้นจะทวีความรุนแรงขึ้นช่วงระหว่างวันที่ 7-25 ก.ย.นี้ ในขณะที่ดาวเสาร์กับดาวอังคารเป็นดาวบาปพระเคราะห์อยู่ในราศีตุนเล็งลักขณาลงเมืองราศีเมษ จะทำให้เกิดความระหองระแหง เกิดการเลือดตกยางออก และมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง" ดร.บุญเลิศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บรรยากาศภายในงานนั้นมีผู้เดินทางมาร่วมงานอย่างเนืองแน่นมากกว่าความคาดหมายที่ได้มีการจัดเตรียมที่นั่งไว้รองรับสำหรับฐานคะแนนเสียงสำคัญที่เดิมได้มีการจัดเตรียมโต๊ะงานเลี้ยงไว้เพียงประมาณ 150 ที่นั่งแต่ในวันนี้ได้มีผู้มาร่วมงานมากว่า 300 คน จึงทำให้ที่นั่งมีไม่เพียงพอและต้องมีการเสริมโต๊ะงานเลี้ยงจนล้นออกมาจากภายในห้องจัดเลี้ยงมาอยู่ยังด้านนอกอีกจำนวนมากหลายโต๊ะ
ขณะเดียวกัน ที่หน้างานยังได้มีการรับลงทะเบียน เพื่อสำรวจเช็คฐานเสียง ว่าแขกเหรื่อที่มาร่วมงานนั้นมาจากที่ใด พร้อมยังได้แจกเสื้อยืดคอโปโลสีขาวสกรีนชื่อเจ้าของงานให้แก่ผู้ที่เดินทางมานำกลับไปสวมใส่อีกด้วย
ขณะที่ฐานเสียงส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานนั้นส่วนใหญ่เป็นเพียงบรรดาแกนนำชุมชนระดับล่าง หรือระดับต่ำกว่านายกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นลงมา และไม่มีนักการเมืองคนดังในพื้นที่ทุกระดับเดินทางเข้ามาร่วมงานแต่อย่างใด โดยมีเพียงคนในตระกูลการเมืองระดับตำนานในพื้นที่ (นันทมานพ) ที่เพิ่งพ้นโทษแบนทางการเมืองเมื่อสมัยกว่าสิบปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เข้ามาร่วมงานเท่านั้น
เครือข่าย ปชช. ขอ ตลก. ชะลอการพิจารณาแก้ รธน. เชื่อทอดเวลาออกไปลดความแตกแยกได้
ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่ศาลรัฐธรรมนูญ ก่อนจะมีการนัดอ่านคำวินิจฉัย กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 291 เข้าข่ายการล้มล้างการปกครอง ตามมาตรา 68 ของรัฐธรรมนูญตามที่มีผู้ร้องหรือไม่ว่า บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงเป็นปกติ ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่เตรียมจะมีการซักซ้อม เพื่อรักษาความปลอดภัย คาดว่าน่าจะมีการซักซ้อมในช่วงบ่ายหลังมีฝนตกตลอดในช่วงเช้า
เมื่อเวลา 9.50 น. "กลุ่มเครือข่ายประชาชนผู้ไม่เห็นด้วยกับความแตกแยกของคนในชาติ" นำโดย นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล ได้ยื่นหนังสือต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้เลื่อนเวลาการพิจารณาตัดสินคดีไปก่อน เป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน เพราะการตัดสินที่จะเกิดขึ้น เกิดในเวลาที่เร็วจนเกินไป ขณะที่แต่ละฝ่ายที่มีส่วนได้ส่วนเสียล้วนมีความเห็นที่แตกต่างออกไป และอาจกลายเป็นความแตกแยกครั้งใหญ่ ทั้งนี้การเลื่อนเวลาพิจารณาออกไปยังทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ ผู้เป็นเจ้าของประเทศได้มีเวลา ทำความเข้าใจในรายละเอียด เหตุและผลอย่างเพียงพอ จะนำมาซึ่งการยอมรับคำวินิจฉัย และคำตัดสินของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
นครบาล ซ้อมรับมือสถานการณ์ชุมนุม
ทางด้านตำรวจนครบาลซักซ้อมแผนดูแลความสงบเรียบร้อยและมาตรรักษาความปลอดภัยศาลรัฐธรรมนูญก่อนวันนัดฟังคำวินิจฉัยโดยมี พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้ควบคุมดูแลและประเมินผลการปฏิบัติก่อนปล่อยแถวกองกำลังตำรวจเข้าจุดคุมเข้มทำหน้าที่ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งการฝึกซ้อมในช่วงเช้านี้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 3 กองร้อย จากนั้นเวลา 13.30 น. จะทำการฝึกซ้อมใหญ่รับมือสถานการณ์จริงที่มีการชุมนุมมีการสมมุติเหตุการณ์วุ่นวายต่างๆใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่การรวมแถวบริเวณหน้าอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ รวมถึงการเดินเข้า-ออกประตู
รอง ผบช.น. กล่าวว่า วิธีการรับมือมวลชนหากมีการบุกเข้ามาภายในศาลรัฐธรรมนูญ ตำรวจมีมาตรการป้องกันตามแบบแผนที่วางไว้ รวมถึงการสับเปลี่ยนกำลังก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ขณะที่กำลังเสริมได้มีการเตรียมไว้อีก 10 กองร้อย รวมกับที่ประจำอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็รวมเป็น 13 กองร้อย ในการดูแลรักษาความปลอดภัยครั้งนี้ กำลังเสริมจะคอยอยู่บริเวณรอบนอก หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน สามารถเรียกกำลังได้ภายใน 1 ชั่วโมง
"น.ต.ประสงค์" เตือนเสื้อแดง อย่ากร่าง ชาวบ้านเริ่มหมั่นไส้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 50 เปิดเผย "สำนักข่าวเนชั่น" ว่า การออกมากดดันตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ของกลุ่มคนเสื้อแดง จะไม่ทำให้องค์คณะตุลาการหวั่นไหว เชื่อว่าตุลาการแต่ละท่านจะมีความหนักแน่น และจากข้อมูลที่ตรวจสอบมาพบว่าขณะนี้กลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้มีพลังมากนัก มีความแตกแยกกันเองภายในสูงโดยเฉพาะระหว่างปีกของพรรคเพื่อไทยกับแกนนำที่คุมมวลชน ที่จัดสรรผลประโยชน์ไม่ลงตัว ฉะนั้นถึงแม้จะออกมาเคลื่อนไหวก็ไม่ถือว่ามีพลังมากนัก
"คนเสื้อแดง วันนี้ต้องบอกว่ามีแต่ราคาคุย ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ผมพูดจากข้อมูลที่ได้ตรวจสอบมาพบว่าภายในคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมีความขัดแย้งกันเองสูง ฉะนั้นคนเสื้อแดงอย่ากร่าง ฝ่ายที่ไม่พอใจเสื้อแดงมีมากเหลือเกิน เขาเริ่มจะหมั่นไส้กันเยอะ และพร้อมจะออกมาเคลื่อนไหวตอบโต้ทันทีถ้ามีการทำร้ายศาลรัฐธรรมนูญ ไม่นอนดูเหตุการณ์อยู่กับบ้านเฉยๆเหมือนที่ผ่านมา" น.ต.ประสงค์ กล่าว
น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ต้องระวังคือประชาชนกับประชาชนจะเผชิญหน้ากันเอง และนำไปสู่ความวุ่นวายทางการเมือง เพราะถ้าคนเสื้อแดงไม่พอใจคำตัดสินแล้วออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนอีกฝ่ายซึ่งถูกข่มขู่มานานจะออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน จากที่ได้สัมผัสกับมวลชนหลายกลุ่มพบว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับเสื้อแดงมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และพร้อมจะออกมาเคลื่อนไหว ไม่นอนอยู่กับบ้านเฉยๆเหมือนแต่ก่อน ฉะนั้น สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ต้องระวังการปะทะกันของประชาชนมากที่สุด