ศึกชิง 'ปธ.วุฒิฯ' ยิ่งกว่าเกมแห่งศักดิ์ศรี

คมชัดลึก 26 กรกฎาคม 2555 >>>




สิ้นเสียงคำพิพากษา คดี “ผู้ตรวจการแผ่นดินขึ้นเงินเดือนตัวเอง” ชี้ว่า “พล.อ.ธีรเดช มีเพียร” ประธานวุฒิสภา ในฐานะอดีตผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ออกระเบียบขึ้นเงินเดือนตัวเองอย่างมิชอบ !! ถือว่าผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83
โทษคือ “จำคุก” เป็นเวลา 2 ปี แม้ว่าศาลจะปรานีรอลงอาญาไว้ 2 ปี แต่ก็ทำให้เก้าอี้ “ประธานสภาสูง” เป็นอันหลุดจากการครอบครองในทันที
ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 124 (4) ที่ระบุถึงการสิ้นสภาพของผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภา เมื่อต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ รวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่ง 1 ปี 1 เดือน กับอีก 16 วัน !
หลังจากนี้จึงต้องมาจับตา "ใคร" จะได้รับการเสนอชื่อให้เข้ารับการคัดเลือกเป็น “ประธานวุฒิสภา” แทนตำแหน่งที่ว่างลง
หากดูประวัติย้อนหลัง การเข้าดำรงตำแหน่ง “เบอร์หนึ่งสภาสูง” ในชุดปัจจุบัน พบว่า “ส.ว.สรรหา” จะได้รับใบสั่งให้เป็นผู้รับเลือกอยู่เสมอ นับตั้งแต่ “ประสพสุข บุญเดช” และต่อมาเป็น “พล.อ.ธีรเดช” ทำให้ดูเหมือนว่า “เก้าอี้" ตัวนี้คงหนีไม่พ้นจากตัวแทนภาคสรรหา แต่ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน เพราะงานนี้ “ส.ว.สายเลือกตั้ง” ประกาศขอท้าชิง !
รอบนี้มีความเป็นไปได้ว่า ชื่อของ “นิคม ไวยรัชพานิช” ส.ว.ฉะเชิงเทรา ในฐานะรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ถูกเสนอให้เข้าชิง
เหตุผลหลัก ไม่ใช่เพราะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเบอร์สองของสภาสูงมาแล้ว 2 สมัย หรือ 4 ปี หรือมีความเชี่ยวชาญด้านระเบียบข้อบังคับการประชุม สามารถคุมการประชุมในวุฒิสภาให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี ที่ "สายเลือกตั้ง” ต้องได้สิทธิ์ครอบครองเก้าอี้กันบ้าง
หากดูการช่วงชิง “เก้าอี้ประธานวุฒิสภา” รอบที่ผ่านมา “ส.ว.เลือกตั้ง” ส่วนหนึ่งลงความเห็นว่า ต้องแบ่งให้นั่งเก้าอี้สำคัญนี้บ้าง เพราะหากให้สายสรรหายึดครองอีก เท่ากับปิดโอกาสโดยสิ้นเชิง เนื่องจากในเดือนมีนาคม 2557 ส.ว.เลือกตั้ง ก็จะหมดวาระลง
ไม่กี่ชั่วโมง...หลังรู้ผลคำพิพากษา “ส.ว.เลือกตั้ง” ร่วมหารือกันอย่างไม่เป็นทางการ ชูธง ล็อกชื่อ “นิคม” โดยกลุ่ม “สมชาติ พรรณพัฒน์ ส.ว.นครปฐม” ซึ่งรอบที่แล้ว ร่วมสนับสนุน “พล.อ.ธีรเดช” จนได้นั่งเก้าอี้ประธานวุฒิสภา รับปากจะเทคะแนนให้
ส่วน ส.ว.เลือกตั้ง ที่เคยได้รับการเสนอชื่อ เช่น “ดิเรก ถึงฝั่ง ส.ว.นนทบุรี” งานนี้ก็ประกาศหนุน “นิคม” เต็มที่ ขณะที่ “ส.ว.กฤช อาทิตย์แก้ว ส.ว.กำแพงเพชร” ก็แบ่งรับแบ่งสู้
ฟากฝั่งของ “ส.ว.สรรหา” ดูท่ายังมึน เพราะไม่คาดว่า “พล.อ.ธีรเดช” จะโดนดีด แต่ได้มีการพูดหยอกล้อและพูดแซวในหมู่สายสรรหา เผยชื่อ “พิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.สรรหา” ออกมาหยั่งกระแส
"พิเชต” ออกมายอมรับว่า...ได้รับการพูดถึง แต่ยังไม่กล้าตอบรับโดยตรง เพราะเจ้าตัวมีปัญหาด้านสุขภาพ แต่ก็ไม่ได้บอกปัดอย่างสิ้นเชิง เพราะ ส.ว. ส่วนใหญ่ยังให้ความเคารพ ยอมรับในภาพการทำงานที่โปร่งใส เป็นกลาง
แต่งานนี้ “ส.ว.คำนูณ สิทธิสมาน กลุ่ม 40 ส.ว.” ออกมาดักทาง...ว่า “ชื่อของ ส.ว.สรรหา” ที่ปรากฏออกมา ล้วนแต่ไม่แน่นอน เพราะยังหาบุคคลที่มีสเปกที่ตรงกับความต้องการ คือ เป็นกลางทางการเมืองไม่ได้ เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำมาพิจารณาว่า “ใคร เป็นผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่ง” ในยามที่สถานการณ์ทางการเมืองร้อนแรง
อย่าลืมไปว่า... ในการชิง “เก้าอี้ประธานวุฒิสภา” ครั้งก่อน ชื่อของ “รสนา โตสิตระกูล” ยังถูกเสนอ ในครั้งนี้หาก... ”ส.ว.สรรหา” หมดตัวเลือกจริงๆ อาจจะหันเหหนุน “สายเลือกตั้ง” ซึ่งเป็นคนในขั้วของอำนาจเก่า
ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าทางไหน ก็ย่อมเกิดได้ เนื่องจากไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือระเบียบใด ที่ระบุถึงคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาไว้อย่างชัดเจน แต่เมื่อพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 125 พบว่า บุคคลที่ดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภามีอำนาจหน้าที่ดำเนินกิจการของสภานั้นๆ ให้เป็นไปตามข้อบังคับ อีกทั้งต้องวางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น ในการพิจารณาตัวบุคคล...ย่อมต้องคำนึงถึงรายละเอียดที่ระบุไว้ในมาตราดังกล่าว
แต่ในเกมการเมืองช่วงที่ฟาดฟันกันอย่างหนักหน่วง ข้อบังคับ ระเบียบใดๆ แม้จะมีกำหนด ก็ย่อมถูกเลี่ยง ไม่พูดถึง และยิ่งในช่วงนี้...เกมการเมืองเลือกข้าง และช่วงชิงอำนาจการปกครอง...“ตำแหน่งประธานวุฒิสภา” จึงถือเป็นที่นั่งสำคัญ ที่จะเป็นตัวแทนการใช้อำนาจนั้นใน “สภาหินอ่อน” ของผู้มีอำนาจทั้งในระบบ และนอกระบบ
ต้องจับตาเกมชิงเก้าอี้ประธานวุฒิสภาให้ดี เพราะนอกจากเป็น เก้าอี้วัดศักดิ์ศรี ส.ว.เลือกตั้ง แล้ว ยังเป็นเสมือนสัญลักษณ์การควบคุม ถ่วงดุล “รัฐบาล” ที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร แต่หากได้คนขั้วเดียวกันก็พยัคฆ์ติดปีกดีๆ นี่เอง !