ประวิตร โรจนพฤกษ์: 80 ปีกับคำถามซ้ำๆ ซากๆ ของประชาธิปไตยไทย

ประชาไท 6 กรกฎาคม 2555 >>>




ถึงแม้ ‘ประชาธิปไตย’ ไทยจะครบรอบ 80 ปีแล้ว แต่คำถามหรือข้อกังขาบางอย่างซ้ำๆ ซากๆ ก็ยังวนเวียนคงอยู่มิได้หายไปไหน
   ‘คนไทยส่วนใหญ่พร้อมสำหรับการปกครองแบบประชาธิปไตยจริงหรือ ?’
ผู้ที่มีการศึกษาสูง (ในระบบ) มักอ้างว่าประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศซึ่งยากจนและมีการศึกษาน้อยไม่เข้าใจประชาธิปไตย รู้จักแต่ขายเสียงแถมโง่และถูกนักการเมืองชั่วๆ หลอกง่ายและมักเป็นเหยื่อนโยบายประชานิยม บางคนคิดไกลไปถึงขนาดเสนอว่าประชาชนที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปเท่านั้นที่ควรมีสิทธิเลือกตั้ง บางคนถวิลหาการปกครองระบอบเผด็จการทหารหรือแม้กระทั่งระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์
บุคคลเหล่านี้เชื่อว่าพวกเขาเหนือกว่าและมีคุณธรรมกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศและเข้าใจประชาธิปไตยดีถึงแม้คนส่วนใหญ่ที่คิดแบบนี้มักกลับให้การสนับสนุนรัฐประหารมาไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ผู้เขียนจะไม่ฟันธงยืนยันว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ หากอยากจะบอกว่าสังคมจะก้าวหน้าเท่าเทียมมีความยุติธรรมและเป็นประชาธิปไตยไม่ได้หากคนส่วนใหญ่ในแผ่นดินไม่มีโอกาสลองผิดลองถูกและใช้สิทธิทางการเมืองที่เราทุกคนพึงมีอย่างเท่าเทียมกัน (ซึ่งการลองผิดลองถูกก็ไม่ต่างจากการหัดขับจักรยานซึ่งต้องมีพลาดบ้างล้มบ้างเป็นธรรมดา)
อย่างน้อยที่สุด ทุกวันนี้ประชาชนแทบทุกคนคงตระหนักแล้วว่าแต่ละคนมีหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงเท่าเทียมกัน หากจะเพิกถอนสิทธิประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ สังคมไทยก็คงต้องกลับไปเป็นเผด็จการอย่างเต็มรูปแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมอาจเกิดสงครามการเมือง
ไม่มีสังคมใดที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงได้โดยปราศจากการต่อสู้ของคนส่วนใหญ่ในประเทศ ในแง่นี้ความพยายามที่จะลิดรอนสิทธิทางการเมืองและกดประชาชนให้เงียบหรือจัดการกับรัฐบาลที่ประชาชนเลือกโดยวิธีการที่ไม่ชอบธรรมและไม่เป็นประชาธิปไตยจะเป็นตัวเร่งให้ประชาชนลุกออกมาสู้และเรียกร้องสิทธิของพวกเขา เพื่อสิทธิที่จะได้รับการเคารพและปฏิบัติอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าเขาจะเกิดมาจนหรือรวย เป็นคนดีหรือชั่ว หรือเลือกพรรคการเมืองใดก็ตาม
เมื่อเร็วๆ นี้นิด้าโพลเผยว่าคนกรุงฯ ฝันอยากได้ ส.ส. ที่มีคุณธรรม จริยธรรมและมีความรู้มากสุด ซึ่งมันน่าสนใจตรงที่ว่าความคิดเช่นนี้สะท้อนอะไรเกี่ยวกับคนกรุงฯ เหล่านั้น
ระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถการันตีว่าสังคมจะได้นักการเมืองดีมาเป็นรัฐบาลเสมอไป หากระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงการันตีว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันและสามารถเลือกและเปลี่ยนรัฐบาลที่ตนชอบหรือไม่ชอบได้อย่างสันติวิธี
มันเป็นการดีที่ประชาชนจะเป็นห่วงเรื่องคอร์รัปชั่นหรือนักการเมืองชั่ว แต่ตราบใดที่ทุกบุคคลสาธารณะทุกองค์กรทุกสถาบันไม่สามารถถูกตรวจสอบและวิพากษ์ได้อย่างเสมอภาค การเรียกร้องแต่ให้มีนักการเมืองดีและขจัดคอร์รัปชั่นแค่ในหมู่นักการเมืองและข้าราชการก็จะกลายเป็นการเรียกร้องให้คงไว้ซึ่งสองมาตรฐานไปโดยปริยายอย่างหลีกเลี่ยงมิได้
ไม่ว่าผู้อ่านจะถวิลหาระบอบการปกครองแบบใด ตราบใดที่ประชาชนยังไม่มีสิทธิทางการเมืองอย่างเท่าเทียมกันทุกคนอย่างแท้จริง ตราบใดที่ยังมีการปิดหูปิดตายัดเยียดข้อมูลด้านเดียวบางเรื่องอย่างไม่รู้จักพอเพียงและจับคนที่ตั้งคำถามเข้าคุก ตราบนั้นการต่อสู้ของประชาชนเพื่อสังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริงก็จักยังคงดำเนินต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะมนุษย์มิได้เกิดมาเพื่อให้มนุษย์ด้วยกันดูถูกเหยียดหยามกดขี่และล้างสมองว่าตนเองด้อยกว่าตลอดชีวิต