นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึง ทิศทางการเคลื่อนไหวของ นปช. ขณะนี้ว่า ต้องรอคำวินิจฉัยกลางและคำวินิจฉัยส่วนตัวของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 8 คน เพราะต้องการให้การแก้ปัญหาเดินหน้าไปอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีทางเลือก 3 ทาง ประกอบด้วย
1) เดินหน้าโหวตร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 หรือ
2) ทำประชามติ และ
3) แก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา
ส่วนสาเหตุที่ต้องรอ เพื่อตัดสินใจบน 3 ทางเลือกนี้ เป็นเพราะสิ่งที่ศาลอธิบาย ไม่ได้อยู่ในมาตราใดของศาลรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น จะต้องดูให้สุดทางจากคำอธิบายฉบับเต็ม เพื่อให้ตกผลึกทั้ง รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และ นปช. ต้องเห็นครบจึงจะตัดสินใจได้
สำหรับท่าทีของ ส.ส. และ ส.ว. 416 คน จะส่งคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่นั้น นายจตุพร กล่าวว่า แต่ละคนต้องตัดสินใจเพราะเป็นทั้งเรื่องส่วนตัวและเป็นอำนาจที่ประชาชนเลือกมา เชื่อว่า ทุกฝ่ายกำลังรอความชัดเจนจากคำวินิจฉัยฉบับสมบูรณ์
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีศาลอาญานัดไต่สวนกรณีศาลรัฐธรรมนูญยื่นเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวในวันที่ 23 ก.ค. นี้ว่า เตรียมชี้แจงว่าไม่ได้เป็นไปตามข้อกล่าวหา และไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว อาทิ การเข้าชื่อถอดถอดตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นไปตามสิทธิตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงการที่ตนขอร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งกำลังไปดูแลบ้านตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีเจตนาป้องกันไม่ให้มือที่ 3 ก่อเหตุการณ์ความวุ่นวายภายหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย ไม่มีข้อเท็จจริงใดเป็นการข่มขู่แต่อย่างใด จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่การพิจารณาคดี วันที่มีการไต่สวน จนถึงวันที่มีการวินิจฉัย ตนได้ห้ามประชาชนไม่ให้ไปรวมตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นยังมีคำถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคู่กรณีกับตนเองกรณีศาลฯได้ แจ้งความกล่าวหาตนในชั้นพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2553 คดียังไม่สิ้นสุด ดังนั้น ศาลฯ ใช้อำนาจวินิจฉัยคดีตนเองได้อย่างไร ฉะนั้น หวังว่า เมื่อนำความไปเรียนต่อศาลอาญาแล้ว ก็หวังว่าจะได้รับความเมตตาและความยุติธรรม
นางธิดา โตจิราการ ประธาน นปช. กล่าวว่า ขณะนี้ นปช. รอประเมินสถานการณ์ โดยเชื่อว่า ฝ่ายตรงข้าม ทำทุกวิถีทางด้วยเป้าหมาย 3 ข้อในขณะนี้ ประกอบด้วย
1) ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
2) ไม่ต้องการให้นิรโทษกรรมและผ่าน พ.ร.บ.ปรองดอง
3) ต้องการให้เสื้อแดงอ่อนกำลัง ฉะนั้น จึงมีการออกหมายเรียก นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ไต่สวนในวันที่ 9 สิงหาคมนี้และกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้
ส่วนตัวมองว่าพรรคเพื่อไทย ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อฝ่ายตรงข้ามเท่ากับคนเสื้อแดง ฉะนั้น แนวโน้มที่ฝ่ายตรงข้ามจะกระทำคือ 1 ไม่ให้ นปช. แสดงบทบาทมาก 2 ทำให้แกนนำ นปช. เข้าเรือนจำจริงๆ โดยเริ่มจาก นายจตุพรเป็นคนแรก ซึ่งถ้าหาก นปช.ขยับมาก อาจะทำให้สังคมวิตกทั้งที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ ฉะนั้น จึงต้องประเมินสถานการณ์อยู่ในที่ตั้ง เช่นเดียวกับเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2555ครั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย คนเสื้อแดงไม่ได้ก่อความวุ่นวายและไม่ได้เดินทางไปศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
นางธิดา ยืนยันว่า นปช. ไม่ได้ถอย แต่จะไม่เคลื่อนไหวในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ซึ่งจะเห็นได้ว่า หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว คนที่ออกมาให้ความเห็นจำนวนมากจะเป็นนักวิชาการ มากกว่าที่จะเป็นคนเสื้อแดงเอง ส่วนกรณีการโหวตวาระ 3 ร่างรัฐธรรมนูญนั้น นปช. เห็นว่าควรเดินหน้าโหวตวาระ 3 ได้เลย เพื่อไม่ให้อำนาจฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติถูกทำลาย แต่ในทางปฏิบัติ ก็เป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเราต้องไว้ระยะห่าง แต่ประชาชนจะเฝ้าดูว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคแบบไหน จะเป็นพรรคมวลชนหรือพรรคของกลุ่มผลประโยชน์ เพราะหากเขาไม่สนใจประชาชนจะทำให้พรรคมีระยะห่างจากประชาชนมากขึ้น
ส่วน ส.ส. และ ส.ว. 416 คน จะยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นางธิดา กล่าวว่า เป็นสิทธิของ ส.ส. และ ส.ว. ว่า จะส่งคำชี้แจงหรือไม่ เราไม่ไปยุ่งเพราะเขาต้องใช้สติปัญญาของเขาเอง แต่ส่วนตัวประเมินว่า ฝ่ายอำมาตย์จะใช้กระบวนการ ตุลาการภิวัฒน์ กดดัน ส.ส. สภา รัฐบาล พรรค เต็มที่ แม้พรรคเพื่อไทยต้องปฏิบัติตาม แต่เราสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ โดยปลุกประชาชนให้เข้าใจมากขึ้น