สนธยา คุณปลื้ม: ไม่คืนรัง พท. ไม่เลือกข้าง ไม่เปลี่ยนขั้ว ไม่เลิกคบ "เนวิน" ขอคืนสู่เก้าอี้ รมต. "ปู 3"

ประชาชาติธุรกิจ 1 กรกฎาคม 2555 >>>




พรรคพลังชล คือพรรคร่วมรัฐบาลที่ส่งสัญญาณชัดเจนว่า "สนธยา คุณปลื้ม" พร้อมที่จะนั่งเก้าอี้แทนภรรยา "สุกุมล คุณปลื้ม" ทันทีที่มีการปรับ ครม. "ยิ่งลักษณ์ 3"
การกลับลงสู่สนามของ "สนธยา" ไม่ได้วางเป้าหมายเพียงแค่เป็น "ตัวจริง" ในเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม
เมื่อ "ประชาชาติธุรกิจ" ถามถึงโอกาสที่จะกลับขั้ว-เปลี่ยนหัวไปอยู่ร่วมชายคากับพรรคเพื่อไทย เขาบอกอนาคตการเมืองของเขาว่า "ผมไม่เลือกข้างดีที่สุด"
เขาผ่านการเมืองมาแล้ว 3 ทศวรรษ ย้ายพรรคมาแล้ว 3 พรรค เลือกอยู่เฉพาะขั้วรัฐบาลเท่านั้น
เมื่อมาตั้งพรรคตัวเอง เหตุใด ไม่คิดกลับไปเป็นพวกเพื่อไทย ร่วมคณะกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นักการเมืองเกือบทั้งกระดาน ฝันหวานจะร่วมรัง

ทำไมไม่คิดกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย

เรื่องกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทยผมยังไม่เคยคิด อยากให้ดูที่ผ่านมาหลังจากที่เป็นสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ผมก็นำ ส.ส. กลุ่มชลบุรีไปอยู่กับพรรคชาติไทย ไปอยู่กับภูมิใจไทย ก่อนจะมีความคิดว่า เราก็มีความพร้อมทั้งเรื่องผู้สนับสนุน นักการเมืองระดับพื้นที่ และทำการเมืองมากว่า 30 ปี ก็คิดว่าคนอื่นมีพรรคการเมืองได้ เราก็มีได้ แม้ในเมืองชลจะมีความเห็นที่แตกต่างกันหลายฝ่าย แต่เราก็คุยได้หมด
ดังนั้นการตั้งพรรคพลังชลน่าจะเป็นจุดศูนย์รวมความคิดให้ทุกคนทำงานด้วยกันได้ ทำให้ไม่มีความคิดที่จะถอนตัวไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย

พรรคพลังชลไม่จำเป็นต้องประทับตราคู่กับขั้วพรรคเพื่อไทยเสมอไป

นี่คือการเมือง พรรคการเมืองก็คือพรรคการเมือง ยังจำกันได้หรือไม่สมัยที่คุณบรรหาร (ศิลปอาชา) จับมือกับคุณเนวิน (ชิดชอบ) แถลงข่าวว่าไปไหนไปด้วยกัน แต่สุดท้ายการเมืองก็มีการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายหลังเลือกตั้งก็เป็นอีกแบบหนึ่ง

พลังชลจะเป็นพรรคจังหวัดโดยสมบูรณ์

เราไม่ได้มองว่าจะเป็นแค่พรรคจังหวัด นี่คือแค่จุดเริ่มต้น จริงอยู่ที่เริ่มต้นที่จังหวัดชลบุรี มี ส.ส. แค่เฉพาะจังหวัดนี้ มีผมร่วมด้วย และมีชื่อพรรคว่าพลังชล ทำให้คนคิดกันหมดว่าเป็นพรรคการเมืองของชลบุรี แต่ความจริง "ชล" มีความหมายอีกอย่างว่าน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาในทุก ๆ เรื่อง
ดังนั้น คำว่า "พลังชล" เหมาะที่จะตั้งชื่อพรรคการเมือง ที่ต้องการสื่อให้เห็นว่าเป็นพรรคแห่งการพัฒนา และเป็นส่วนหนึ่งกับทุกสิ่ง เรา ไม่ได้มองแค่ ส.ส. จังหวัดเดียวเท่านั้น

มองเป้าหมายพรรคพลังชลไว้ไกลแค่ไหน

พื้นที่ภาคตะวันออกเป็นเป้าหมายของเรา เพราะรู้จักพื้นที่ รู้จักคนพอสมควร บางคนอยู่พรรคอื่นยังเคยบอกกันว่า ถ้าผมมีพรรคการเมืองก็จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน ทำให้ตอนนี้เรามองถึงการเติบโตว่า จากพรรคเล็กจะต้องกลายเป็นพรรคขนาดกลาง เที่ยวหน้ามี ส.ส. 10-14 คน จากที่นั่งในภาคตะวันออกทั้ง 28 ที่นั่ง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ดังนั้น คนอย่าไปเข้าใจว่าเป็นพรรคพลังชลเป็นของชลบุรี อีกหน่อยเราจะโตให้เป็นพรรคการเมืองหนึ่งของประเทศนี้ เอาแค่ปัจจุบันเรามี ส.ส. 7 คน ก็กลายเป็นพรรคเล็กที่มีความหมายแล้ว

อะไรคือยุทธศาสตร์ของพรรคเล็ก ในกระดานการเมือง

ต้องเริ่มต้นจากเรื่องฐานทางการเมือง ต้องหยิบคนในพื้นที่มาทำงาน ผู้สมัครแต่ละพื้นที่จะเป็นหัวใจสำคัญที่ประชาชนจะตัดสินใจเลือกเรา เพราะฝั่งตะวันออกเป็นพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่ครบถ้วน ทั้งด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และท่องเที่ยว
ภาพรวมคนฝั่งนี้มีฐานะทางเศรษฐกิจค่อนข้างดี ดังนั้นการเลือกคนก็ต้องเอาคนที่ครบเครื่องพอสมควร โมเดลการทำงานของเราต้องประสานงานกับชาวบ้าน ข้าราชการท้องถิ่นให้ได้ ต้องทำให้คนในพื้นที่ยอมรับให้ได้ทั้งหมด

โมเดลพรรคพลังชลจะเหมือนกับพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมรัฐบาลกับใครก็ได้

ก็คล้าย ๆ ลักษณะนั้น เพราะในแง่ของเสียงข้างมากทางการเมือง การสรรหาพรรคเข้าไปรวมเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งหรือลำดับรองลงมา ก็เห็นกันอยู่ว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะมีบทบาทสำคัญ

ไม่ว่าขั้วไหนพรรคพลังชลก็จะเข้าไปร่วมได้ทั้งหมด

การเมืองบ้านเราก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว

พรรคขั้วกลาง จะบริหารความสัมพันธ์กับการเมือง 2 ขั้ว อย่างไร

ในพื้นที่เรามีคนทั้ง 2 ฝ่าย แต่สุดท้ายก็พวกเราทั้งนั้น ถึงเวลาที่จะต้องปรับไปอยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ก็ต้องทำให้อีกฝั่งไว้วางใจเราให้ได้เช่นกัน
พรรคพลังชลเราไม่มีเลือกข้าง ทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย อาจจะมีคนบางกลุ่มไม่ถูกใจ แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน เพราะการเมืองก็เป็นแบบนี้ และยิ่งเราสร้างผลงานให้เขายอมรับได้ วันนี้แกนนำอีกฝั่งยังคุยกับผมเลยว่า ไม่เสียแรงที่สนับสนุนให้เราตั้งพรรค ทำได้ดี ไม่เสียชื่อคนเมืองชล
จริงอยู่ที่รัฐบาลมีหลายเรื่องที่มีผลในภาพรวม ในฐานะพรรคร่วมที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความหลากหลายแบบ ต้องทำให้เขาเห็นว่าเราทำประโยชน์ให้ทุกคน นี่คือสิ่งที่เราพยายามสร้างให้เห็นว่า ความคิดทางการเมือง เราก็คุยได้ทุกคน ขอให้เอาเหตุผลมาคุยกัน พรรคเรามีแต่ฟ้ากับน้ำเงิน ไม่มีเหลืองหรือแดง นี่คือพลังชล

หากขั้วอำนาจเปลี่ยน พรรคพลังชลก็จะเปลี่ยน

การเมืองมันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดอยู่แล้ว มีสอบได้ สอบตกเป็นเรื่องปกติ ต้องคิดว่าอยู่ในฐานะไหนก็ทำงานได้ ผมโดนพักการเมืองมา 5 ปี อะไรที่เขาห้ามผมก็ไม่ทำ อะไรที่ทำได้ผมก็ทำเต็มที่ ตอนนี้ได้สิทธิ์คืนมาหมด ก็ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ ผมก็พูดอย่างที่ทุกคนรู้ว่า ถึงเวลาแล้วก็แลกเก้าอี้กันระหว่างนายสนธยา กับ นางสุกุมล (คุณปลื้ม) นี่คือความชัดเจนของเรา

เคยเป็นรองนายกฯ และรัฐมนตรีกระทรวงใหญ่ ถ้าต้องอยู่ที่กระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นอย่างไร

การเป็นรัฐมนตรีของฝ่ายบริหารต้องคำนึงถึงการทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ส่วนเรื่องความถนัด ความสามารถพิเศษจะเป็นตัวเสริมให้ทำงานให้คล่องแคล่ว
แต่พื้นที่บ้านผมเป็นเมืองท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวปีละ 8 ล้านคน สร้างรายได้ปีละ 80,000 ล้านบาท และเรื่องกีฬาผมก็ทำมาตลอด คนในวงการเขารู้ดี คนก็เลยติดภาพว่าผมต้องเก่ง แต่ท่องเที่ยวและกีฬาเท่านั้น
ผมทำงานมาแล้ว 5 กระทรวง กระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นกระทรวงที่ 6 ซึ่งผมเคยมองไว้นานแล้วว่า วัฒนธรรมเป็นพื้นฐานของวิถีชีวิตบ้านเมือง ดังนั้นกระทรวงนี้ไม่ใช่กระทรวงเล็ก ทางการเมืองอาจจะเป็นเกรดซี แต่เป็นกระทรวงที่ใหญ่ในภารกิจ ต้องไม่ลืมว่า สิ่งที่การท่องเที่ยวเอาไปขายด้านการตลาดกว่า 60% คือวัฒนธรรม ทั้งประเพณี อาหาร กิจกรรม โบราณสถาน คืองานของกระทรวงวัฒนธรรมทั้งนั้น

มีความพร้อมมากที่จะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม

ผมมีปรัชญาในการทำงานว่า "ให้รักในงานที่ทำ อย่าทำในงานที่รัก" เพราะทำงานที่รักเราจะทำแค่ด้านเดียว แต่ถ้ารักงานที่ทำ จะทำอะไรก็ตั้งใจได้ทำได้หมด

แต่พรรคเพื่อไทยยังไม่ส่งสัญญาณการปรับ ครม. ยิ่งลักษณ์ 3

เมื่อไรก็ได้ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งของพรรคร่วมมันมี 2 อย่างคือ ยื่นเจตจำนงขอปรับ หรือถ้ารัฐมนตรีลาออกเขาก็ต้องปรับ ตอนนี้เราก็รออยู่ว่าเมื่อไรเขาจะส่งสัญญาณ เพราะทางเราแจ้งเจตจำนงไปแล้วว่าจะเปลี่ยนแน่นอน

เป็นเพื่อนสนิทของคุณเนวิน (ชิดชอบ) แต่ยืนอยู่คนละฝั่งทางการเมือง ความสัมพันธ์ส่วนตัวเป็นอย่างไรบ้าง

(สวนทันที) ไม่ใช่คนละฝั่ง ยังเป็นนักการเมืองด้วยกัน ยังพูดคุยกันอยู่ ตอนที่ขยับออกจากพรรคภูมิใจไทยก็ยังคุยกัน ก็บอกเหตุผล เขาก็ยอมรับในเหตุผลเรา
ผมกับคุณเนวินคบกันมานาน เล่นการเมืองรุ่นเดียวกัน คบกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ตอนที่มาตั้งพรรคพลังชลก็ชี้แจงเหตุผลกับเขา ถ้าเป็นพรรคอื่นผมให้เด็กไปยื่นใบลาออกก็ได้ แต่กับคุณ
เนวินไม่ได้ ผมต้องไปคุยเอง ฉะนั้นจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ผมกับคุณเนวินก็ยังเหมือนเดิม

คุณเนวินบอกว่าหยุดเล่นการเมืองแล้ว

วันนี้เขาหลงรักกับฟุตบอล ผมก็อยู่กับฟุตบอลมา 20 ปี ปัจจุบันทีมเขากับทีมผมก็เจอกันอย่างน้อยปีละ 2 นัด เวลาเขามาเมืองชลผมก็ไปรับ เวลาผมไปเขาก็มารับ ทุกครั้งที่ต้องสู้กันก็เชือดเฉือนกันเต็มที่ แต่พอจบเกมก็กอดคอรักกันเหมือนเดิม นี่คือเสน่ห์ของกีฬา