ประชาไท 2 กรกฎาคม 2555 >>>
สุเทพ เทือกสุบรรณ เชื่อปัจจุบันมีคนต้องการเขียนกฎหมายให้การปกครองประเทศเป็นไปตามที่พวกตนต้องการ มีกลุ่ม "ลัทธิแดงก่อการร้าย" ใช้ความรุนแรงมุ่งล้มล้างรัฐบาลและสถาบันการเมือง เทียบชั้น "กองทัพแดง" ในญี่ปุ่นและเยอรมัน ซึ่งถูกดำเนินการทางกฎหมายไปแล้ว เชื่อถ้าคนกลุ่มนี้ชนะบ้านเมืองจะเสียหายย่อยยับเหมือนคิวบา เกาหลีเหนือ และเขมรแดง ดังนั้นประชาธิปัตย์จะสู้แต่ในสภาอย่างเดียวไม่ไหว ต้องสู้ทั้งในและนอกสภา
เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ปราศรัยบนเวที “เดินหน้า ผ่าความจริง หยุดล้มรัฐธรรมนูญ-ออกฎหมายล้างผิดคนโกง” ที่สวนศรีเมือง อ.เมือง จ.ระยอง โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินสายปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ โดยหลังทักทายผู้สนับสนุน นายสุเทพ เริ่มปราศรัย โดยตอนหนึ่งนายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้ตั้งเวทีมาเพื่อล้มล้างรัฐบาล ไม่ได้ตั้งเวทีมาเพื่อต่อต้านรัฐบาลของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ทำแบบเดียวกับที่คนเสื้อแดงทำกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่ที่เรามาตั้งเวทีประชาชนทุกวันเสาร์ต่อไปนี้ ก็เพราะว่า บ้านเมืองมันมีวิกฤติครับ กำลังจะเกิดเหตุเภทภัยกับบ้านเมือง พวกผมถือเป็นหน้าที่ที่จะต้องออกไปตั้งเวที บอกเล่าความจริง สถานการณ์จริง เรื่องที่เกิดขึ้นจริงในบ้านเมือง ให้พี่น้องประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศไทยทุกท่านได้ตระหนัก ได้ช่วยกันคิด ได้ช่วยกันหาวิธีการที่จะยับยั้งไม่ให้ความหายนะเกิดขึ้นกับแผ่นดินของเรา นี่คือวัตถุประสงค์ และต้องเรียนย้ำอย่างนี้นี่ครับ เพราะว่า ขนาดคุณรังสิมา (รอดรัศมี) ไปดึงเก้าอี้ท่านประธานออก มันยังตั้งข้อหาว่าเป็นกบฎเก้าอี้เลยครับ สำหรับผมนั่น นี่ที่มาวันนี้นี่เขาก็บันทึกเทปไว้หมดละครับ เพราะผมเป็นคนประกาศเป็นคนแรกว่าต่อไปนี้ เราจะต่อสู้ทั้งในสภา และนอกสภา ไม่ยอมอีกแล้ว ไม่ยอมให้บ้านเมืองเสียหายย่อยยับไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไอ้ที่ผมประกาศว่าจะต้องต่อสู้ทั้งในสภา และนอกสภาเนี่ยครับ เขาเลยตั้งข้อหากบฎเอาไว้รอผมแล้ว ไว้เมื่อถึงคราวจริง ๆ ผมจะเชิญพี่น้องชาวระยองช่วยไปเป็นพยานให้ด้วยก็แล้วกัน
เผยอภิสิทธิ์เห็นบ้านเมืองกลับคืนสู่ความสงบสุขแล้วจึงจัดการเลือกตั้ง
คดีความที่เขาจะเล่นงานผมคงไม่ใช่มีเฉพาะเรื่องนี้ เพราะว่าตอนนี้ จะเป็นคนใกล้ชิด จะเป็นลูก เป็นเมีย เขาหาเรื่องหมดแหละครับ เขากำลังใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม แต่ว่าพวกผมไม่กลัวหรอกครับ ถ้ากลัวก็ไม่มาตั้งเวทีอย่างนี้ มันเหมือนคนอยู่ในป่าช้าครับ ไม่ต้องกลัวผีแล้ว ที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะอะไรครับ เพราะปี 2551, 2552, 2553 เขาทำกับเรามามากแล้ว เกือบตายไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ตั้งแต่วันแรกเลยครับ พอผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่ในสภายกมือให้คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ เท่านั้นแหละครับ เสื้อแดงล้อมสภาเลย กว่าจะออกมาได้ก็เกือบตาย ถูกขว้างด้วยก้อนอิฐ ก้อนหิน เอาน้ำกรดสาด เอาระเบิดเพลิงขว้าง พอนายกฯ อภิสิทธิ์จะไปแถลงนโยบายต่อสภา ปิดล้อม ไม่ให้เข้าไปแถลงนโยบาย จะไปทำงานที่ทำเนียบ ล้อมทำเนียบไว้ไม่ให้เข้า ย้ายที่ไปประชุม ครม. ที่กระทรวงสาธารณสุข ตามเอา M79 ไปยิงใส่ ทำมาสารพัดครับ ไปพัทยาบ้านท่านนี่ก็ตามมาถึงนี่ ท่านอภิสิทธิ์นี่ถูกทุบรถตั้งแต่พัทยาแล้ว พอไปถึงกรุงเทพฯ วันนั้นจะไปประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อที่จะรักษาบ้านเมืองให้คืนกลับสู่ความสงบ นั่งรถไปกันกับผม 2 คน มันรุมทุกรถ ทุบกระจก พยายามที่จะลากเรา 2 คนออกไปทำร้าย โชคดีครับ ในฐานะรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง วันนั้นก็ขอร้องท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ว่า พ่อทูนหัว วันนี้นั่งรถกันกระสุนซักวันเถอะ
ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ บอก ถ้างั้นพี่ต้องนั่งเป็นเพื่อนผม ผมเลยรอดไปด้วยวันนั้น มิเช่นนั้นเรียบร้อยไปแล้ว ทั้งอภิสิทธิ์ ทั้งสุเทพ เปลี่ยนนายกฯ ไปตั้งแต่ปี 2552 แล้ว พอมาปี 2553 หนักกว่านั่นอีกครับ ทีนี้เอาอาวุธสงคราม นานาชนิดเลย มายิงประชาชนผู้บริสุทธิ์ มายิงตำรวจ มายิงทหาร ฆ่าเจ้าหน้าที่ ฆ่าประชาชนตายเยอะแยะกลางถนนราชดำเนินเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 แล้วเดือนเศษ ๆ ตั้งแต่นั้นมา ก่อเหตุทุกวัน ตายกันทุกวัน พี่น้องที่เคารพครับ เจอมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้เหมือนอยู่ในป่าช้า ไม่กลัวผีอีกแล้ว ไอ้ผีจตุพร ไอ้ผีณัฐวุฒิ หลอกผมไม่ได้อีกแล้ว เจอมามากแล้ว
พี่น้องที่เคารพครับ เรื่องนี้มันผ่านมาแล้ว เราก็คาดว่ามันควรจะยุติลงได้แล้ว เมื่อพวกผมได้คลี่คลายสถานการณ์ในบ้านเมือง จนกระทั่งบ้านเมืองคืนกลับสู่ความสงบเรียบร้อย ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลของท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ ยังมีเวลาที่จะบริหารราชการบ้านเมืองไปจนถึงสิ้นปี 2554 แต่เราไม่ได้หวงตำแหน่ง ไม่ได้หวงการเป็นรัฐบาล พอเห็นว่าบ้านเมืองมีความปกติสุขพอสมควร พอเหมาะที่จะให้มีการเลือกตั้ง ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ก็ยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะหวังว่า ทุกฝ่ายทุกคนจะทำใจได้ เลือกตั้งแล้วก็จะได้จบเรื่องกัน เพราะอะไรครับ เพราะตลอดเวลาที่นายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ไอ้พวกจตุพร ไอ้พวกณัฐวุฒิ ไอ้พวกหมอเหวง ไอ้เจ๋ง ดอกจิก ไอ้เปรตทั้งหลายเหล่านี้ เอาทุกวัน ข่มขู่ทุกวัน คุกคามทุกวัน ไล่ทุกวัน จะให้อภิสิทธิ์ลาออก จะให้อภิสิทธิ์ยุบสภา บอกว่าไม่เป็นประชาธิปไตย ออกไป ยุบสภา แล้วเป็นไงครับ คุณอภิสิทธิ์ก็ยุบสภาให้ เลือกตั้งใหม่ เขาชนะ ได้เป็นรัฐบาล บ้านเมืองมันควรจะสงบใช่ไม๊ครับ เพราะฝ่ายที่ก่อเรื่อง ชนะแล้ว ได้เป็นรัฐบาลแล้ว ไอ้พวกผมที่เป็นฝ่ายแพ้นี่ไม่เคยสร้างปัญหาให้บ้านเมืองมาก่อน ก้มหน้า ก้มตา ยอมรับผลการเลือกตั้งโดยดุษฎี ตั้งหน้าตั้งตาเป็นฝ่ายค้าน เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน ไม่เคยเสียใจ ไม่เคยกลุ้มใจ เพราะว่างานเป็นฝ่ายค้านนี่ เป็นงานที่เราถนัด
เชื่อนายกฯ ยิ่งลักษณ์อยู่นานๆ ยิ่งสร้างความบันเทิงให้คนไทย
80 ปี ที่เขามีประชาธิปไตยกันมาในประเทศไทย พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านมากกว่าเป็นรัฐบาล เพราะฉะนั้นเรื่องการเป็นฝ่ายค้านนี่เราชำนาญกว่าเพื่อน เราสามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชน รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้ดี ไม่เคยอิจฉาริษยา ผู้ชนะที่เขาได้เป็นรัฐบาลเลย โดยเฉพาะนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ผมต้องสารภาพกับพี่น้องตรง ๆ นะครับ อย่าโกรธผม ผมชอบเค้านะครับ
ผมไม่ได้ชอบแบบที่นายกฯ อภิสิทธิ์ชอบว่าแกมีชุดใส่วันละหลาย ๆ ชุด เข้าท่า ผมไม่ได้มองตรงนั้น แต่ผมมองว่านายกฯ ยิ่งลักษณ์ยิ่งอยู่ไปนาน ๆ เนี่ย มันก็เท่ากับให้ความบันเทิงกับคนไทยมากขึ้น ๆ ไปที่ไหน ไปไหนมาไหนคนก็คุยกันเรื่องนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หัวเราะกันสนุกสนาน เพราะวันดีคืนดีนายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็มาบอกพวกเราว่า ต่อไปนี้มาปลูกหญ้าแพรกกันน้ำท่วม ก็ดีเหมือนกัน ไม่เคยได้ยินมาก่อน วันดีคืนดีบอกว่า ตอนนี้ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วเรามีเขื่อน “คอ-นก-รีด” อันนี้ก็เข้าท่า ผมเป็นคนปักษ์ใต้พี่น้องครับ เรียนหนังสือมาตั้งแต่เด็ก ภาคใต้ของประเทศไทยมี 14 จังหวัด ตั้งแต่ชุมพรลงไป มาถึงนายกฯ ยิ่งลักษณ์แกบอกว่ามี 15 จังหวัดแล้ว เพิ่มจังหวัดหาดใหญ่เข้าไปด้วย เอ้อ อย่างงี้ก็ใช้ได้ ผมส่งลูกไปเรียนที่ออสเตรเลีย ไป ๆ มา ๆ ออสเตรเลียหลายปี สู้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปออสเตรเลียมาครั้งเดียวกลับมาถึงบอกพี่น้องประชาชนว่าที่ออสเตรเลียนั้น เขาแยกประเทศเป็นประเทศซิดนีย์อีกประเทศนึงแล้ว ไอ้อย่างนี้มันก็สบายสิครับ ฟังแล้วมันสบายใจสนุกสนาน ท่านจะเอาอยู่ หรือไม่เอาอยู่ ผมไม่สนแล้ว ท่านจะ ว. 5 ว.6 ผมก็ไม่สน ผมบอกว่าเชิญท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์เป็นนายกฯ ต่อไป เป็นให้เข็ดเลย เป็นไปเรื่อย ๆ เลย เอ้า ไม่มีที่จะไปข่มขู่ คุกคาม ทำให้เสียสมาธิ เพราะฉะนั้นพูดกับพี่น้องให้ชัดเจนว่า เวทีนี้ไม่มาข่มขู่ คุกคาม ขับไล่ หรือต่อต้านนายกฯ ยิ่งลักษณ์แต่ประการใดทั้งสิ้น
แต่ที่ต้องมาตั้งเวทีประชาชน กับพี่น้องทั้งหลาย ชวนบรรดาคุณครู อาจารย์ นิสิต นักศึกษา หรือแม้แต่พี่น้องประชาชนทั้งหลายนะครับ ลุกขึ้นมาพูดคุยเรื่องบ้านเมืองกันเถอะครับ เพราะสิ่งที่ฝ่ายรัฐบาลเสียงข้างมากเขากำลังดำเนินการนั้น มันเป็นพิษ เป็นภัยต่อประเทศไทยอย่างยิ่ง ปล่อยให้ทำต่อไปไม่ได้ พวกผมเป็นฝ่ายค้าน อยู่ในสภา ก็พยายามคัดค้านครับ ลุกขึ้นอภิปรายด้วยเหตุด้วยผล เขาก็ไม่ฟัง ไอ้ประธานค้อนนั่นครับ ปิดไมค์โครโฟนเสียบ้าง ตัดบทเสียบ้าง ขนาดนายกฯ อภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว วันนี้เป็นผู้นำฝ่ายค้าน เวลาขุนค้อนเขาไม่พอใจเขาปิดสวิตช์เอาเสียเฉย ๆ ไม่ให้พูด ดีนะที่รังสิมา แค่ลากเก้าอี้ ถ้าเป็นพี่น้องทั้งหลายยกเก้าอี้ตีกระบาลไปแล้ว ขุนค้อนเนี่ย มันเหลือเกินจริง ๆ บรรยากาศในสภานี่เละเทะหมดเลย เพราะว่าไม่เป็นกลาง ไม่ทำหน้าที่ให้สมศักดิ์ศรี อ้างว่าระเบียบอย่างงั้น ระเบียบเป็นอย่างงี้ แต่ตัวเองกฎหมายก็ไม่เคารพ พี่น้องถ้าใครฟังการถ่ายทอดการประชุมสภา นัดหลัง ๆ มีอยู่วันนึงครับ ผมทนไม่ไหว ก็เลยลุกขึ้นมาบอกว่า ประธานสภา ไม่ต้องให้พวกผมเคารพระเบียบหรอก เพราะถ้าประธานไม่เคารพรัฐธรรมนูญแล้ว พวกผมก็ไม่เคารพประธานอีกแล้ว ตัดขาดกันไปเลย หมดเรื่องกันไปเลย เป็นไรเป็นกัน
ยันแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ประเทศไทยจะเสียหายร้ายแรง
พี่น้องทั้งหลายครับ รัฐธรรมนูญที่เขาพยายามจะแก้ไขนั้น ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ก็อธิบายให้พี่น้องฟังไปเมื่อสักครู่ ว่ามันจะเสียหายกับประเทศไทยอย่างร้ายแรง ผมขออนุญาตขยายความให้พี่น้องฟังอย่างนี้ ในระบอบประชาธิปไตยนะครับพี่น้องครับ ประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขนั้น อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ถวายให้พระมหากษัตริย์เป็นผู้ทรงใช้ แบ่งเป็น 3 อำนาจ 1.อำนาจบริหาร พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนี้ผ่านทางคณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาล 2. อำนาจนิติบัญญัติ พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนี้ผ่านทางรัฐสภา หรือสภาผู้แทน บวกกับวุฒิสภา อำนาจที่ 3 เรียกว่าอำนาจตุลาการ พระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจนี้ทางศาล ศาลทั้งหลายนั่นแหละครับ ทั้งศาลปกครอง ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งศาลอาญา ศาลแพ่ง นี่คืออำนาจตุลาการ ในประเทศประชาธิปไตยทุกประเทศ เขาจะแบ่งอำนาจ 3 อำนาจนี้ มีคนใช้ต่างกัน เป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อกัน ไม่ให้รวบอำนาจไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว ต้องแยกกัน ถึงจะเป็นเครื่องค้ำประกันว่า สิทธิเสรีภาพของประชาชน ผลประโยชน์ของประชาชน ผลประโยชน์ของประเทศชาติจะได้รับการดูแล ในประเทศเรานั้น ฝ่ายบริหาร กับฝ่ายนิติบัญญัติใกล้กัน เชื่อมโยงกัน เลือก ส.ส. ไปเป็นสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติ ใครได้ ส.ส. มากก็สามารถมีเสียงมากในสภา ได้รับสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล เรียกว่ามีความเชื่อมโยงกัน แต่อำนาจตุลาการนั้นไม่ต้องเชื่อมโยงกับใคร เป็นอิสระ พิจารณาอรรถคดีทั้งหลายทั้งปวง ในพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกคนเคารพในศาล ในคำวินิจฉัยของศาล กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยที่มีมาตั้งแต่ปู่ แต่ย่า มีมาตรฐาน ทั้งโลกยอมรับ นานาประเทศที่มาค้าขายกับเรา มาทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับเรา เขายอมรับระบบศาลไทย ยอมรับระบบกฎหมายไทย นี่เราถึงตั้งอยู่ได้เดี๋ยวนี้ ใครถึงมาเที่ยวบ้านเรา ใครถึงมาค้าขายบ้านเรา ใครเขาถึงได้มาลงทุนที่บ้านเรา
จะมีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ "หัวหน้าใหญ่" คุมรัฐบาล คุมสภา คุมศาล
แต่ว่ามาวันนี้ครับ ที่เขาจะแก้รัฐธรรมนูญใหม่นั้น เขาพูดในหลายที่หลายแห่ง แก้รัฐธรรมนูญคราวนี้ เขามีเป้าหมายสำคัญคือเขาจะเล่นงานศาลทั้งหลาย ทั้งศาลปกครอง ทั้งศาลรัฐธรรมนูญ ศาลแพ่ง ศาลอาญา เขาจะฟาดหมด เขาจะทำยังไรครับ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครองนี่ คงถูกยุบแน่นอน ศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลยุติธรรม เขาจะคุม เขาจะเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ ว่าต่อไปนี้หัวหน้าใหญ่ของเขา ถ้ากลับมามีอำนาจในประเทศไทย จะคุมทั้งรัฐบาล จะคุมทั้งสภา แล้วจะคุมศาลด้วย ทำไมผมพูดอย่างนั้นครับ เพราะเขาเขียนไว้ในเหตุผลของการขอแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้ ซึ่งนายกฯ อภิสิทธิ์บอกแล้วว่าไม่ได้แก้เป็นมาตรา รื้อทั้งฉบับแล้วเขียนใหม่ ไอ้ที่เรากลัว คือกลัวที่เขาจะเขียนใหม่นี่แหละครับ
เขาจะเขียนใหม่ว่า ต่อไปนี้ใครจะมาเป็นประมุขฝ่ายตุลาการ คือประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุดของเรานั้น จะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ฟังดูเคลิ้มครับ แต่ถ้าพี่น้องมองลึกไปว่า รัฐสภาวันนี้คือใครล่ะครับ รัฐสภาวันนี้คือพรรคเพื่อไทย คุมเสียงข้างมากในรัฐสภา ทั้งในสภาผู้แทนฯ และยังมีเอี่ยวไปในวุฒิสภาด้วย ก็แปลว่าถ้าเขาเขียนรัฐธรรมนูญอย่างนี้ ต่อไปเขาคือคนที่จะแต่งตั้งประธานศาลฎีกา แต่งตั้งรองประธานศาลฎีกา แต่งตั้งอธิบดีศาลอุทธรณ์ แต่งตั้งอธิบดีศาลอาญา อำนาจตุลาการอยู่ในกำมือของเขาหมด เท่ากับรวบอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 อำนาจไว้ในมือของคน ๆ เดียว อย่างนี้ไม่เป็นประชาธิปไตยครับ ไม่ใช่ประชาธิปไตย อย่างนี้พวกเขาทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้ แล้วไม่มีวันติดคุก ไม่มีวันผิดกฎหมายอีกแล้ว เพราะว่าศาลอยู่ในกำมือของพวกเขา
พี่น้องทั้งหลายครับ นี่คือประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญที่น่ากลัวที่สุด มีประเด็นอื่น ๆ แต่ผมถือว่าไม่บังควรที่จะไปพูด พี่น้องคงเข้าใจ เรายืนยันละกันว่า ที่เขาจะเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ตามอำเภอใจของเขานั่นเรายอมไม่ได้ เราจะต้องติดตาม เราจะต้องศึกษา เราจะต้องต่อสู้ เหมือนกับที่กำลังทำอยู่อย่างนี้ เพราะเราไม่ต้องการให้มีเผด็จการ รูปแบบใหม่มาปกครองในคราบของประชาธิปไตย มาอ้างประชาธิปไตยแล้วให้คน ๆ เดียว มีอำนาจทุกอย่างในบ้านเมือง กดขี่ข่มเหง ริดรอนเสรีภาพของคนไทย ยอมไม่ได้ นี่คือจุดเรื่องใหญ่ ที่จะต้องเรียนกับพี่น้อง
จวกฝ่ายตรงข้ามฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ ให้ประเทศไทยเป็นประเทศเผด็จการชนชั้นกรรมาชีพ
พี่น้องหลายท่านอาจจะกังวลใจว่า เอ๊ะ สุเทพอาจจะพูดเกินไปมั๊ง ผมเรียนกับพี่น้องครับ ตลอดเวลาที่ผมทำหน้าที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ผมติดตามพฤติกรรมของคนพวกนี้มาตลอด บอกกับพี่น้องเลยครับ ตรง ๆ เลย คนพวกนี้มีความคิดอ่าน ฝักไฝ่ในลัทธิคอมมิวนิสต์ ไม่ใช่ผมปลุกผีคอมมิวนิสต์ คอมมิวนิสต์ประเทศไทยนี่มีมาก่อนที่เราจะมีพรรคประชาธิปัตย์ แต่เขาเลิกหมดแล้ว เมื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ใช้คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/23 ลบล้างความผิดให้คนที่ต่อสู้กับรัฐทั้งหมด เชิญเขาออกมาร่วมพัฒนาชาติไทย คนที่เคยเป็นคอมมิวนิสต์ทั้งหลายเลิก ออกจากป่ามาอยู่ในเมือง มาเป็นพลเมืองดี มาช่วยกันพัฒนาประเทศไทย เป็นปกติสุขหมด แต่ว่ามีบางส่วนครับ กากเดนของคอมมิวนิสต์มันไม่เลิก มันยังฝังหัวกับอุดมการณ์นั้น ยังตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้เป็นรูปแบบที่เขาเคยคาดหวังเอาไว้ ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นเผด็จการโดยชนชั้นกรรมาชีพ
พี่น้องถึงจะได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงปลุกระดมคนข้างล่างว่าคนข้างล่างเป็นไพร่ ถูกกดขี่ ถูกขูดรีด ถูกเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะชนชั้นบนคืออำมาตย์ และเครือข่ายของอำมาตย์ ขูดรีดเอาเปรียบ ข่มเหง รังแก ไม่ให้ความเป็นธรรม เขาถึงได้ปลุกระดม แบ่งประชาชนคนไทยออกเป็นชนชั้น 2 ชนชั้น ชั้นล่าง กับชั้นบน แล้วให้คนชั้นล่างทั้งหลาย สามัคคีกัน เพื่อโค่นล้มคนชั้นบน โค่นล้มแล้วทำไมครับ แล้วจะสร้างรัฐไทยใหม่ ไม่ใช่คำที่ผมพูดขึ้นเอง เขาทั้งหลายพุดถึงคำว่า รัฐไทยใหม่ ทักษิณก็พูด วีระ มุสิก ฯ ก็พูด จตุพร ณัฐวุฒิ พูดทั้งนั้น ธิดา นั่นท่องเช้า เที่ยง เย็น กลางคืน ก่อนนอนเลย
อ้างจะมีการสร้าง "รัฐไทยใหม่" เพราะเคยเห็นป้ายที่เขียนว่าประธานาธิบดีทักษิณ
จะสร้างรัฐไทยใหม่ ที่มีประธานาธิบดี ผมเคยเห็นเขาเขียนป้ายว่าประธานาธิบดี ทักษิณ ชินวัตร ผมเห็นรายงานที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวกรองเอามาให้ผมดู ผมอ่านเอกสารที่มันใช้เป็นคู่มือการสอนในโรงเรียน นปช. ปลุกระดมอย่างนี้ทุกวัน ๆ มาหลายปีแล้ว
พี่น้องทั้งหลายครับ เขาทำเหมือนที่พรรคคอมมิวนิสต์เคยทำทุกอย่าง คือมีทั้งพรรคการเมือง ต่อสู้ในสภา มีมวลชนจัดตั้งที่เขาปลุกระดม ล้างสมองไว้อย่างดี ออกมาช่วยกดดันเคลื่อนไหว คุกคาม แล้วก็มีกองกำลังติดอาวุธ พร้อมที่จะออกมาสู้รบเพื่อทำสงครามโค่นล้มอำมาตย์เปลี่ยนการปกครองของประเทศไทย พี่น้องถึงได้เห็นภาพชายชุดดำ คลุมหัว ใส่หมวกไอ้โม่ง เอาปืนมาไล่ยิงกลางถนนราชดำเนิน ในเดือนเมษายน 2553 ผมเห็นมาหมดครับ ผมเพียงแต่เอามาทบทวน เรียบเรียง เพื่อให้พี่น้องได้สะกิดใจแล้วไปคิดต่อ คนเหล่านี้ไม่ยอมเลิก ยังดิ้นรนที่จะทำต่อไป ตอนที่เป็นคอมมิวนิสต์ครั้งก่อนโน้น ทำยาก สตางค์ก็ไม่ค่อยมี สื่อที่จะไปถึงประชาชนก็ลำบาก แถมยังมีกฎหมายว่าด้วยความผิดที่เป็นการกระทำที่เป็นคอมมิวนิสต์ คอยกำกับเอาไว้ด้วย วันนี้กฎหมายนั้นไม่มีแล้ว ยกเลิกไปตั้งแต่สมัย พล.อ.เปรม แล้ว จะปลุกระดมอย่างไร จะขึ้นเวทีด่าใคร จะพูดจาอย่างไร ทำกันอย่างเปิดเผย พี่น้องทั้งหลายก็เห็น แถมสามารถที่จะตั้งสถานีโทรทัศน์ของตัวเอง สถานีวิทยุชุมชนของตัวเอง ถ่ายทอดการปลุกระดมแต่ละเวทีไปทั่วประเทศ เงินทองที่จะใช้จ่ายในการบริหาร ในการจัดตั้งมวลชน ทักษิณให้ไม่อั้น มันเป็นกรรม เป็นเวรของประเทศไทยจริง ๆ ครับ ที่คนอย่างทักษิณ กับพวกลัทธิแดง มาจับมือกัน พวกเราถึงเดือดร้อนนะครับ พวกเราถึงลำบากไงครับ เขาถึงได้ทำกับเราอย่างเต็มที่
ทักษิณอาศัยความรู้ ความชำนาญ ความสามารถในทางการเมืองของพวกลัทธิแดงนี้ ช่วยทำพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง พอทักษิณหนีคดีออกไปอยู่ต่างประเทศ ก็ได้อาศัยพวกลัทธิแดงนี้ครับ ลุกขึ้นมาต่อสู้ให้กับทักษิณ ทักษิณไม่ต้องการติดคุก ทักษิณอยากจะได้เงิน 46,373 ล้านบาทคืน ทักษิณอยากจะกลับมามีอำนาจในประเทศไทย พวกเสื้อแดง ลัทธิแดง อาสาสู้ให้ทั้งหมด มาวันนี้เสื้อแดง ลัทธิแดง หวังมากกว่านั้นแล้วครับ ไม่หยุดแล้ว ถ้าพี่น้องที่เป็นคนติดตามข่าวสารบ้านเมือง อ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ ดูทีวี พี่น้องจะเห็นเลยครับ
เชื่อเหตุผลลึกๆ ของเสื้อแดงแม้จะชนะเลือกตั้งแล้วก็คือล้มอำมาตย์ และเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่
นายสุเทพ กล่าวหาว่า นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ เป็น "หัวหน้าใหญ่ของลัทธิแดง" และกล่าวต่อไปว่า ที่จริงเขามีอีกคณะหนึ่ง ซุก ๆ ซ่อน ๆ อยู่ข้างหลัง คุณธิดานี่ออกมาประกาศเลยครับว่า เสื้อแดงจะไม่หยุดการต่อสู้ แม้ว่าจะชนะอภิสิทธิ์ ได้เป็นรัฐบาลแล้ว แต่ประเทศไทยยังมีอำมาตย์ และเครือข่ายอำมาตย์อยู่ เพราะฉะนั้นเขาจะต้องสู้ต่อไป จนกว่าจะล้มล้างอำมาตย์ และเครือข่ายอำมาตย์ทั้งหมด นี่คืออันตรายของประเทศไทย แล้วพี่น้องโยงได้เลยว่านี่แหละ คือเหตุผลที่เขาซ่อนอยู่ลึก ๆ ในเรื่องของที่จะเขียนรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่โดยเสียงข้างมากของพวกเขาที่ยึดอยู่ในสภา
ในขณะที่พวกเขาออกมาต่อสู้เพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เขาทำผิดกฎหมายบ้านเมืองมากมาย ทั้งฆ่าคน ทั้งปล้นทรัพย์ ทั้งวางเพลิง เผาทรัพย์ ผิดกฎหมายทั้งนั้น เขาถึงสมคบกัน อาศัยเสียงข้างมาก ตรากฎหมาย จะเขียนกฎหมายขึ้นมาใหม่ ลบล้างความผิดทั้งหมดที่ทักษิณ และพวกเขาเคยทำมาใน 2-3-4-5 ปีนี้ ตั้งชื่อกฎหมายเสียสวยเลยครับ ร่างพระราชบัญญัติการปรองดองแห่งชาติ มันปรองดองเฉพาะหน้าปกครับพี่น้อง เนื้อในมันไม่ปรองดองกับใครเลย มันเอาข้างเดียว มันดองกันเอง มันดองเฉพาะพวกมัน เราไม่ได้ดองด้วยเลยครับ มันเอาทุกมาตรานั้น มี 8 มาตราเท่านั้น อ่านทุกมาตราก็เหมือนที่ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์อภิปรายไปเมื่อสักครู่ ไอ้ที่กำลังสอบสวนคดีของมัน เลิกหมด ไอ้ที่สอบสวนแล้วส่งอัยการ ไม่ต้องฟ้อง ที่อัยการฟ้องแล้วถอนกลับ คดีไหนที่ศาลกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา ยกเลิกไม่ต้องพิจารณาต่อ คดีไหนที่ศาลตัดสินแล้วให้ถือว่าไม่ผิด ลบคำพิพากษาศาลหมด ไม่มีที่ไหนในโลกเขาทำอย่างนี้
พี่น้องครับ มีพี่น้องประชาชนที่ฟังทางวิทยุ ที่ดูโทรทัศน์อยู่ และพี่น้องที่อยู่ที่นี่ ผมเชื่อว่า วันเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมปีที่แล้ว มีพี่น้องหลายคนนะ นึกในใจว่า ให้เพื่อไทยมันชนะไปสักทีก็ดีเหมือนกัน บ้านเมืองจะได้สงบ คิดเอาอย่างนั้น แล้วในที่สุดมันก็ไม่สงบครับ ไอ้เสื้อแดงร้องแรกแหกกระเฌอว่า อภิสิทธิ์ลาออก อภิสิทธิ์ยุบสภา ยุบสภาแล้ว คุณชนะแล้ว ยังแดงอยู่เลยครับ เมื่อคืนก็ยังแดงอยู่ วันนี้ก็ยังแดงอยู่ ไอ้ไพร่ยังไม่เลิกเลย ไปไหนมาไหนก็เขียนตัวเท่าหม้อแกงว่าไพร่ มันแปลว่าอะไรครับ ยังออกมาคุกคามนายอภิสิทธิ์เหมือนเดิม ไปงานเลี้ยงกันในโรงเรียนครับ จัดงานเลี้ยงกันในระหว่างคนที่รักชอบพรรคประชาธิปัตย์ มาเลยครับ ล้อมเลยขว้างปา ด่าทอ ข่มขู่ คุกคาม เหมือนกับตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีเลย รู้อย่างนี้ ยุบสภาทำไม เอ้อ ยุบสภานึกว่ามึงจะชนะแล้วพอใจ หรือไม่พอใจ มันจะเอากันไปถึงไหน คุกคามศาล น่าเกลียดมากพี่น้องครับ
ผมขอทวนให้พี่น้องฟังนิดนึง ตั้งแต่วันแรกแล้ว ขณะที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ปี 2544 มีคนไปร้องคดีไปถึงศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่า ทักษิณทำผิดกฎหมาย กฎหมายเขาห้ามไม่ให้มีหุ้นที่เป็นสัมปทาน หุ้นที่เป็นในบริษัทของตัวเอง สำหรับคนที่เป็นรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ทักษิณยังถือไว้เหมือนเดิม แอบไปซุกไว้ในชื่อคนใช้ ในชื่อคนสวน ในชื่อคนรถ ชื่อลูก ชื่อน้อง ชื่อญาติ คดีไปถึงศาล 8 เสียง กับ 7 เสียง บอกว่าทักษิณไม่ผิด บกพร่องโดยสุจริต พวกเราพอใจไม๊ ไม่พอใจหรอก ผมก็ไม่พอใจ ผมก็เขม่นศาลปกครองนะวันนั้นน่ะ แต่ว่าเราเป็นคนเคารพกฎเกณฑ์กติกา ถูกต้อง เพื่อท่านองค์คณะเสียงข้างมากตัดสินแม้แต่ชนะเพียงเสียงเดียว แล้วปล่อยให้ทักษิณลอยนวล ไม่เป็นไรเรารับได้ ไอ้ฝ่ายเขาก็โอ้ ศาลรัฐธรรมนูญชอบ ดีหมด แต่พอมาวันหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ามันผิดเท่านั้นแหละ ด่าทันทีเลย ด่าเป็นสัตว์เลื้อยคลานไปเลย
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า เจ๋ง ดอกจิก แกนนำคนเสื้อแดง ได้ขึ้นเวทีด่าผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์ของลูก ของเมียของท่านผู้พิพากษาประกาศบนเวทีเพื่อให้คนอื่นโทรไปด่า โทรไปข่มขู่ แล้วใช้คำหยาบคายมาก จำไว้เลยพี่น้อง ไอ้เจ๋ง ดอกจิก มาบ้านนี้อย่าหุงข้าวให้กิน แล้วมันประกาศเลยครับ จตุพรว่าวันที่ 5 ที่ 6 กรกฎานี้ วันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไต่สวนว่า เรื่องรัฐธรรมนูญที่มันแก้ทั้งฉบับนี่ผิดหรือไม่ผิดนี่ มันจะไปล้อมศาล มันจะไปข่มขู่ศาล มันจะไปคุกคามศาล
พี่น้องทั้งหลายเขายังไม่หยุดพฤติกรรมอย่างนี้เลย แล้วบ้านเมืองมันจะสงบสุขได้อย่างไร แล้วพี่น้องคอยดูครับ ถ้าวันไหนมันเอากฎหมายนี้เข้าสภาอีก ทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มันจะเขียนตามอำเภอใจมัน ทั้งกฎหมายปรองดองที่มันซ่อนเร้นเอาไว้อย่างที่เล่าให้ฟัง พวกมันก็จะยกโขยงไปล้อมรัฐสภา ข่มขู่พวกผมอีก พี่น้องคอยดูสิครับทำอย่างนี้
ถ้าแดงชนะ ขอให้นึกถึงเกาหลีเหนือ คิวบา เขมรแดง ปชป. สู้ในสภาอย่างเดียวไม่ไหวต้องต้องนอกสภาด้วย
พี่น้องทั้งหลาย ผมกังวลใจมากอยากจะมาเรียนกับพี่น้องว่า ลัทธิแดง แกนนำเสื้อแดงทั้งหลายเหล่านี้กำลังจะปู้ยี้ปู้ยำประเทศไทยของเรา ถ้าเขาชนะบ้านเมืองเราเสียหายย่อยยับ ลูกหลานเราไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ พี่น้องนึกถึงประเทศคิวบาก็แล้วกัน พี่น้องนึกถึงประเทศเกาหลีเหนือก็แล้วกัน พี่น้องนึกถึงเขมรก็แล้วกัน วันที่เขมรแดงยึดประเทศกัมพูชาได้คนที่ไม่ใช่พวกเขา คนที่พอมีฐานะมันยึดทรัพย์สินไปหมด เอาไปแจกจ่ายให้พวกมัน บ้านช่องห้องหอยึดหมด เอาเข้าไปสัมมนาเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนสมอง เปลี่ยนไม่สำเร็จฆ่าทิ้ง ประเทศเขมรเล็กนิดเดียว เขมรแดงฆ่าคนเขมรตาย 3 ล้านกว่าคน ผมถึงบอกกับพี่น้องไงครับว่าผมไม่กลัวแล้ว เห็นมันทำมามากแล้ว แล้วที่สิ่งที่มันจะทำต่อไปข้างหน้านั้น มันน่ากลัวที่สุด ผมจึงชวนพรรคพวกเพื่อนฝูงพี่น้องทั้งหลายว่า ลุกขึ้นสู้กับมันดีกว่า สู้มันทั้งในสภา ทั้งนอกสภา เพราะถ้าไม่สู้เสร็จมันแน่ ไปไม่รอด จะสู้ในสภาอย่างเดียวไม่ไหวครับพี่น้อง ในสภามีพวกผม 160 คน 160 เสียง ข้างเขามี 340 ยกทั้งมือ ทั้งเท้า แพ้ทุกวัน ไม่มีวันสู้ได้ ไม่มีทาง ไม่มีทางเลยครับ เพราะฉะนั้นมีทางเดียวต้องสู้ทั้งในสภา ทั้งนอกสภา ในสภานั้นไม่ต้องกลัวพี่น้องครับ เปิดไมโครโฟนให้พูดเมื่อไหร่เรามีเหตุมีผลมีข้อเท็จจริงพร้อมที่จะต่อสู้ด้วยเหตุด้วยผล แต่มันไม่ฟังเหตุผลเราหรอก เพราะฉะนั้นผมก็ต้องเอาเรื่องที่สู้ในสภา มาเล่าให้พี่น้องฟังนอกสภา เพื่อจะบอกพี่น้องทั้งหลายว่า ถ้าจะอาศัยเฉพาะพวกผม 160 คน สงสัยแพ้มันแน่นอน
พี่น้องทั้งหลายต้องมา ลุกขึ้นมาช่วยกันต่อสู้ เพราะนี่คือบ้านเมืองของพี่น้องทั้งหลาย พี่น้องคือประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศตัวจริง ประเทศนี้ไม่ใช่ของทักษิณคนเดียว ประเทศนี้ไม่ใช่ของยิ่งลักษณ์คนเดียว ประเทศนี้ไม่ใช่ของไอ้คางคกจตุพรคนเดียว ประเทศนี้ของเราด้วย เพราะฉะนั้นเราต้องลุกขึ้นมาสู้กัน ไม่มีประเทศไหนในโลกครับ เขายอมให้คนที่ลุกขึ้นก่อการร้ายใช้อาวุธเพื่อล้มล้างรัฐบาล ล้มล้างระบบการเมืองยืนอยู่ได้โดยไม่ลงโทษ
ยกเคส "กองทัพแดง" ในเยอรมันและญี่ปุ่น มีลักษณะคล้ายกับที่เกิดในไทย
นายสุเทพกล่าวต่อไปว่า พี่น้องครับ ผมมีเอกสารถือติดมือมาด้วย เป็นรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ คณะกรรมการชุดนี้มีศาสตราจารย์ คณิต ณ นคร เป็นประธานกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ เขาทำงานมาปีกว่า ๆ แล้วครับ แล้วเขาทำงาน เขาศึกษา เขาทำงานจริง เขาร่วมกันกับคนที่เป็นกลางทั้งหลาย คนที่รักชาติ รักประเทศทั้งหลาย แล้วเขาก็ทำรายงานเสนอรัฐบาล ไอ้นี่ผมจะมาเรียนให้พี่น้องทราบนี่ครับ เป็นรายงานที่เขาลงวันที่ 30 ธันวาคม 2554 เรื่องข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ แล้วเขาทำถึงใครครับ เขาทำถึงนายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีในวันที่ 30 ธันวาคม 2554 คือใครครับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขาบอกคุณยิ่งลักษณ์ว่ายังไงครับ เขาบอกคุณยิ่งลักษณ์เลยครับว่า เขานี่ได้ศึกษามาหมด แล้วเขาเห็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่น คล้าย ๆ ประเทศไทย ที่เขายกมามี 2 ประเทศ เขาบอกว่า ใน 2 ประเทศที่เขาไปศึกษานั้น มีกลุ่มเสื้อแดง มีกลุ่มลัทธิแดง มีกลุ่มกองทัพแดง ซึ่งเป็นกลุ่มที่นิยมลัทธิคอมมิวนิสต์และใช้ความรุนแรงเพื่อล้มล้างรัฐบาล และสถาบันการเมือง ประเทศแรกที่เขายกมาครับ เขาบอกว่าที่ประเทศญี่ปุ่น มีกองทัพแดงของญี่ปุ่น ดำเนินการแบบบ้านเราเลยครับ มีเป้าหมายเพื่อล้มล้างรัฐบาลญี่ปุ่น และพระเจ้าจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น หัวหน้าคนแรกชื่อนาย ฮารุโกะ วาโกะ ถูกจับ ศาลพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต เพิ่งตายในคุกเมื่อปีที่แล้ว ปีที่แล้วนี่ครับ เพิ่งตาย หัวหน้าคนนี้ หัวหน้าคนที่ 2 ชื่อนายฟูซาโกะ ชิเง โนบุ ถูกจับเมื่อปี 2543 แล้วก็สู้คดีมาหลายปี จนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ศาลพิพากษาจำคุกหัวหน้ากองทัพแดงญี่ปุ่น 20 ปี อ.คณิต ณ นคร และคณะกรรมการ คอป. บอกกับนายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ว่า ประเทศญี่ปุ่น เขาได้ใช้กระบวนการยุติธรรม ในการปราบปรามคนที่คิดล้มล้างรัฐบาล และล้มล้างสถาบัน
เขายกตัวอย่างอีกประเทศหนึ่งครับ คือประเทศเยอรมัน มีกองทัพแดงที่เยอรมันเหมือนกัน เป็นกลุ่มการเมืองแบบแดงบ้านเรา เป็นพวกฝ่ายซ้าย เป็นพวกนิยมลัทธิคอมมิวนิสต์เหมือนกับที่ญี่ปุ่น แล้วดำเนินการในทางการเมืองเพื่อล้มล้างรัฐบาลเยอรมัน โดยใช้ความรุนแรง ดำเนินการทางการเมืองในลักษณะที่เป็นกลุ่มอาชญากรก่อการร้าย หัวหน้าเป็นผู้หญิง ชื่อ ไมน์ฮอฟ ผู้ร่วมคิดคนสำคัญชื่อ บาเดอร์ กลุ่มอาชญากรก่อการร้ายกลุ่มนี้ จึงเป็นที่รู้จักในประเทศเยอรมันว่า บาเดอร์ ไมน์ฮอฟ กรุ๊ป ที่อาจารย์คณิตเขาเขียน และที่ผมจะมาเรียนกับพี่น้องก็คือว่า อ.คณิต และกรรมการ คอป. ได้บอกกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า ไอ้เฉพาะแค่การรวมตัวของบุคคล บุคคลอย่างนี้ที่รวมกลุ่มรวมตัวมีพฤติกรรมอย่างนี้ ยังไม่ต้องไปนับว่ามันก่ออาชญากรรมอะไรนะ ถือว่าผิดกฎหมายแล้ว ความผิดที่มันรวมตัวเป็นกลุ่ม แล้วเคลื่อนไหวแบบที่จตุพร แบบที่ณัฐวุฒิทำอยู่ทุกวันนี้ เป็นความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 ของประเทศไทย นี่เขาบอกกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ แล้วก็ยังอธิบายอีกว่า ไอ้อั้งยี่ในเยอรมัน กลุ่มที่ผมยกมาให้ท่านดูเมื่อสักครู่ บาเดอร์ ไมน์ฮอฟ ทำอะไรมั่งครับ ที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงในเยอรมัน วางระเบิดสถานที่ต่าง ๆ ห้างสรรพสินค้า สำนักพิมพ์ของเอกชน ทำการปล้นสะดม วางระเบิดสังหารผู้พิพากษา วางระเบิดสังหารอัยการสูงสุด พอถูกจับก็จะมีทนายฝ่ายซ้าย ลุกขึ้นมาว่าความถ่วงเวลาประวิงคดี เพราะว่าในประเทศเยอรมันนั้น เดิมกฎหมายเยอรมันเขาบอกว่า จำเลยนั้นจะมีทนายกี่คนก็ได้ไม่จำกัด แล้วทนายจำเลยแต่ละคนจะทำคดีร่วมกัน หรือแยกกันทำก็ได้ ไอ้ผู้ก่อการร้ายพวกนี้ก็หัวหมอ ตั้งทนายเป็น 10-20 เลยครับ แล้วก็แยกกันดำเนินคดี มันก็ประวิงเวลาไม่ถูกตัดสินซักที ในที่สุดครับ รัฐบาลเยอรมัน จับมือกับสภาเยอรมัน แก้กฎหมายเพื่อที่จะเล่นงานพวกกองทัพแดงเยอรมัน ไม่ให้ประวิงคดีอีกแล้ว แก้กฎหมายว่าด้วยทนายความว่าต่อไปนี้ มีทนายได้ไม่เกิน 3 คน แล้วต้องรวมกันทำคดี ประวิงเวลาไม่ได้ เขาจึงเอาพวกนั้นเข้าคุกได้หมด
ทั้งหมดนี้ คอป. เขาตบท้ายว่า บอกกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือในทางการเมืองของนักการเมือง ของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยอย่างเยอรมัน เมื่อเกิดปัญหาที่สั่นคลอนต่อระบบการเมืองของประเทศ ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติได้ผนึกกำลังกันเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ อย่างมีหลัก มีเกณฑ์
คอป. ย้ำว่า ที่หยิบเอาเหตุการณ์นี้มาเรียนกับท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เพื่อชี้ให้เห็นว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้น ย่อมมีทางแก้ปัญหาของระบบในทางการเมืองอย่างมีหลักมีเกณฑ์ได้เสมอ เพียงแต่นักการเมืองของประเทศ ต้องมีเจตจำนงในทางการเมืองที่ถูกต้องและจริงจังเท่านั้น
จี้ยิ่งลักษณ์ถ้ามีจิตวิญญาณนักประชาธิปไตย ต้องเอาแกนนำเสื้อแดงไปดำเนินคดี
นายสุเทพกล่าวว่า ผมยกเรื่องนี้ มาให้พี่น้องได้ฟังได้ทราบ เพราะว่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการ คอป. เขาบอกกับนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2554 ถ้านายกฯ ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐบาลมีจิต มีวิญญาณเป็นนักประชาธิปไตย เห็นว่าพวกลัทธิแดง พวกเสื้อแดง กระบวนการแดง ของไอ้ตู่ ของไอ้ณัฐวุฒิ ของหมอเหวง ของธิดา เป็นภัยต่อระบบประชาธิปไตยของประเทศ เขาต้องดำเนินคดีกับคนเหล่านี้ เหมือนกับที่พวกผมพยายามดำเนินคดีกับเขา แต่ในทางกลับกันครับ เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่ได้ช่วยประเทศไทยให้ดีขึ้นเลย ไม่ได้ทำอะไรที่ให้คนเหล่านี้ถูกลงโทษเพื่อให้ประเทศมีความสงบเลย เขากลับทำตรงกันข้าม คือพยายามออกกฎหมายลบล้างความผิดให้คนเหล่านี้ทั้งหมดทั้งสิ้น
แถมยังจะเขียนกฎหมายให้โครงสร้างบ้านเมือง โครงสร้างการปกครองของประเทศนี้เป็นไปอย่างที่พวกนี้ต้องการอีก นี่คือสิ่งที่ผมต้องการมาบอกกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งหลาย และผมขอทวนกับพี่น้องทั้งหลายว่า ในปี 2553 ที่พวกลัทธิแดงก่อการร้ายในประเทศไทย ก่อจลาจลเผาบ้านเผาเมืองนั้น เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิต 92 คน เสียชีวิตในกรุงเทพฯ 89 คน ที่อุดรธานี 2 คน ที่ขอนแก่น 1 คน มีผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 1,885 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 542 คน ที่เหลือเป็นพลเรือน แล้วพวกนี้ได้ทำการเผาอาคาร สถานที่ในประเทศไทยไป 71 แห่ง ในกรุงเทพฯ 37 แห่ง ต่างจังหวัด 34 แห่ง ในกรุงเทพฯ ก็ได้แก่ธนาคารทั้งหลาย ทั้งธนาคารกสิกรไทย นครหลวงไทย ธนาคารออมสินมันก็เผา ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทีเอ็มบี ธนาคารไทยพาณิชย มันเผาโรงหนัง โรงหนังสยามเป็นต้น เผาตึกแถว แถวสยามสแควร์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิร์ล เซ็นเตอร์วัน บิ๊กซี ห้างขายทอง ร้านขายก๋วยเตี๋ยวเรือมันยังเผาเลย ร้านแมคโดนัลด์ ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เผาหมด ร้านขายหนังสือ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ไอ้พวกนี้ก็เผา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็เผา ช่อง 3 ก็เผา การไฟฟ้านครหลวงก็เผา สำนักงานป้องกันปราบปรามยาเสพติดหรือ ปปส. ก็ถูกพวกนี้เผา ศาลากลางจังหวัด 4 แห่ง ถูกเผาเรียบ ถ้าอยู่ในเยอรมัน ถ้าอยู่ในญี่ปุ่น ทักษิณหัวหน้าใหญ่ จตุพร วีระ ณัฐวุฒิ หมอเหวง ธิดา ไอ้เจ๋ง ดอกจิก ทั้งหลายหมดนี้ ต้องติดคุกตลอดชีวิต หรืออย่างน้อย 20 ปี
ผมเอามาย้ำ มาเรียนกับพี่น้องว่า ที่เขาทำทั้งหมด ไม่มีอะไรเพื่อประชาชนเลยครับ เพื่อพวกเขาทั้งสิ้น เพื่อประโยชน์ของเขาทั้งสิ้น ทั้งประโยชน์ที่เป็นเงิน ทั้งประโยชน์ที่เป็นอำนาจ ทั้งประโยชน์ที่จะให้พวกเขาได้ยึดครองประเทศไทยต่อไป
น้องทั้งหลายครับ บัดนี้เราได้ประจักษ์กันแล้ว เห็นกันชัดเจนแล้ว อย่าลืมเสียง่าย ๆ เหตุการณ์เพิ่งเกิดมาไม่นาน อย่าลืมเสียง่าย ๆ ครับ ผมเอามาทบทวน เอามาบอก วันนี้บนเวทีนี้ใครที่มาฟัง ทางคุณสาธิต ทางคุณหมอ ก็เอาหนังสือที่ผมเรียบเรียงมานี่ครับ “ประเทศไทยของเรา อย่าให้ใครเผาอีก” พอแล้วครับ อย่าให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นมาในบ้านเมืองเราอีกต่อไป
เรียกร้องผู้สนับสนุน สู้เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ตอนท้ายนายสุเทพกล่าวด้วยว่า "เราไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้วเพราะเขาทำกับเราสาหัสสากรรจ์มาแล้วทั้งสิ้น มีทางเดียวคือเราต้องชวน พี่เรา น้องเรา ญาติเรา คนไทยของเราทั้งประเทศ ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อปกป้องระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยที่พระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข และมีการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยอย่างที่เคยมีมา
อย่ายอมให้เผด็จการครองเมือง เพราะว่าลูกหลานของเราจะสูญเสียอิสระภาพ จะสูญเสียเสรีภาพ และจะทำให้เราไม่สามารถที่จะลุกขึ้นมาลืมตาอ้าปากได้อีกต่อไป
พี่น้องที่เคารพครับ พวกผมทั้งหมดนี้และที่อยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งขณะนี้กำลังทำเหมือนกับที่ผมกำลังทำ เอาความจริงไปบอกกับพี่น้อง ไปกราบเรียนกับพี่น้อง แล้วไปเชิญขวนพี่น้องทั้งหลายว่า ลุกขึ้นสู้กันเถอะครับ พวกผมตามลำพังสู้ไม่ไหวแล้ว ไม่หนักหนาสาหัสจริง ๆ ไม่ต้องถึงกับมาหาพี่น้องอย่างนี้ แต่ว่าคราวนี้หนักหนาสาหัสจริง ๆ บ้านเมืองของเราเสี่ยงจริง ๆ เพราะฉะนั้นลุกขึ้นมาครับ อย่าอยู่เฉย มีปากกาเขียนไปครับ จดหมาย มีโทรศัพท์ส่ง SMS ไปครับ เฟสบุ๊ค สื่ออิเลคทรอนิกส์ทำไปเถอะครับ ไม่มีอะไรก็ใช้ดินสอ ใช้ถ่านไฟ ใช้สีที่หาได้เอากระดาษเขียนแปะไว้ข้างหน้าว่า “กูไม่เอากับมึง” กูจะสู้เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยไว้ให้ลูกหลานกู ถ้าติดหน้าบ้านตัวเองไม่ได้ เกรงใจเสื้อแดงก็ไปติดหน้าบ้านเพื่อนก็ได้ไม่เป็นไร แต่ว่าอย่าอยู่เฉยครับ ต้องช่วยแล้วครับ ลำพังพวกผมพาชาติไม่รอด วันนี้ต้องขอแรงพี่น้องทั้งหลาย แต่ว่าพวกผมจะเป็นกองหน้า อาสาแล้ว เดินมาแล้ว ประกาศแล้ว ทั้งในสภา ทั้งนอกสภา ไม่มีวันยอมแพ้ มันจะตั้งข้อหาอีกกี่ร้อย กี่พันข้อหาก็ไม่เป็นไร ถ้าแพ้ก็พี่น้องไปส่งก๋วยเตี๋ยวมั่งก็แล้วกัน แต่ว่าสู้แน่นอนครับ ไอ้เหลิม ไอ้แหลม อะไรผมไม่กลัวทั้งนั้น ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องห่วง ขอให้พี่น้องทั้งหลายมีกำลังใจลุกขึ้นมาครับ แล้วจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเราคนไทยทั้งประเทศจะลุกขึ้นสู้พร้อม ๆ กัน เพื่อปกป้องประเทศนี้ไว้ให้เป็นสมบัติของลูกหลานเรา"