'มาร์ค' นัด 2 ก.ค. ส่งคำชี้แจงศาล รธน.

ไทยรัฐ 2 กรกฎาคม 2555 >>>




"อภิสิทธิ์'' พร้อมส่งคำชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ 2 ก.ค. และพร้อมที่จะไปให้การต่อศาลในวันที่ 5 ก.ค. ยันมีขบวนการเปลี่ยนรูปแบบรัฐผูกขาดอำนาจ ย้ำออกแบบ ส.ส.ร. ให้รัฐกุมเสียงข้างมาก ฉะรัฐละเลย ข่มขู่ศาล ขอปราม-บังคับใช้ ก.ม. เข้ม

วันที่ 1 ก.ค. ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อเป็นพยานในชั้นไต่สวนของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคำร้องขอให้ไต่สวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปี 2550 ของรัฐบาลตามมาตรา 291 ว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองในรูปแบบปัจจุบันในวันที่ 5-6 ก.ค. นี้ ว่า นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ได้แจ้งชื่อตนเป็นพยานในดดีนี้ด้วย จึงต้องทำบันทึกชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรต่อศาลในเบื้องต้นก่อน และพร้อมที่จะไปให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 5 ก.ค. แต่ยังไม่ทราบว่าเมื่อศาลใช้เวลาไต่สวน 2 วัน จะมีคำวินิจฉัยเลยหรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่ามีการเชิญนายอานันท์ ปันยารชุน มาเป็นพยานของผู้ยื่นคำร้อง เท่าที่ทราบ นายวิรัตน์ในฐานะผู้ยื่นคำร้องได้ออกมาปฏิเสธแล้ว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับตนได้เตรียมประเด็นและทำบันทึกชี้แจงส่งให้ศาลในวันที่ 2 ก.ค. นี้ โดยจะชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า มีขบวนการเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นขบวนการใหญ่ โยงถึงการเคลื่อนไหวของมวลชน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พรรคเพื่อไทย และการนำเสนอเนื้อหาสาระของร่างฉบับนี้ก็เพื่อให้เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ซึ่งมีหลักการหลายอย่างที่รัฐบาลปฏิเสธคำแปรญัตติของตน เช่น การคงไว้ซึ่งความเป็นอิสระขององค์กรตุลาการ อำนาจการตรวจสอบ และจากการตรวจสอบเหตุผลในร่างของพรรคเพื่อไทยที่เสนอมา รวมถึงการปราศรัยบนเวทีหลายครั้งพบว่า มีผลกระทบต่อรูปแบบของการปกครอง เพราะมีขบวนการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ และระบบปลายทางไม่เหมือนระบบปัจจุบันแน่นอน โดยมีการระบุไว้หลายอย่าง เช่น ความเป็นอิสระของตุลาการจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
   “ผมชี้ให้เห็นว่าการออกแบบ ส.ส.ร. ครั้งนี้ ทำให้คนมีอำนาจสามารถกุมเสียงข้างมากไว้ได้ และร่างรัฐธรรมนูญก็จะอยู่ในมือหรืออำนาจของรัฐบาลตลอดเวลา เช่นเมื่อร่างเสร็จแล้วกระทบกระเทือนต่อรูปแบบการปกครองของรัฐ หรือไม่ให้อำนาจประธานสภาเป็นผู้ชี้ขาด เบื้องต้นเมื่อประธานชี้ว่ามีปัญหาก็ยังให้อำนาจเสียงข้างมากของรัฐสภาชี้ขาดอีก เท่ากับว่าเขาสามารถควบคุมทิศทางการกำหนดรูปแบบการปกครองตามรัฐธรรมนูญฉบับที่จะจัดทำขึ้นใหม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นแน่นอนคือการผูกขาดอำนาจที่เป็นเป้าหมายชัดเจน แต่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองมากน้อยแค่ไหนเท่ากับอยู่ในมือของเสียงข้างมาก ส่วนระหว่างการไต่สวนจะมีการเคลื่อนไหวของของมวลชนก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ต้องดูแลให้ศาลรััฐธรรมนูญทำงานอย่างตรงไปตรงมา ผมหวังว่าศาลจะพิจารณาโดยไม่หวั่นไหวต่อการเคลื่อนไหวเหล่านี้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อถึงกรณีที่คนขับรถของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุว่า ถูกข่มขู่ถึงสองครั้งว่า เรื่องเหล่านี้เป็นมาโดยตลอด รัฐบาลปล่อยปละละเลยเพิกเฉย ปล่อยให้มวลชนของตนเอง ข่มขู่ คุกคาม ก่อกวนบุคคลต่างๆ ซึ่งรัฐบาลไม่ควรมีจุดยืนแบบนี้ แต่ต้องปรามผู้สนับสนุนตัวเอง หากยังมีการกระทำลักษณะนี้ต้องเคร่งครัดกับการบังคับใช้กฎหมาย