วัชรา หงส์ประภัศร: การฉีกรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ก็คือการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

แนวหน้า 15 มิถุนายน 2555 >>>




ตามที่คณะรัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว. (บางคน) ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่.....)พ.ศ..........ต่อรัฐสภา เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยกำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ขึ้นมายกร่างจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาใช้บังคับเป็นรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ก็จะมีผลทำให้เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน อันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 68 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 นั้น
เนื่องจากบทบัญญัติมาตรา 68 รัฐธรรมนูญปัจจุบัน บัญญัติว่า “บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้มิได้”
ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า บทบัญญัตินั้น ห้ามล้มล้างการปกครองระบอบที่กล่าวถึงในบทบัญญัติ หรือห้ามล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เหตุที่มีข้อสงสัย เพราะในบทบัญญัติดังกล่าว อาจทำให้เข้าใจได้ว่าข้อที่ห้ามนั้นหมายถึง ห้ามล้มล้างการปกครองระบอบหรือห้ามล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทั้งฉบับ
เมื่อพิเคราะห์ที่ตั้งของบทบัญญัติมาตรา 68 ในรัฐธรรมนูญ จะเห็นว่า อยู่ในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของชนชาวไทย ส่วนที่ 13 สิทธิพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เห็นเด่นชัดขึ้นว่า มุ่งประสงค์จะให้บทบัญญัติดังกล่าวเป็นเครื่องป้องกันรักษารัฐธรรมนูญ คือคุ้มครองรักษารัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ใช่เพียงบางส่วน
สำหรับ“การปกครองระบอบประชาธิปไตย” ก็ดี “อำนาจในการปกครองประเทศ” ก็ดี เป็นส่วนที่รวมอยู่ใน “รัฐธรรมนูญ” ด้วยแล้ว ถ้าคุ้มครองรัฐธรรมนูญ ก็มีความหมายว่า คุ้มครอง “การปกครองระบอบประชาธิปไตย” และ “อำนาจในการปกครองประเทศ” ด้วย
นอกจากนั้น การทำความเข้าใจมาตรา 68 ที่ห้ามบุคคลใช้สิทธิและเสรีภาพ “ตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ว่า มีความหมายอย่างไรนั้น ต้องมุ่งพิจารณาที่คำว่า “การล้มล้างรัฐธรรมนูญ” เพราะถ้า “ล้มล้างรัฐธรรมนูญ” แล้ว ก็หมายความว่าได้ล้มล้าง “การปกครองระบอบประชาธิปไตย” และ “อำนาจในการปกครองประเทศ” ด้วย
คำว่า “ล้มล้างรัฐธรรมนูญ” มีใช้ในกฎหมายไทยมาก่อนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 แล้ว โดยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 บัญญัติว่า “ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ
(1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ
(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ
(3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกบฏ ต้องระวางโทษ "ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต”
ทั้งนี้ บทบัญญัติมาตราดังกล่าวมีข้อความทำนองเดียวกับมาตรา 101 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาเดิม
ผู้เขียนใคร่ขอนำคำอธิบายประมวลกฎหมายอาญาของ ศ.จิตติ ติงศภัทิย์ จากตำรากฎหมายอาญา มาเป็นคำตอบในปัญหานี้ เพราะเป็นคำอธิบายความที่กินความหมายทั้งนัยแห่ง “คำ” ในกฎหมาย และ “ความหมาย” ของ “บทบัญญัติแห่งกฎหมาย” ด้วย จะเป็นประโยชน์ยิ่งแก่คดีเรื่องนี้ โดยท่านอธิบายไว้ว่า
“รัฐธรรมนูญ” ในมาตรา 113 แห่งประมวลกฎหมายอาญา หมายความถึงระบอบการปกครองแห่งรัฐ จะมีบัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือไม่ก็ตาม เช่น เกิดปฏิวัติสำเร็จมีรัฐบาลแล้ว แม้ยังไม่มีรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรออกใช้แต่ฉบับหนึ่งฉบับใด แม้แต่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็ยังไม่ได้บัญญัติขึ้น ถ้ามีปฏิวัติซ้อนในระหว่างนั้น ก็ถือว่า มีการล้มล้างรัฐธรรมนูญในขณะนั้น คือ ระบอบการปกครองของฝ่ายปฏิวัติ รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ จะเป็นลายลักษณ์อักษร หรือไม่ก็ตาม ย่อมมีระบอบการแตกต่างกัน ถ้าล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งเพื่อนำอีกฉบับหนึ่งมาใช้ ก็เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญอยู่นั่นเอง (ฎีกาที่ 1512 ถึง 1515/2497) การเปลี่ยนแปลงหมายความถึงเปลี่ยนโดยแก้เลิกหรือเพิ่มบางส่วนบางตอนของรัฐธรรมนูญแทนที่จะล้มล้างเสียทั้งหมด
คำอธิบายคำว่า “ล้มล้างรัฐธรรมนูญ” ของอาจารย์จิตติ ทำให้สรุปความหมายของการ “ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ” ซึ่งใช้ในมาตรา 68 แห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 นั้น ก็คือการ “ล้มล้างรัฐธรรมนูญ” นั่นเอง
อนึ่งการที่เมื่อ พ.ศ. 2539 มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้นั้น เพราะขณะนั้นไม่มีข้อห้ามเช่นมาตรา 68 นี้
เกี่ยวกับ รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 68 วรรคแรกนี้ ขอสรุปว่า รัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ ย่อมมีระบอบแตกต่างกัน ถ้าล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับหนึ่งเพื่อนำอีกฉบับหนึ่ง มาใช้ ก็เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 68 วรรคแรก