ก่อนหน้านั้นมีความเชื่อกันว่า ด้วยการสร้างพรรคการเมืองอย่างเข้มแข็งในองค์ประกอบมีฐานทุนสนับสนุนจากเครือข่ายของ "ทักษิณ ชินวัตร" มีฐานเสียงสนับสนุนจาก "ส.ส. ในพื้นที่ภาคเหนือ-อีสาน" มีฐานมวลชนจัดตั้งอย่างเป็นระดับ ในนาม "เสื้อแดง" และมีเครือข่ายสื่อชี้นำ และหล่อหลอมความคิดให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่าง "เอเชียอัพเดต" จะทำให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่แข็งแกร่ง ชนิดไม่มีทางที่พรรคการเมืองไหนจะชนะได้ในเกมการเลือกตั้ง
ฐานเสียงจากคะแนนเลือกตั้งไม่ต้องเป็นห่วง หน้าที่ของ "ทักษิณ ชินวัตร และทีมงาน" คือทำอย่างไรจะหาทางเคลียร์กับอำนาจนอกระบบที่มีอิทธิพลต่อทิศทางการเมืองไทยให้ได้
ข่าวคราวเรื่องการพูดคุยเพื่อเคลียร์ปัญหากันและกันออกมาเป็นระยะๆ ภาพ "นายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ที่สร้างสัมพันธ์อันดีกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองได้บอกเล่าถึงความสำเร็จที่จะเคลียร์ความยอมรับให้เกิดขึ้น
แต่ถึงวันนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นเสียแล้ว การเมืองสำหรับเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร ดูเหมือนจะเดินเข้าสู่อุปสรรคในทุกองค์ประกอบ
องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่าถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบนักการเมือง กลายเป็นอำนาจมหึมาที่ยากจะก้าวผ่าน
อำนาจอธิปไตยที่บอกว่ามี "3 สถาบันหลัก" คือ "บริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ" ดูจะไม่ใช่เสียแล้ว องค์กรอิสระมีอำนาจที่จะจัดการเสียยิ่งกว่า 3 อำนาจอธิปไตยหลัก
ผู้ตรวจการแผ่นดินเข้ามาชี้ให้เห็นความไม่เหมาะสมในการแต่งตั้งรัฐมนตรี ศาลรัฐธรรมนูญเบรกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาล และเป็นอำนาจของรัฐสภา ยังมีคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ออกมาไล่บี้เรื่องใบแดงใบเหลืองของ ส.ส. ระดมกันออกมาในช่วงเดียวกัน
ในรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลมีเสียงข้างมากไม่สามารถจัดการไปได้ตามปรารถนาของรัฐบาล จนถอยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ.ปรองดอง ออกไปอย่างไม่มีกำหนด รัฐบาลพ่ายแพ้เกมในสภา ซึ่งผนึกกับกลุ่มผู้ประท้วงนอกสภาฝ่ายตรงกันข้าอย่างยับเยิน
หันมามองแนวโน้มความสำเร็จระดับพรรคการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ที่ต่อสู้โดยการรักษาฐานที่มั่นในพื้นที่ภาคใต้ และบางจังหวัดไว้ แม้จะยังไม่มีแนวโน้มว่าจะขยายพื้นที่ไปในภาคอื่นได้ แต่การสร้างทีมเลือกข้างอย่างบลูสกาย ขึ้นมาตอบโต้เอเชียอัพเดตของเสื้อแดง ทำให้สามารถดึงมวลชนของตัวเองไว้ได้
สำหรับพรรคเพื่อไทยกลับมีสภาพแตกกันเละ มวลชนบางส่วนเลยไปถึงขั้นไม่พอใจ "ทักษิณ ชินวัตร" เสียด้วยซ้ำระหว่าง "คนเสื้อแดง" กับ "ส.ส. เดิมๆในพื้นที่" เริ่มมีปัญหากันอย่างหนัก เรื่องความผิดในเชิงเกมการเมือง ถึงขนาดแถลงข่าวตอบโต้ ไล่อีกฝ่ายให้พ้นพรรค
ความปั่นป่วนเมื่อเกิดแล้วหากไม่มีการเยียวยา จะยิ่งถูกตอกลิ่มให้แตกแยกหนักขึ้นไปอีก ชัยชนะในการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องทำให้ ส.ส. ของพรรคมากขึ้น เพียงทำให้ "ส.ส. ของเพื่อไทยลดลง" ก็มีผลให้เป็นพรรคเสียงข้างมากในสภาได้
"เพื่อไทย" ที่เข้มแข็งก่อนหน้านี้ ถึงวันนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว อาจจะด้วยเหตุนี้ที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ต้องเดินทางมาตั้งหลักที่ฮ่องกง มาเพื่อเคลียร์ปัญหาก่อนที่จะสายเกินไป