ถ้อยแถลงของ อุดมเดช รัตนเสถียร ประธานวิปรัฐบาล ที่ยืนยันว่า วันอังคารที่ 12 มิถุนายนนี้ จะไม่มีการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระที่ 3 แน่นอนนั้น จนถึงค่ำวันจันทร์ก็ยังไม่มีใครวางใจได้
ดูจากการเคลื่อนไหวของ ส.ส.เพื่อไทย ที่โยนให้ สมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ชี้ขาด และดูจากคนเสื้อแดงที่ส่งเสียงลั่น "ฮุย เล ฮุย" ให้หักศาลรัฐธรรมนูญ นับแต่สัปดาห์ที่แล้วมาจนถึงสัปดาห์นี้ บรรยากาศยังคงอบอวลไปด้วยความไม่แน่นอน
เมื่อเกิดความไม่แน่นอน ก็ต้องเกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมืองตามมา แต่ดูเหมือน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะไม่ได้ยี่หระกับเรื่องพรรค์นั้น
การเมืองจะตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างไร ต้องการความเด็ดขาดในการจัดการปัญหามากแค่ไหน ก็เป็นเรื่องรองลงไป เมื่อนายกฯ ยิ่งลักษณ์ตัดสินใจไปตรวจน้ำท่วม แล้วต่อด้วยการประชุม ครม. สัญจรระหว่างวันที่ 12-19 มิถุนายน ซึ่งเป็นห้วงเวลา "หน้าสิ่ว หน้าขวาน" พอดิบพอดี
หลายคนมองว่า เป็นเรื่องปกติของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ทำเช่นนั้น เผื่อว่าเกิดปัญหาจะได้ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่หลายคนก็ต้องการให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในภาวะผู้นำ ตัดสินใจว่าจะเอาอย่างไรกับปัญหาระดับประเทศที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่ตอบว่า "ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ" แล้วก็จบ
ผู้คนทั้งประเทศไม่ได้มุ่งหวังที่จะได้ผู้นำที่ "สักแต่ว่าตอบคำถาม" เพียงเพื่อให้ผ่านพ้นตนเองไปในแต่ละวัน
ผู้คนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาก็เช่นกัน พวกเขาก็ต้องการให้ผู้นำชี้ให้เห็นทิศทางที่ประเทศควรจะไป ว่าเมื่อไปทางนี้แล้วจะเจอกับอะไร
พูดง่ายๆ ถ้าไป จะได้อะไร หรือจะเสียอะไร หากไม่ไปดังที่ว่า อย่าว่าแต่เรื่องรัฐธรรมนูญ ในที่สุดแล้วต่อให้หลบให้เลี่ยงไปอย่างไรก็ต้องวกกลับไปหานายกฯ ยิ่งลักษณ์อยู่ดี
เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติเอาไว้ชัดเจนว่า เมื่อลงมติวาระที่ 3 แล้วให้นายกฯ เป็นผู้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เพื่อให้ในหลวงทรงลงพระปรมาภิไธย
แต่หากระหว่างนั้นเกิดศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา แล้วไม่เป็นไปในทิศทางที่ "แดงซ้าย" ในเพื่อไทยวาดหวังเอาไว้ นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะทำอย่างไร
ถ้าหากไม่ศึกษารายละเอียด เพื่อมองให้ทะลุ เห็นทางหนีทีไล่ ถึงเวลานั้นแล้ว นายกฯ ยิ่งลักษณ์จะเอาอะไรไปรับผิดชอบกับความเสียหาย ในกรณีที่ถ้ามันเกิดเหตุเช่นนั้นขึ้นมาจริงๆ
ในเวลานี้จะมัวไปฟังแต่เสียง "แดงซ้าย" แล้วปิดหูอีกข้าง ก็ได้เห็นบทเรียนมาแล้วไม่ใช่หรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น
สิ่งที่วาดหวังจาก "เกม" ที่สร้างขึ้น กลายเป็นเรื่องที่ "คิดไปเอง" ถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะบ่นร้องขอความเห็นใจจากคนเสื้อแดงว่า "รู้เขาหลอก แต่เต็มใจให้หลอก" ก็ถือว่าเป็นมุมของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ถึงแม้ว่าวันนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะยังทำได้เพียงแค่เดินสายเปิดเวทีชี้นั่นนี่ให้แฟน และช่วงนี้ยังน่าเชื่อว่า ผลที่เป็นรูปธรรมจะยังไม่กระทบพรรคเพื่อไทยจนถึงขั้นสั่นสะเทือนก็ตาม
แต่อย่าลืมว่า สื่อดาวเทียม ที่ประชาธิปัตย์ใช้เป็นเครื่องมือผ่านรายการ "สายล่อฟ้า" ก็ส่งผลกระทบไม่น้อย
น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน ฉันใดก็ฉันนั้น
การประเมินแฟนคลับประชาธิปัตย์ว่ายังอีกไกล หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลยกับกรณีที่แห่กันออกมาชุมนุมเหมือนอย่างที่คนเสื้อแดง แฟนคลับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการประเมินคู่ต่อสู้ที่ต่ำเกินไป แม้ปัจจัยแวดล้อมบ่งชี้มาเช่นนี้ ก็ไม่ควรอยู่ในความประมาท
อย่าลืมว่า "ปทุมโมเดล" ยังอยู่ในความฝันของคนพรรคเพื่อไทยทุกคน
นั่นคือเหตุผลที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะต้องเผชิญหน้ากับทุกปัญหา โดยเฉพาะปัญหาใหญ่ๆ อย่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
ยกเว้น จงใจที่จะทำให้เกิดความรู้สึกรับรู้ได้ถึงเงื่อนไขที่ว่า "หากไม่อยากเห็นหายนะของบ้านเมือง ก็ต้องเอาตามนั้น"