เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 2555 ที่โรงแรมอมารีเอเทรียม ถนนเพชรบุรี ห้องทับทิม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย แถลงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎร ระงับการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการแถลงครั้งแรกหลังได้รับสิทธิพลเมืองกลับคืนมา และรู้สึกว่าการเมืองต้อนรับแบบดุเดือดพอสมควร ตนอยู่ในฐานะพลเมืองชั้น 2 ไม่มีสิทธิเป็นคนมา 5 ปี ขณะนี้ มีสิทธิได้เท่ากับพลเมืองทั่วประเทศ แต่พบว่าสิทธิประชาชนทั่วประเทศ กำลังถูกปล้น ไปอีกครั้ง
“ขณะนี้มีข่าวลือว่าจะมีการรัฐประหาร ซึ่งผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำรัฐประหาร โดยผู้นำกองทัพ เพราะ จริงๆ แล้วเกิดรัฐประหาร โดยตุลาการภิวัฒน์ ขึ้นแล้ว ฉะนั้น ใครคิดต่อต้าน รัฐประหาร โดยคิดว่า ต้องระวังกระทั่งเกิดการรัฐประหารแล้วค่อยออกมาต่อต้าน ก็ขอให้เข้าใจว่า การรัฐประหารได้เริ่มขึ้นแล้ว ฉะนั้น การต่อต้าน ก็ควรจะกระทำได้แล้ว” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ตนคาดอยู่แล้วตั้งแต่ต้นว่า ชนชั้นนำคงไม่ยอมให้แก้รัฐธรรมนูญนี้อย่างง่ายๆ แต่นึกไม่ออกว่าเขาจะใช้วิธีไหน ตอนแรกคิดว่า รอให้ผ่านวาระ 3 ไปก่อน แล้วค่อยไปยื่นให้ศาลตีความ แต่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจวินิจฉัย เมื่อร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาเสร็จ เขาจึงมาใช้ช่องทางรัฐธรรมนูญมาตรา 68 ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่ช่องทางที่ใช้ได้เลย แต่เมื่อกล้าใช้ช่องนี้ ก็แสดงว่า เขาต้องกล้าล้ม
เมื่อถามว่า ชนชั้นนำ หมายถึงคนกลุ่มใด นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ชนชั้นนำ ก็คือชนชั้นนำ คือคนที่ยังมีอำนาจทั้งหลาย หรือคนที่ยังมีอำนาจแฝงอยู่ตามรัฐธรรมนูญนี้ คนที่คิดจะล้มอำนาจรัฐบาลที่มาจากประชาชน เหมือนเคยล้มรัฐบาลสมัคร สุนทรเวช ล้มรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พอคราวนี้จะแก้รัฐธรรมนูญโดยสภา เขาก็คิดจะล้ม ซึ่งเรื่องนี้ อาจจะนำไปสู่การยุบพรรครอบใหม่อะไรอีกสารพัด ก็เป็นได้ ทั้งๆ ที่กระบวนการทุกอยย่างดำเนินตามรัฐธรรมนูญ จึงถือว่า เป็นการกระทำที่ร้ายแรงมาก
เมื่อถามว่า รัฐบาลนี้ ถูกหลอกเกี่ยวกับการปรองดองหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รัฐบาลเองคงไม่ได้โดนหลอกอะไร เพราะเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรกับกระบวนการทั้งหลาย แต่นี่แสดงให้เห็นว่า ไม่มีความพยายามที่จะปรองดองใดๆ เลยจากชนชั้นนำในประเทศนี้ มีแต่พยายามรักษา อำนาจตัวเองไว้และมีแต่จะทำลายกระบวนการที่จะทำให้บ้านเมือง เป็นประชาธิปไตยทุกวิถีทาง ชัดเจน โดยไม่คำนึงถึงวิกฤตใดๆ ที่จะตามมา ถือเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่งของกระบวนการนี้