"สนธิ" ย้อนรอยมหากาพย์โคตรโกงสนามบินสุวรรณภูมิ ชี้ชัดวันนี้ต้องปิดซ่อมรันเวย์ไม่ผิดไปจากที่เคยพูดไว้เมื่อ 5 ปีก่อน ระบุทุกพรรคมีส่วนทุจริตทั้งสิ้น โดยเฉพาะประชาธิปัตย์ถือเป็นผู้รุกเริ่มโดย "สุเทพ" ประกาศต้องทุ่มเททุกอย่างลงในหนองงูเห่า จากนั้นก็ตั้งคนดูแลโครงการทันที พร้อมย้ำวันนี้บ้านเมืองไปไม่ได้แล้ว นักการเมืองผลัดกันโกง องค์กรอิสระพึ่งพาไม่ได้ กองทัพไม่ทำหน้าที่ เสื้อแดงตั้งตัวเป็นกุ๊ยทางการเมือง เสนอ "หลักราชประชาสมาสัย" ประชาชนเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับ "พระเจ้าอยู่หัว" เพื่อสร้างประเทศให้กลับมามีคุณธรรม จริยธรรม
วันนี้ (15 มิ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 20.30 น. ในรายการ "คนเคาะข่าว" ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี กล่าวถึงการปิดซ่อมรันเวย์สนามบินสุวรรณภูมิ ว่า อ้างใช้งานมา 6 ปีแล้ว เครื่องบินลงหนักมากเลยต้องซ่อม แต่ไม่เคยเห็นรันเวย์ดอนเมืองปิดซ่อม รันเวย์สุวรรณภูมิที่ปิดซ่อม มีเบื้องหลัง โดยตนเคยพูดไว้ในรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" เมื่อ 5 ปีที่แล้ว และวันนี้เป็นความจริงหมด
สนามบินสุวรรณภูมิใช้ต้นทุนประมาณ 1.4 - 1.6 แสนล้าน หรือคิดเป็น 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สนามบินที่คุนหมิง กำลังจะเปิด บรรจุผู้โดยสารได้เท่ากัน มีขนาดเดียวกัน เขาใช้เงินแค่ 1.2 แสนล้าน เขาสร้างในราคาต่ำกว่าเรา ทั้งที่เวลาผ่านไปแล้ว 5-6 ปี แสดงว่า ส่วนต่างคือการโกงกิน การคอร์รัปชั่นมหาศาล
นายสนธิ กล่าวต่อว่า น้ำท่วมปีที่แล้วฝั่งธนฯ - ดอนเมืองต้องรับเคราะห์ ทั้งที่ควรจะผันไปทางฟลัดเวย์ ก็เพราะเรื่องมรดกความโกงที่ซ่อนอยู่ใต้ดิน ข้อเท็จจริงที่น่ากลัวในสังคมไทยคือ คนที่มีอำนาจ มีข้อมูลรู้อยู่แล้วแต่ปิดบังข้อมูล เหมือนอย่างวันนี้ตนเชื่อว่าการท่าอากาศยานรู้อยู่แล้วว่าลานบินไม่มีทางซ่อมได้นอกจากรื้อใหม่ ต้องรื้อลานบินออกหมด แล้วเอาทรายขี้เป็ดที่อมน้ำออก แล้วเอาทรายแม่น้ำมาลงเพื่อให้ซึมลงไปได้ อย่าลืมน้ำท่วมคราวที่แล้วถึงไม่ได้มาที่สุวรรณภูมิก็ตาม แต่น้ำใต้ดินมันซึมถึงกันหมด วันนี้สนามบินสุวรรณภูมิคือ "สนามบินลอยน้ำ" เพียงแต่ว่ามีโคลนอยู่ข้างบนเท่านั้นเอง
ตนเคยพูดตลอดเวลาว่า ตรรกะของคนโบราณทำไมถึงสร้างสนามบินที่ดอนเมือง เพราะมันเป็นที่ดอน พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวฯถึงพูดตลอดเวลาว่า แก้มลิงคือหนองงูเห่า
ที่มาที่ไปของสนามบินหนองงูเห่า เกิดขึ้นเมื่อปี 2503 สมัยยุคจอมพลถนอม กิตติขจร มีความรู้สึกว่า ต้องเริ่มสร้างสนามบิน เพื่อขยายแทนดอนเมือง ทีนี้ผู้บริหารประเทศมีสติปัญญาไม่มากนัก แต่จะสูงด้วยอวิชาในการคดโกง เป็นทุกยุคทุกสมัย ทุกรัฐบาลไม่เว้น รัฐบาลเพื่อไทย รัฐบาลประชาธิปัตย์ รัฐบาลความหวังใหม่ เหมือนกันหมด คือด้อยปัญญาแต่สูงด้วยอวิชา ทีนี้ก็ใช้วิธีเอาฝรั่งเข้ามาสำรวจ โดยนั่งเฮลิคอปเตอร์แล้วก็บินรอบกรุงเทพฯ ก็เห็นที่ทางฝั่งตะวันออกมันว่าง และมันห่างจากกรุงเทพฯ แค่ 17 กิโลเมตร แต่ฝรั่งไม่ได้ศึกษารากเหง้าของที่ ว่าที่นี้คือที่หนองเป็นที่รับน้ำ
จากนั้นสิ่งแรกที่เกิดคือ ข้าราชการสภาพัฒน์ เจ้าขุนมูลนาย ข้าราชการต่างๆ พวกอำมาตย์ต่างๆ พวกเศรษฐี ก็ไปเที่ยวกว้านซื้อที่ดินแถบหนองงูเห่าไว้ทันที ซึ่งต้องให้เครดิตนายสมัคร สุนทรเวช สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี นายสมัครบอกไม่ให้สร้างที่หนองงูเห่า เพราะเป็นที่หนอง ให้ขยายดอนเมืองแทน แต่เผอิญรัฐบาลชุด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อายุสั้น รัฐบาลพล.อ.ชาติชาย ขึ้นมาแทน ฉะนั้นใครก็ตามที่ขึ้นมา ย่อมโดนอิทธิพลของพวกเจ้าของที่ดิน มันก็เลยเป็นที่มาของสนามบินหนองงูเห่า
"ที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่ง ทั้งหมดนี้ คนที่เริ่มรุกจริงๆ สนามบินหนองงูเห่า จริงๆ คือใครรู้ไหม คือพรรคประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์ก็เป็นอย่างนี้ตลอดเวลา จะเป็นคนแก้กฎหมายให้ฝรั่งเข้ามาแปรรูปได้ ยึดกิจการไทยได้ แต่ตัวเองยังไม่ได้ทำต่อ แค่แก้ ทักษิณเข้ามา ต่อไป ทุกครั้ง อู่ตะเภาก็เหมือนกัน ทุกอย่างของความวินาศฉิบหาย หรือความวิบัติ เกิดขึ้นจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้เริ่มทั้งสิ้น เป็นเพียงแต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สานต่อ แต่เป็นคนเริ่มวางเสาเข็ม และคนอื่น พรรคอื่นเข้ามา ก็มาสร้างบ้านอยู่บนเสาเข็มที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นคนตอก ทุกเรื่องเลยนะ เขาพระวิหารก็ใช่ เดี๋ยวจะหาว่าผมมีอคติกับเขา แต่นี่คือข้อเท็จจริง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประกาศเป็นสัจจวาจาเลยว่า จะต้องทุ่มเททุกอย่างลงในหนองงูเห่า ตั้งคุณประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เป็นรัฐมนตรีช่วย ขึ้นมาดูแลโครงการหนองงูเห่าทันที" นายสนธิ ระบุ
นายสนธิ กล่าวว่า ทีนี้พอสร้างขึ้นมาแล้ว คือกลัดกระดุมเม็ดแรกมันผิดมันก็ผิดตลอด ต้องกลบเกลื่อนกัน แล้วผลประโยชน์แสนกว่าล้าน ด้วยเหตุนี้ถึงมีการคอร์รัปชั่นในสนามบินหนองงูเห่า ที่ คตส.ตรวจสอบเยอะมาก เช่น การรวบรัดให้กลุ่มการค้า คือ ไอทีโอ บริษัทอิตาเลียนไทย ได้งานไปแต่ผู้เดียว โดยอิตาเลียนไทยถือหุ้นใหญ่ ความไม่โปร่งใสในการจ้างบริษัทเมอร์ฟี่จาง ในการออกแบบอาคารผู้โดยสาร
การซื้อเครื่องวัตถุระเบิด CTX 9000 โครงการวางท่อร้อยสายไฟ ระบบบริหารข้อมูลสารสนเทศท่าอากาศยาน AIMS โครงการครัวการบิน ระบบไฟฟ้าทางวิ่ง ทางขับสนามบินสุวรรณภูมิ บริษัทแท็กส์( TAGS) หุบสนามบินสุวรรณภูมิในการบริการภาคพื้นดิน การจ่ายเงินชดเชยชาวบ้านที่อาศัยบริเวณสนามบิน การเร่งเปิดใช้และความไม่พร้อมของสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรถเข็น ยังไม่นับที่จอดรถ ทุกอย่าง เหมือนกับเป็นมะเร็งร้ายที่เกิดขึ้นแล้วไม่แก้สักเรื่อง
ปรากฎว่าทุกเรื่อง คตส.เข้ามาตรวจสอบ จำเลยมีเยอะ มีนายศรีสุข จันทรางศุ, นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด เป็นจำเลยหมดเลย เรื่องอยู่ คตส. แต่ไม่มีเรื่องไหนออกมาสักเรื่อง เพราะ ป.ป.ช. เอาเรื่องไปดองไว้ เรื่องของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ CTX เก็บเงียบไม่พูด นายชัยเกษม มีส่วนเป็นกรรมการที่รับผิดชอบเรื่อง CTX ก็เก็บเงียบ จนกระทั่งอายุความขาด เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นว่าองค์กรตรวจสอบ ป.ป.ช. ก็มีปัญหา
เสร็จเรียบร้อยแล้วพอพรรคประชาธิปัตย์เข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองคราวที่แล้ว นายโสภณ ซารัมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เอานายศรีสุข จันทรางศุ ซึ่งเป็นจำเลยในเรื่องสนามบินหนองงูเห่า สนามบินหนองงูเห่าทุกวันนี้ที่เป็นอย่างนี้ อย่างน้อย 50 เปอร์เซ็นต์ นายศรีสุขเกี่ยวข้อง มีส่วนในการตัดสินใจทั้งสิ้น และถูกคตส.ชี้มูลแล้วส่งให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเพื่อส่งฟ้อง คดียังอยู่ใน ป.ป.ช. อยู่เลย แต่ปรากฎว่านาย โสภณ ซารัมย์ ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล อยู่ภายใต้การบริหารงานของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เอานายศรีสุข จันทรางศุ เข้ามานั่งทำงาน
สุวรรณภูมิเป็นมหากาพย์ของการโคตรโกงจริงๆ ไม่ว่าพรรคไหนก็ตาม มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโกงทั้งสิ้น แล้วพอพรรคโน้นไปตัวเองขึ้นมา ตอนที่ตัวเองเป็นฝ่ายค้านก็ด่าคนอื่น แต่พอตัวเองขึ้นมาไม่สืบสาวราวเรื่อง เรื่องที่ตัวเองด่าเขาไว้ ปิดหมด แล้วเอาคนที่ตัวเองกล่าวหาไปนั่งทำงาน
นายสนธิ ยังกล่าวด้วยว่า เมื่อปี 2548 ในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร ที่สวนลุมพินี มีการกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ และขอฎีกากับพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 11 พฤศจิกายน สิ่งที่พูดในปีนั้นกับเหตุการณ์ในปีนี้ไม่ต่างกันเลย ประเด็นอยู่ที่ว่า คนที่มีหน้าที่ต้องทำไม่ยอมทำตามหน้าที่ตัวเอง ปัญหาใหญ่ของบ้านเมืองขณะนี้คือ ผู้นำกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกองทัพบก ไม่ได้ทำตัวให้สมกับตัวเองได้รับมอบหมายเป็นทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตนคิดว่าคำพูดที่ พล.อ.อนุพงษ์ ออกมาพูดคนแรกแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ มาเลียนแบบ คือคำพูดที่บอกว่า "อย่าเอาทหารยุ่งกับการเมือง การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" บางครั้งตนอดคิดไม่ได้ว่า มันสะท้อนวุฒิภาวะทางปัญญา คือ ถ้ามีสติปัญญาสักนิด วิเคราะห์ปัญหาต่างๆ ได้ว่า ชาติบ้านเมืองล่มสลายแล้ว เขาจะทำอย่างไรกับชาติบ้านเมือง การที่ทหารจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย แต่ถ้าเปลี่ยนแปลงแล้วเอาคนอย่าง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หรือเอา พล.อ.สุรยุทธ์ ขึ้นมา มันก็ไม่สามารถแก้ได้เหมือนเดิม ต้องเป็นทหารที่ ท่านทูตสุรพงษ์ ชัยนาม เคยยกตัวอย่าง ทหารโปรตุเกส เขาออกมาจัดการแล้วเขาแก้ปัญหาต่างๆ ที่การเมืองสร้าง แล้วถอยกลับเข้ากรม เมื่อใดก็ตาม เขาบอกว่าอย่าเอาการเมืองมาเล่นกับทหาร แต่จริงๆ ที่สำคัญคือ พล.อ.ประยุทธ์ เอาทหารไปต่อรองกับการเมือง ไปต่อรองว่า คุณเอางบประมาณมาให้ผม ผมจะไม่ยุ่งกับคุณ
นักการเมืองกลัวทหารจะออกมาเปลี่ยนแปลง ทหารจะออกมาเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ในกรณีเดียว คือ ชาติบ้านเมืองไปไม่ได้แล้ว วันนี้ดูเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์มันไปได้อย่างไร ดู พ.ร.บ.ปรองดอง ดูศาล คุณดูสภาฯ ดูกุ๊ยทางการเมือง พวกเสื้อแดงถือว่ากุ๊ยทางการเมือง นายจตุพร นายณัฐวุฒิ นายสุนัย หรือนายก่อแก้ว หรือใครก็ตาม พวกนี้ไม่แสดงตนเป็นสุภาพบุรุษทางการเมืองแม้แต่นิดเดียว นึกจะรังแกใคร นึกจะข่มขู่ใครก็เอากลุ่มคนเสื้อแดงแห่ไปบีบเขา
วันนี้ตนเห็นผู้ที่รักชาติรักแผ่นดินที่อุดรฯ ขอนแก่น โดยใช้ชื่อว่า "ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย" ออกมา ตนไม่เห็นคนพวกนี้พูดสักแอะ เขาออกมาที่อุดรฯ 7 พันคน นายขวัญชัย ไพรพนา ไปไหน เงียบเลย เพราะฉะนั้นแล้วตัวเองต้องรู้ว่าทำอะไรไว้กับสังคมไทยบ้าง เหมือนวันดีคืนดีอยากจะไปรำลึกถึงเหตุการณ์ที่สี่แยกราชประสงค์ ก็ไปชุมนุมราชประสงค์ ธุรกิจจะพังพินาศฉิบหายอย่างไรไม่สนใจ กูใหญ่ซะอย่าง เดี๋ยวนี้พวกเสื้อแดง ตำรวจเรียกจับทำผิดกฎหมาย ก็บอกเอาบัตรเสื้อแดงให้ดู แล้วก็ต้องปล่อย ถ้าไม่ปล่อยเดี๋ยวจะย้ายให้ นี่มันอันธพาลทางการเมือง กุ๊ยทางการเมือง แล้วมันตลก พวกผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ออกมาเป็นดาวแดงสู้กับทุนสามานย์ และรักษาเจ้า ส่วนพวกแดงที่อยู่สภาฯ หรือแดงจตุพร แดงขวัญชัย แดงก่อแก้ว แดงอภิวันท์ หรือแดงธิดา แดงเหวง แดงพวกนี้เป็นแดงล้มเจ้า แต่จะสนับสนุนทุนสามานย์ พอแดงล้มทุนสามานย์รักษาเจ้าออกมา พวกแดงล้มเจ้าเงียบสนิท ไม่แสดงออก ทำไมไม่กุ๊ยกับเขาซะที
"ผมคิดว่าพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกจากเป็นกองทัพแล้ว พระองค์ท่านยังเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในประเทศไทย ผมคิดว่าพระองค์ท่านจะต้องทำอะไรสักอย่าง หรือว่าพวกเราจะต้องทำอะไรสักอย่างโดยร่วมมือกับพระองค์ท่าน เพื่อสร้างแผ่นดินนี้ขึ้นมาพร้อมกัน ตัดการเมืองทิ้งไป ตนคิดว่า ความสมัครสมานสามัคคีระหว่างพระเจ้าอยู่หัว สถาบันกษัตริย์กับประชาชน ต้องแนบแน่นมากกว่าเก่า แล้วทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมมือกันเพื่อสร้างประเทศไทยให้กลับคืนมาเป็นประเทศไทยที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีมโนธรรม มีความโปร่งใส มีศีลมีธรรม ให้ความเท่าเทียมกันทุกคน เพราะว่าความเท่าเทียมกันไม่ใช่ให้ไม่ได้ ทุกวันนี้ให้ได้อยู่แล้ว เป็นแต่เพียงว่า เราจะถูกกระบวนการ ขั้นตอน ระบบราชการ คนบางกลุ่ม ผู้มีอำนาจบางส่วน ขีดกั้น ปิดขวางไม่ให้กระบวนการยุติธรรม หรือความยุติธรรมที่จะตกไปสู่ทุกๆ คนมีนผ่านพ้นไปได้ โดยพวกนี้ทำเป็นแหคอยดักประโยชน์เข้าตัวเอง พวกนี้ต้องกวาดออกให้หมด เมื่อใดก็ตาม ประชาชนกับพระเจ้าอยู่หัว เป็นน้ำหนึ่งเดียวกันแล้ว นั่นคือ หลักราชประชาสมาสัย" นายสนธิ กล่าว
นายสนธิ กล่าวปิดท้ายว่า อย่างผู้ที่ออกมาที่ขอนแก่น ที่อุดรฯ จริงๆ ตนคิดว่าไม่เสียหาย ถ้าพวกเขากับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมตัวกัน เพราะเราเป็นผู้รักสันติ แต่เขาพร้อมเผชิญหน้าทุกรูปแบบ เขาพูดเลย เขาจะตั้งกองกำลัง กองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เราเป็นพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย ให้เขาเป็นกองทัพประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วเราสนับสนุนเขาอยู่ข้างหลัง ตนว่าไม่จืดงานนี้