ถอดรหัส "อันตราย" รบ."ปู" ตั้งการ์ด-"แดง" ระดมพล

มติชน 24 มิถุนายน 2555 >>>




พร้อมรับศึก "นอกสภา" เดิมรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยเชื่อว่า เมื่อส่งสัญญาณจากแนวรุกด้านนิติบัญญัติ คือ ชะลอการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ.... พร้อมทั้งเลี่ยงการพิจารณาร่างแก้ไขมาตรา 291 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ด้วยการออกพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมสภาไปแล้ว จะทำให้สถานการณ์การเมืองของรัฐบาลทรงตัว
หากแต่ระหว่างการส่งสัญญาณถอย กลับปรากฏสัญญาณอันตรายสั่นเตือนจนรู้สึกสะพรึงกลัว เป็นสัญญาณที่ส่งออกมาจากองค์กรที่สามารถชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้ทั้งสิ้น
นับตั้งแต่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเข้าข่ายมาตรา 68 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ และหากเข้าข่ายมาตรา 68 ยังเปิดโอกาสให้ศาลรัฐธรรมนูญ "สั่งยุบพรรค" ได้
คำสั่งชะลอการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญสร้างอาการหลอนขึ้นมาแก่พรรคเพื่อไทยและสมาชิก
อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติ 7 ต่อ 1 ตัดสินให้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ พ้นจากการเป็น ส.ส. เป็น "บุคคลต้องห้าม" ตามรัฐธรรมนูญ
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีสัญญาณจากผลการวินิจฉัยของคณะผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งรัฐสภาในกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทูลเกล้าฯแต่งตั้งรัฐมนตรี 2 คน ประกอบด้วย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งๆ ที่ยังเป็นผู้ต้องหาคดีอยู่ และ นางนลินี ทวีสิน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่มีเพื่อนเป็นผู้นำประเทศซึ่งสหรัฐอเมริกาขึ้นบัญชีดำไว้
ผลการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่านายกรัฐมนตรีอาจกระทำผิดจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งหากเห็นว่าเป็นการกระทำผิดร้ายแรง สามารถส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดำเนินการถอดถอนได้
นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ได้นำเรื่องนโยบายการจำนำข้าวเข้าหารือและเห็นว่านโยบายดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหาการ "ทุจริตเชิงนโยบาย"
อย่าลืมว่า คำว่า "ทุจริตเชิงนโยบาย" เป็นคำที่สร้างความเจ็บปวดแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคไทยรักไทยมาแล้ว
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ประชุมกัน ยังได้ส่งความเห็นดังกล่าวเสนอแนะคณะรัฐมนตรีเพื่อกำกับดูแลนโยบายดังกล่าว
ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งล่อแหลมต่อสถานการณ์ทางการเมือง คือ การตัดสินให้ใบแดง นายการุณ โหสกุล หรือ "เก่ง การุณ" พ้นจากเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะหาเสียงเข้าข่ายใส่ร้ายป้ายสี
น่าสังเกตว่า เสียงการตัดสินให้ใบแดงแก่ นายการุณ โหสกุล นั้นเท่ากัน คือ 2 เสียงจาก นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. และ นายประพันธ์ นัยโกวิท เห็นว่าคำปราศรัยของนายการุณเข้าข่ายความผิดต้องให้ใบแดง ส่วนอีก 2 เสียงจาก นางสดศรี สัตยธรรม กับนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น เห็นว่าคำปราศรัยดังกล่าวเป็นการปราศรัยหาเสียงปกติ และไม่พบความผิดใดๆ ขณะที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้งอีกคนหนึ่งไม่อยู่จึงไม่ได้ลงมติ
เมื่อเสียง 2 เสียงเท่ากัน นายอภิชาตจึงต้องออกเสียงเพิ่มในฐานะประธาน ผลการพิจารณาจึงสรุปว่าให้ออกใบแดง
เหตุการณ์ต่างๆ ดังกล่าวชวนให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เกิดอาการหวาดผวา
ยิ่งเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ประกาศตั้งเวทีหลังปิดสมัยประชุมรัฐสภา เพื่อปลุกคนต่อต้านร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 พรรคเพื่อไทยจึงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว
พรรคเพื่อไทยประกาศเปิดเวที "ย้อนเกล็ด" พรรคประชาธิปัตย์ โดยจัดปราศรัยหลังพรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยไปแล้ว
ขณะเดียวกัน มวลชนคนเสื้อแดงก็เริ่มตื่นตัว ระดมกำลังทั่วหัวระแหงทยอยเดินทางเข้าร่วมฟังการปราศรัย เพราะบางคนได้ยินข่าวการปฏิวัติรัฐประหาร บางคนได้ยินข่าวการเดินหน้าถล่มรัฐบาล
จากกำหนดการตั้งเวที 3 จุดหลักกรุงเทพฯ คือ วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี และมีนบุรี ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้ขยายพื้นที่ โดยแบ่งประเทศไทยเป็น 19 โซน ส่งสมาชิกพรรคออกไปปราศรัย
ล่าสุด เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติให้ใบแดง นายการุณ โหสกุล ด้วยข้อหาใส่ร้ายป้ายสี พรรคเพื่อไทยก็ตั้งเวทีขึ้นอีก โดยประเดิมเวทีดอนเมืองซึ่งอยู่ในเขตของนายการุณเป็นที่แรก
ทั้งนี้ ในวันที่ 24 มิถุนายน แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. มีกำหนดการระดมพลคนเสื้อแดงในโอกาสที่ประชาธิปไตยไทยเดินทางมาถึงปีที่ 80 คาดว่า นปช. จากทั่วสารทิศจะทยอยเข้ามาแน่นกรุง !
เท่ากับว่าการเผชิญหน้าทางการเมืองในห้วงปิดสมัยประชุมสภาดุเดือดเข้มข้น เพราะทุกจังหวะก้าวล้วนชี้เป็นชี้ตายทางการเมืองได้ทั้งสิ้น
วันนี้พรรคเพื่อไทยและแนวร่วมคนเสื้อแดงจึงต้องระดมมวลชนแสดงพลัง ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีตั้งการ์ดสูง หยุดกิจกรรมล่อแหลมที่จะถูกร้องเรียน อันอาจนำไปสู่การยุบพรรค หรือถอดถอน หรือสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่
ทุกจังหวะก้าวของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยในยามนี้.....อันตรายอย่างยิ่ง