ประชาไท 5 มิถุนายน 2555 >>>
สมาคมประชาชนชาวซาลังงอร์-ยะโฮร์ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางการมาเลเซียจัดการกับคนที่ดูหมิ่นสุลต่าน โดยยกตัวอย่างประเทศไทยเป็นต้นแบบ ในขณะที่ก่อนหน้านี้บล็อกเกอร์ชาวมาเลย์ถูกยกฟ้องจากข้อหาโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันในอินเทอร์เน็ต
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซียรายงานว่า สมาคมประชาชนซาลังงอร์และยะโฮร์ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางการมาเลเซีย รวมทั้งตำรวจและอัยการ ดำเนินรอยตามทางการไทยในการจัดการกับผู้คนที่คิดดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์
รองประธานสมาคมดังกล่าว ดาโต๊ะ ไซเอ็ด ฮุสเซ็น อัล-ฮับชี ให้สัมภาษณ์เบอร์นามาว่า วิธีการที่เข้มงวดของทางการไทยในการบังคับใช้กฎหมายหมิ่นฯ ทำให้สถาบันกษัตริย์ไทยได้รับการพิทักษ์จากการดูหมิ่นและเหยียดหยามจากผู้คนที่ไม่รับผิดชอบ
"ทางการ (มาเลเซีย) จำเป็นต้องเข้มงวดกับฝักฝ่ายหรือบุคคลที่พูดจาดูหมิ่นเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ของเรา" เขากล่าว "ทำไมเราจะต้องผ่อนปรนกับคนพวกนี้ด้วย ?"
ทั้งนี้ เขาให้ความคิดเห็นดังกล่าว สืบเนื่องจากกรณีที่อดีตผู้ว่าการรัฐเปรัก โมฮัมหมัด นิซาร์ จามาลุดดิน แสดงความคิดเห็นผ่านทางทวิตเตอร์ก่อนหน้านี้ว่า สุลต่านแห่งยะโฮร์ใช้งบประมาณสาธารณะในทางที่ผิดในการประมูลเลขทะเบียนรถยนต์ส่วนตัว
โดยก่อนหน้านี้ เว็บไซต์เดอะมาเลเชียน อินไซเดอร์ รายงานเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ชาง หอง เกียง วิศวกรชาวมาเลเชียวัย 29 ปี ถูกตัดสินจำคุก 1 ปี และปรับ 5 หมื่นริงกิต (ราว 5 แสนบาท) ในข้อหาละเมิดการใช้เครือข่ายและบริการ ด้วยการโพสต์ข้อความที่ดูหมิ่นสุลต่านบนเว็บไซต์เมื่อ 3 ปีก่อน ภายใต้มาตรา 223 (1) ของ พ.ร.บ. การสื่อสารและมัลติมีเดียของมาเลเซีย โดยอัยการระบุว่า "ชางในฐานะที่เป็นผู้ได้รับการศึกษา ไม่ควรใช้เทคโนโลยีการสื่อสารในทางที่ผิดและดูหมิ่นผู้อื่น โดยเฉพาะต่อผู้ปกครองและผู้ที่เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประชาชน"
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 31 พ.ค. มีรายงานว่า ศาลได้ยกฟ้องบล็อกเกอร์วัย 31 ปี นายไครูล นิซาม อบู กานี ในข้อหาเดียวกัน โดยเขาถูกกล่าวหาว่าโพสต์ข้อความหมิ่นสถาบันกษัตริย์ในบล็อกของตนเองเมื่อ 3 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอัยการไม่สามารถรวบรวมหลักฐานได้เพียงพอจึงไม่สั่งฟ้อง