ทิ้งหมัดเข้ามุม
สมิงสามผลัด
ยังเป็นที่วิพากษ์กว้างขวางถึงพฤติกรรมของ ส.ส.ประชาธิปัตย์ อาละวาดกลางสภา
ภาพ นายอภิชาติ สุภาแพ่ง และนายพงษ์เวช เวชชาชีวะ บุกบัลลังก์ฉุดกระชากนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภา
ภาพเหตุการณ์ นางรังสิมา รอดรัศมี ลากเก้าอี้ประธานสภา ลงจากบัลลังก์ไปซ่อน
ภาพนาที น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรม กับ นายอรรถพร พลบุตร นำทีม ส.ส. ขว้างปาแฟ้มและหนังสือใส่ประธานสภา
ภาพตอน นายธานี เทือกสุบรรณ ใช้มือค้ำคอ ส.ส.เพื่อไทย เป็นภาพที่สังคมไม่อาจยอมรับได้ ทำลายจารีตและธรรมเนียมปฏิบัติของสภาอันทรงเกียรติ
และรับไม่ได้เข้าไปอีกเมื่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคยอมรับหน้าตาเฉยว่าเห็นดีเห็นงามกับการกระทำของลูกพรรค
บอกว่าต้องยอมเสียภาพพจน์ เพื่อขัดขวาง พ.ร.บ. ปรองดอง ไม่เหลือภาพนักการเมืองที่เคยประกาศว่าจะยึดมั่นในระบบรัฐสภาอีกเลย !?
เพราะสภาเป็นการหาทางออกด้วยการลงคะแนนตามวิถีระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่สถานที่ที่จะใช้กำลังในการตัดสินปัญหา
นักวิชาการหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมของ ปชป. ไว้น่าสนใจ
วิเคราะห์ว่าพฤติกรรมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นอาการป่วยชนิดหนึ่ง เป็นอาการแพ้เสียงข้างมาก (majority-allergy syndrome) ทำให้ค้านเลอะเทอะสะเปะสะปะ
ที่สำคัญมีการสำรวจความคิดเห็นประชาชนถึงกรณี ส.ส. ป่วนสภาโดยเอแบคโพลล์ ผลออกมาน่าสนใจ เพราะประชาชนร้อยละ 52.4 ระบุว่าควรออกมาแสดงความขอโทษประชาชน ร้อยละ 40.2 ระบุควรลาออกมีแค่ร้อยละ 7.4 ระบุไม่ต้องทำอะไร
ที่น่าเป็นห่วงคือร้อยละ 79.8 ระบุความวุ่นวายในสภาที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความล้าหลังและความเสื่อมในคุณภาพของ ส.ส. มากถึงมากที่สุด
ทั้งหมดนี้พอสะท้อนให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำป่าเถื่อนในสภา ชี้ให้เห็นถึงวิธีคิดล้าหลังดึกดำบรรพ์ ป่วยเป็นโรคแพ้เสียงข้างมาก
สุดท้าย ส.ส. 'ป่าเถื่อน-ล้าหลัง-ป่วย' ควรรับผิดชอบด้วยการลาออก
ไม่รู้ว่านายอภิสิทธิ์จะว่ายังไง !?