"วีระกานต์" ขนรูปปั้น 4 อดีต รมต. ถูกสังหาร สดุดี "นักสู้อีสาน" โวเสื้อแดงเป็นนักปรองดองตัวจริง

มติชน 2 มิถุนายน 2555 >>>


ที่ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 2 มิถุนายน นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวที การจัดงานรำลึก "ครึ่งทศวรรษ ความจริงวันนี้" โดยมีมวลชนเสื้อแดงเข้าร่วมกิจกรรมเบียดเสียดเต็มพื้นที่ร่วมหมื่นคน
ทั้งนี้ ก่อนเปิดรายการ นายวีระกานต์พูดถึงกาารต่อสู้ของคณะราษฎรในการเรียกร้องให้เกิดประชาธิปไตยในประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2475 พร้อมกันนี้ นายวีระกานต์ ยังได้นำรูปปั้น 4 อดีตรัฐมนตรี เมื่อครั้งอดีต ได้แก่ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ อดีต ส.ส.อุบลราชธานี, นายถวิล อุดล อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด, นายจำลอง ดาวเรือง อดีต ส.ส.มหาสารคาม และนายเตียง ศิริขันธ์ อดีต ส.ส.สกลนคร ผู้ได้รับฉายา "ขุนพลภูพาน" ขึ้นมากล่าวสดุดีวีรประวัติของ 4 เสืออีสานซึ่งทั้งหมดถูกสังหารสมัยรัฐบาลคณะรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2495
ทั้งนี้ นายวีระกานต์ กล่าวว่า ขอใช้โอกาสสดุดี นักสู้อีสานทั้ง 4 เป็นแกนนำขบวนการเสรีไทยร่วมกับนายปรีดี พนมยงค์ พวกเขาต่อต้านญี่ปุนสุดชีวิต กลุ่มเสรีไทยได้ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการเป็นเชลยสงครามหลังสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 รอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้น 4 นักสู้แห่งอีสานเหล่านี้เป็นบุคคลที่กำลังจะถูกลืมแต่คนเสื้อแดงไม่มีวันจะลืมได้ ทั้งนี้ตนยังไม่พูดถึงอีกหลายคน แต่ใครก็ได้ที่สู้เพื่อประชาชนจะได้รับยกย่องครั้งต่อไปของสถาบันภูพาน
นายวีระกานต์ กล่าวต่อว่า ทั้งตนเอง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ต่างล้วนเป็นคนปักษ์ใต้ แต่ทั้ง 3 คนเทิดทูนสักการะนักสู้การเมืองจากภาคอีสานด้วยความเต็มใจ ไม่ต้องการแบ่งแยกต้องการเห็นเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว มาร่วมรำลึก เคารพ สักการะ คิดถึงนักสู้เหล่านี้บนเส้นทางต่อสู้ที่ยาวไกล ขณะนี้ คิดว่า คนเสื้อแดงได้เดินทางมายาวไกลพอสมควรได้ทำหน้าที่ของความเป็นชาวไทยที่ได้ทดแทนคุณของแผ่นดินใหญ่เต็มที่และเวลานี้ก็ยังทำอยู่ และยังต้องทำความเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติอีกจำนวนมากเพื่อทำให้เห็นว่า สิ่งที่ต่อสู้ไม่ได้เกินกว่า สิทธิที่มนุษย์จะพึงมีอย่างเท่าเทียมกันเท่านั้น ไม่ได้รุกรานใคร เสื้อแดงย้ำอยู่เสมอว่า แนวทางการต่อสู้คือ สันติวิธี พร้อมบอกว่า คนเสื้อแดง คือ นักปรองดองตัวจริงของประเทศไทย
   "เรากลับมามือเปล่า ชวนนักปฏิวัติปรองดอง เอาจำนวนคนมากๆ มารวมกัน เพื่อแสดงว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการประชาธิปไตย ต้องการปรองดองเราเรียกร้องหาเสรีภาพ เขาให้กระสุนปืน เราเรียกหาควาเมสมอภาค เขาให้แก๊สน้ำตา เราเรียกหากฎหมายที่เป็นธรรมและยุติธรรรมมาตรฐานเดียวเขาให้คุกตาราง แม้กระนั้นเราก็ยังปรองดองอยู่ เดี๋ยวนี้ก็ยังปรองดองอยู่"