จำคุก 4 เดือน ปรับ 1 แสน “ เจิมศักดิ์” อดีต ส.ว. หมิ่น “ อภิพล คงชนะกุล” อดีตที่ปรึกษา ปธ.วุฒิสภา ผ่านวิทยุ กล่าวหาเรียกสินบน กทช. ให้รอลงอาญา 2 ปี
ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันที่ 26 มิ.ย. 55 เวลา 09.30 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.237/2554 ที่ นางอภิวรรณ คงชนะกุล ภรรยาของนายอภิพล คงชนะกุล อดีตที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา ซึ่งเสียชีวิตแล้ว เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภาและผู้ดำเนินรายการชื่อดัง เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 327 และ 328
คำฟ้อง ระบุว่า เมื่อวันที่ 15 และ 17 ต.ค. 53 จำเลยใส่ความนายอภิพล คงชนะกุล ผู้ตาย ซึ่งเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของโจทก์ โดยพูดออกอากาศสถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 92.25 เม็กกะเฮิร์ท ทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่าในสมัยที่นายอภิพล ผู้ตายเป็นที่ปรึกษาของนายสนิท วรปัญญา ประธานวุฒิสภา มีปัญหาเรื่องสินบนในการแต่งตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทช.) โดยจำเลยได้พูดเปิดเผยในที่ประชุมลับของวุฒิสภา ว่า ผู้ตายเป็นคนเรียกรับสินบน ชอบอ้างว่ามีความสัมพันธ์ทางการเมืองกับบุคคลต่างๆ และชอบอ้างว่าจบดอกเตอร์ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ และยังกล่าวหาว่า นายอภิพล ถูกนายสนิท ปลดออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้วย ซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะสามีโจทก์ พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีการยุบสภาฯ การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ซึ่งเป็นคู่สมรสและบุตรทั้ง 4 คน เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ทั่วราชอาณาจักร ขณะที่จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์และจำเลยแล้ว เห็นว่า ข้อความที่จำเลยพูดถึงนายอภิพล ผู้ตายว่า เป็นผู้ที่กระทำการเรียกรับสินบน กทช. จนถึงกับถูกให้ออกหรือปลดออกจากตำแหน่งที่ปรึกษา และเป็นผู้ที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับปริญญาเอก แต่แอบอ้างว่าจบการศึกษาดังกล่าว ไม่ใช่การแสดงความเห็นหรือข้อความโดยสุจริตโดยติชมด้วยความเป็นธรรม ยังรับฟังไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นความจริง ข้อความที่พูดดังกล่าวเป็นการทำให้ผู้ฟังเข้าใจว่า ผู้ตายเป็นคนไม่ดีแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบโดยเรียกสินบนหากบุคคลอื่น อันมีลักษณะเป็นการกระทำผิดกฎหมายและแอบอ้างว่าจบการศึกษาระดับปริญญาเอก เป็นบุคคลที่ไม่สมควรคบหา เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงของผู้ตายและส่งผลกระทบต่อโจทก์และครอบครัว น่าจะทำให้โจทก์ซึ่งเป็นภริยาของผู้ตายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการที่จำเลยพูดข้อความผ่านทางวิทยุกระจายเสียง โดยเผยแพร่ออกอากาศไปทั่วประเทศ นั้นเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม จำคุกจำเลย 2 กระทงๆ ละ 2 เดือน รวมจำคุก 4 เดือน และปรับ 2 กระทงๆละ 50,000 บาท รวมปรับจำนวน 1 แสนบาท แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน ดังนั้นโทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับ ให้กักขังแทนค่าปรับ โดยให้จำเลยลงโฆษณาคำพิพากษาในหนังสือพิมพ์รายวันด้วย จำนวน 2 ฉบับ เป็นเวลา 2 วัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา