เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 15 พ.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ถนนพิษณุโลก นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้เอาผิดผู้บริหารกรุงเทพมหานคร โดยมีนายวิทยา อาคมพิทักษ์ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นผู้รับมอบ เพื่อให้เอาผิดกับหม่อมราชวงศ์สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายธีรชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัดและนายอมร กิจเชวงกุลกรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที)
ในฐานะเป็นข้าราชการที่อาจมีส่วนรู้เห็นในการดำเนินการลงนามสัญญาให้บริการรถไฟฟ้าไปอีก 13 ปี มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ระหว่างบริษัทขนส่งมวลชนกรุงเทพฯจำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ลงนามในสัญญาแทนอันเป็นการจงใจหลีกเลี่ยงกฎหมาย จึงขอให้ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ, กระทำการจงใจและหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการ ในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535
นายจิรายุ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าก่อนที่ส่วนราชการกรุงเทพมหานครจะทำสัญญากับบริษัท กรุงเทพธนาคม ได้มีการแก้ไขข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครในเรื่องเกี่ยวกับการให้อำนาจผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สามารถจ้างบริษัทนี้ได้โดยวิธีกรณีพิเศษ เพื่อให้ส่วนราชการกรุงเทพมหานครสามารถทำสัญญากับบริษัท กรุงเทพธนาคม ได้โดยไม่ต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ
ขณะเดียวกัน บริษัท กรุงเทพธนาคมก็ได้ทำการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบว่าด้วย การพัสดุของบริษัทเอง เพื่อเอื้อต่อการทำสัญญากับบีทีเอสซีซึ่งการ แก้ไขกฎระเบียบดังกล่าวจะทำให้บริษัทสามารถใช้อำนาจตรงในการทำ สัญญาโดยวิธีพิเศษโดยไม่จำกัดวงเงินและเป็นอำนาจของกรรมการผู้อำนวยการเป็นผู้กำหนดการจัดการพัสดุหรือการว่าจ้างอย่างเต็มที่ว่าจะดำเนินการโดยวิธีการใด
อย่างไรก็ตาม ยังพบอีกว่ามีการแบ่งหน้าที่กันทำ และวางแผนอย่างเป็นระบบ รวมทั้งเป็นลักษณะของนิติกรรมอำพราง ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยจะยื่นเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 16 พ.ค. นี้ เวลา 13.00 น. และจะยื่นต่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแลกรุงเทพมหานคร เพื่อให้สอบสวนเรื่องนี้ด้วย ซึ่งพวกตนเชื่อว่าการต่อสัญญาให้กับบีทีเอสจะเป็นโมฆะในที่สุด
นายจิรายุ ยืนยันว่า การออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของการเมือง หรือดิสเครดิตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อหวังผลในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่กำลังจะมีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ยังเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงมาตรวจสอบเรื่องนี้เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นท่าทีของนายอภิสิทธิ์ หรือเป็นเพราะมีบุคคลนามสกุลเดียวกันกับนายอภิสิทธิ์ รวมอยู่ด้วยหรือไม่