'จตุพร' ยัน ปชป. อยู่เบื้องหน้าเผาหมู่บ้านแดง

กรุงเทพธุรกิจ 17 พฤษภาคม 2555 >>>




"จตุพร" ย้อน "สุเทพ" สมัย ปชป. เป็นรัฐบาล สั่งการ "ดีเอสไอ" ได้ใช่หรือไม่ ยัน ปชป. อยู่เบื้องหน้าเผาหมู่บ้านแดง ลุ้นศาล รธน. ชี้ขาดตัวเองพรุ่งนี้

นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.เพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่สั่งฟ้องคดีหมิ่นสถาบัน ว่า แสดงว่าสมัยรัฐบาลที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายความมั่นคง) สามารถสั่งการให้ดีเอสไอ ทำอะไรก็ได้ใช่หรือไม่ เพราะนายสุเทพ ออกมาระบุว่า รัฐบาลเปลี่ยน ดีเอสไอก็เปลี่ยน  ดีเอสไอเป็นหน่วยงานอิสระ เขาย่อมมีสิทธิ์ดำเนินการ และคดีที่กล่าวหาเรื่องสถาบัน สมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เป็นการทำเพื่อทำลายปฏิปักษ์ทางการเมือง ใช้ประโยชน์จากสถาบันเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น และผังล้มเจ้า ก็ไม่มีมูลความจริงแม้แต่น้อย ใครมีความเห็นต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยัดเยียดให้อยู่ในผังล้มเจ้า โดยหลายคดีความที่ได้รับสมัยรัฐบาลนาย อภิสิทธิ์ เป็นคดีที่มีปัญหา เพราะนายสุเทพ เร่งรัดทุกคดียกเว้นคดีของตนเอง
ทั้งนี้คดีความของนายสุเทพ ที่ยังค้างคาอยู่ ตนได้สอบถามไปทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คดีที่มีการทุจริตในการเลือก ตั้งนายกฯ อบจ.อ.สมุย จ.สุราษฎธานี ที่ศาลอุทธรณ์ มีคำวินิจฉัยให้ดำเนินคดีกับนายสุเทพ กกต. ได้ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว และเรื่องเขาแพงจะว่าอย่างไร รวมทั้งคดีการสั่งฆ่าประชาชนคืบหน้าอย่างไร แล้วแบบนี้ดีเอสไอต้องไปเชื่อนายสุเทพหรือ ต้องเชื่อในพยานหลักฐานข้อเท็จจริง

ยันประชาธิปัตย์ อยู่เบื้องหน้าเผาหมู่บ้านเสื้อแดง

นายจตุพร กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาปฏิเสธในเหตุการณ์เผาศาลาในหมู่บ้านเสื้อแดง ที่อ.จะนะ จ.สงขลา และระบุเป็นการสร้างสถานการณ์ของคนเสื้อแดง ว่า ทุกคนในพื้นที่รู้หมดว่าใครเป็นใคร เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ถือว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหน้า ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง อย่างกรณีที่มีการออกมาต่อต้านที่ จ.ภูเก็ต ตนขอท้าให้ ส.ส. ในพื้นที่พรรคประชาธิปัตย์กล้าไปสาบานต่อหน้าหลวงพ่อแช่มหรือไม่ ว่าไม่เป็นความจริง พรรคประชาธิปัตย์เดินทัพภาคใต้ และทำไมจึงขัดขวางไม่ให้คนเสื้อแดงไปอธิบายความในลักษณะคู่ขนาน คนใต้มีสิทธิรับฟัง ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้การเปิดหมู่บ้านเสื้อแดง พร้อมกับเชิญเจ้าหน้าที่ของรัฐ ก็เพื่อเกิดประโยชน์กับฝ่ายรัฐ เพราะถ้าประชาชนให้ความร่วมมือในการต่อต้านยาเสพติดรัฐก็จะได้ประโยชน์ ขณะนี้ตนรู้ว่าใครเป็นตัวการ พรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ว่าตนทราบ เพราะมีกลไกคอยรายงานสถานการณ์ตลอด
นายจตุพร กล่าวว่า ตนรู้ว่าผู้แทนในพื้นที่นำทัพอยู่ที่ระบุว่า ส.ส. ไม่ได้อยู่เบื้องหลังจริง แต่อยู่เบื้องหน้า ซึ่งตนก็ไม่โกธร แต่ที่ตนไม่ลงไปในพื้นที่ เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเกิดการปะทะ และอาจจะทำให้ประชาชนบาดเจ็บล้มตาย ส.ส. ไปยืนอยู่ตรงไหนมีตำรวจรายงานตนหมด แต่อยากถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าการที่หมู่บ้านเสื้อแดงต่อต้านยาเสพติด ต่อต้านเรื่องการซื้อเสียง และพรรคประชาธิปัตย์ไปเดือดร้อนอะไรด้วย เพราะพรรคประชาธิปัตย์อยากปราศรัยอยู่ฝ่ายเดียวคนอื่นไปปราศรัยบ้างไม่ได้ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการแบบนี้ หมายความว่า ต้องการให้พี่น้องภาคเหนือภาคอีสาน ทำแบบเดียวกันกับพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือ ตนต้องไปขอร้องพี่น้องภาคเหนือ และภาคอีสานว่าอย่าเลียนแบบพรรคประชาธิปัตย์ อยากจะให้คนภาคใต้ฟังพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงบ้างอย่าฟังแต่พรรคประชา ธิปัตย์อย่างเดียว

ลุ้นศาล รธน. ตัดสินคดีพรุ่งนี้

นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.เพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะปลดล็อกและอาจเข้ามาแย่งโควตารัฐมนตรีกับคนเสื้อแดงว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยมีโควต้า ตั้งแต่พรรคไทยรักไทยมาถึงพรรคพลังประชาชนก็ไม่เคยมี พิจารณาตามอำนาจและดุลพินิจของนายกรัฐมนตรี 
เมื่อถามว่าการกลับมาของบ้านเลขที่ 111 อาจถูกว่า เพื่อมาเอาตำแหน่งอย่างเดียว นายจตุพร กล่าวว่า  ชะตากรรม 5 ปี เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เขาไม่ควรจะได้รับ ดังนั้นเราจึงเห็นว่าเขาควรกลับมาสู่ถนนการเมือง ส่วนจะไปทำหน้าที่ใดนั้น ก็ขึ้นอยู่ที่นายกฯและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ดังนั้นต้องยินดีต้อนรับกัน อย่ามองว่าการเข้าร่วมจะต้องเข้ามาหาตำแหน่ง ให้มองว่าจะมาเติมเต็ม สร้างความแข็งแรง และจะได้ร่วมในการต่อสู้ให้บ้านเมืองนี้ได้อย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่มี ส.ส.เพื่อไทย ตั้งกลุ่มขึ้นมาต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี นายจตุพร กล่าวว่า จากการที่ดูการให้สัมภาษณ์ตนเชื่อว่าเขาไม่มีเจตนาอย่างนั้น เขามีเจตนาเพียงแค่ไว้เชื่อมประสานความเข้าใจระหว่างนักการเมืองกับคนเสื้อแดง ไม่วัตถุประสงค์ในการต่อรองภายในพรรค เมื่อถามว่าหากนายจตุพร ไม่ได้เป็นรมต.แต่บ้านเลขที่ 111 เป็นแทน คนเสื้อแดงจะเข้าใจหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ทั้งหมดเป็นอำนาจของนายกฯเราไม่มีสิทธิตีตนไปก่อนไข้หรือแสดงความอยากไหนๆ ทั้งสิ้น ซึ่งแต่คนก็ไม่รู้ชะตากรรมอย่างวันพรุ่งนี้ (18 พ.ค.) 10.30 น. ตนต้องไปฟังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็ไม่ทราบว่าผลอะไรจะเกิดขึ้น แต่ก็ทำให้รู้ว่าตนจะกำหนดเส้นทางอนาคตอย่างไร
เมื่อถามว่าแปลว่าจะไม่มีมวลชนคนเสื้อแดงออกมากดดันรัฐบาลเพื่อต่อรอง ตำแหน่ง รมต. ให้กับแกนนำใช่หรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า คนเสื้อแดงร่วมต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย ทำให้เชื่อถึงความผูกพัน ซึ่งไม่ใช่ความผูกพันในเชิงผลประโยชน์ แต่ผูกพันในเชิงอุดมการณ์ ที่รักษากันไว้ได้อย่างเหนียวแน่นทางความรู้สึก ทั้งหมดนี้เชื่อว่าคนที่มีอำนาจอย่างนายกฯ จะเข้าใจว่าเขาอยู่ได้ด้วยความรู้สึก ไม่ได้อยู่ด้วยผลประโยชน์ คนเสื้อแดงไม่ใช่ผู้เลือกตั้งของสมาชิกพรรคเพื่อไทย แต่จะเป็นคนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เป็นเรื่องที่ว่าจะคุยกันเพื่อหาทางออกกันอย่างไรใต้ร่มชายคาเดียวกัน