มาตรา 112 ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี
รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี "
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ผมรู้สึกปรี๊ดขึ้นสมองขึ้นมาทันทีพลันที่เห็นข่าวนายวิพุธ สุขประเสริฐ หรือไอแพด ร้องทุกข์กล่าวโทษนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น และคอลัมนิสต์ของเว็บไซต์ประชาไท ด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ด โดยอ้างบทความจำนวน 7 ชิ้น โดยที่ผ่านมานายวิพุธ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษผู้เขียนบทความและผู้แสดงความเห็นในเว็บไซต์ประชาไทไปแล้วทั้งสิ้น 15 ราย รวมบรรณาธิการและผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท และในกรณีนี้หลังจากร้องทุกข์แล้วยังไปโพสต์ข้อความใน เฟซบุ๊กโอ้อวดผลงานของตนเองเสียอีกด้วย
หลังจากที่สงบสติอารมณ์แล้วความคุกรุ่นยังคงดำรงอยู่ ความคิดอันชั่วร้ายเริ่มผุดขึ้นมาว่าในเมื่อการกระทำของนายวิพุธนั้นเป็นการกระทำที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศอันเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง เพราะทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทพระองค์ท่าน เข้าข่ายกระทำการอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เช่นกัน จึงสมควรที่จะต้องไปแจ้งความดำเนินคดีนายวิพุธเสียให้เข็ด
แต่เมื่อความคุกรุ่นหายไปแล้วความรู้สึกสำนึกรับผิดชอบชั่วดีเริ่มกลับคืนมาเพราะเห็นว่าการดำเนินการใดๆที่เกี่ยวข้องกับ มาตรา 112 เพื่อแก้แค้นเอาคืนกันนี้ รังแต่จะทำให้ความชั่วร้ายเผยแพร่หนักขึ้นไปยิ่งกว่าเก่า และแทนที่จะดีกลับจะตกเป็นผลร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เสียอีก ไว้ให้เป็นเรื่องของผู้ที่ถูกกล่าวหาพิจารณาแจ้งความกลับด้วยข้ออื่นที่ไม่ใช่ มาตรา 112 ดีกว่า เช่น ข้อหาแจ้งความเท็จ เป็นต้น
การใช้กฎหมายมาตรา 112 อย่างคึกคะนองเช่นนี้เป็นผลเนื่องมาจากการเปิดโอกาสให้ใครๆก็ฟ้องได้ ทำให้เป็นการเปิดช่องให้มีการใช้กฎหมายนี้ไปกลั่นแกล้งผู้อื่น ส่งผลให้คดีเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองสูง จะเห็นได้ว่าสถิติในการดำเนินคดีในปี 2553 สูงถึง 478 คดี ทั้งที่ก่อนหน้านั้นมีไม่ถึง 10 คดีต่อปี
กอปรกับความไม่สมเหตุสมผลในอัตราโทษที่รุนแรงโดยมีโทษขั้นต่ำ 3 ปี และสูงสุด15ปี ขณะที่ความผิดฐานก่อการร้ายซึ่งร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติ กฎหมายกำหนดโทษจำคุกเพียง 2 ปี ถึง 10 ปี สะท้อนถึงความไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เมื่อเปรียบเทียบการกระทำโดยวาจาตามมาตรา 112 กับ การกระทำความผิดฐานก่อการร้ายซึ่งอาจมีผลร้ายแรงถึงกับอาจสูญสิ้นความเป็นรัฐหรืออธิปไตยของรัฐได้
เมื่อพิจารณาถึงกระบวนการนำคดีขึ้นสู่ศาลจนมีคำพิพากษาออกมานั้นเล่า ผู้ต้องกล่าวหาซึ่งผิดหรือไม่ผิดยังไม่รู้(แม้ว่าตามรัฐธรรมนูญจะสันนิษฐานว่าตราบใดที่คำพิพากษายังไม่ถึงที่สุดว่ากระทำความผิด จะปฏิบัติต่อเขาเหมือนผู้กระทำความผิดมิได้ก็ตาม) ต้องเผชิญกับความยุ่งยากตั้งแต่การเตรียมตัวต้องไปพบพนักงานสอบสวนซึ่งอาจอยู่ห่างไกลออกไปเป็นร้อยเป็นพันกิโลเมตร และภาระค่าใช้จ่าย ความยุ่งยากในชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจซึ่งถูกกระทบอย่างแน่นอนสำหรับคนที่ถูกฟ้องคดี บางรายถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ฟุ้งซ่านและวิตกกังวล
เมื่อคดีถึงพนักงานสอบสวนแล้วอาจจะได้ประกันตัวหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคดีแบบนี้เป็นเผือกร้อน พนักงานสอบสวนตั้งแต่ชั้นตำรวจและพนักงานอัยการน้อยรายที่จะกล้าหาญชาญชัยสั่งไม่ฟ้อง ร้อยละเกือบทั้งร้อยต่างก็ใช้บริการส่งต่อกันไปเป็นลำดับ เหมือนกับโครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคเสียกระนั้น ยกเว้นกรณีผังล้มเจ้าที่มูลคดีอ่อนปวกเปียกจนไม่รู้จะเข็ญอย่างไรให้มีมูลพอสั่งฟ้องได้ ซึ่งก็ต้องรอดูผลการร้องเรียนดีเอสไอของคุณสุเทพต่อ ปปช. ว่าผลจะออกมาอย่างไรในกรณีนี้
เมื่อคดีถึงอำนาจการพิจารณาของศาลนอกจากกรณีคุณสนธิ ลิ้มทองกุลแล้วผมยังไม่เคยได้ยินว่าใครได้รับการประกันตัวหรือปล่อยชั่วคราวเลย บางรายจนถึงต้องกับตายในคุก เช่น กรณีอากง เป็นต้น และคงมีการตายในคุกกันต่อไปอีกเรื่อยๆ ว่าแต่จะมีข่าวหรือไม่มีข่าวเหมือนกรณีอากงเท่านั้นเอง แต่ที่แน่ๆกรณีอากงนี้ปรากฎเป็นข่าวไปทั่วโลกและในรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนขององค์กรระหว่างประเทศต่างๆเรียบร้อยแล้ว
ที่น่าเศร้าอีกอย่างหนึ่งก็คือเมื่อคดีอยู่ในชั้นการพิจารณาคดีของศาล จำเลยก็ไม่สามารถพิสูจน์ความจริงเพื่อเป็นเหตุยกเว้นโทษได้ดังเช่นกรณีทั่วไปตามมาตรา 330 ของประมวลกฎหมายอาญาที่ถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริงก็ไม่ต้องรับโทษ เว้นเสียแต่ว่าเป็นการส่วนตัวและไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ซ้ำร้ายหากศาลพิจารณาว่าจำเลยมีความผิดจริงก็ไม่สามารถได้รับการยกเว้นโทษได้ เนื่องเพราะโทษปัจจุบันได้รับการบัญญัติขึ้นใหม่โดยคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน (จริงๆก็คือคณะรัฐประหารนั่นแหล่ะ)ยกเลิกมาตรา 112 เดิม ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก7 ปี โดยไม่มีโทษขั้นต่ำ แล้วบัญญัติขึ้นมาใหม่เป็นสูงสุด 15 ปีและเป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดโทษขั้นต่ำ คือ ตั้งแต่ 3 ปีเอาไว้ด้วย ซึ่งก็หมายความว่าหากศาลเห็นว่ามีความผิดก็ต้องพิพากษาลงโทษจำคุกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะมีการกำหนดโทษขั้นต่ำเอาไว้
ผมจะไม่กล่าวถึงว่าควรหรือไม่ควรแก้ไข ควรหรือไม่ควรยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้ เพราะได้กล่าวไว้เยอะแล้ว แต่จะชี้ให้เห็นว่าผลร้ายจากการที่กฎหมายนี้เปิดโอกาสให้ใครก็ได้เป็นผู้เสียหายสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้นั้น ได้สร้างความทุกข์ ความยุ่งยาก สับสน แก่ผู้ถูกกล่าวหาและสังคมเป็นอย่างยิ่ง
ความบกพร่องของมาตรา 112 ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อผู้ที่จงรักภักดีต่อสถาบันอย่างจริงใจ การนำมาตรา 112 มาใช้กลั่นแกล้งกันย่อมเป็นเหตุให้เสียพระเกียรติยิ่งกว่าเชิดชูพระเกียรติ ผู้ที่ขาดความจงรักภักดีหรือผู้ไม่ยอมรับประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้นที่ยินดีกับข้อบกพร่องของมาตรา 112
แทนที่กฎหมายจะถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อรักษาความสงบสุขในสังคมตามหลักปรัชญาของการมีกฎหมายในสังคมมนุษย์ กลับกลายเป็นว่ากฎหมายกลายเป็นตัวสร้างความไม่สงบสุขขึ้นมาเสียเอง ด้วยเหตุแห่งความบกพร่องของตัวกฎหมายเอง และความคึกคะนองของคนบางคน ดังเช่นกรณีที่ผมได้ยกตัวอย่างมาแล้วข้างต้น
ถึงเวลาแล้วล่ะครับที่จะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะกฎหมายเกิดจากมนุษย์สร้างขึ้น เมื่อใช้ไปแล้วมีปัญหา มนุษย์เองก็ย่อมที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นหรือแม้กระทั่งยกเลิกไปเสีย หากเห็นว่ามีไว้ไม่เกิดประโยชน์อันใด รังแต่จะเป็นโทษต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์และต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ยกเลิกเสีย เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือการไม่จงรักภักดีแต่อย่างใด