"ณัฐวุฒิ" แนะจับตาประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรเคลื่อนไหวค้าน พ.ร.บ.ปรองดอง เชื่อไม่กอดคอจูบกันอีก เพราะเคยด่ากัน
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดอง ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันที่ 30 พ.ค. นี้ว่า ขอให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และหวังว่าจะไม่เกิดบรรยากาศการปีนรั้วรัฐสภาหนีขึ้นอีก พร้อมกันนี้ขอส่งสัญญาณไปถึงกลุ่มคนเสื้อแดงสงบอดทนอดกลั้น ติดตามข่าวสารอยู่ในที่ตั้งก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นการพิจารณาของสภา โดย ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งอยู่ภายใต้กติกาที่ถูกต้อง ทั้งนี้จับตาการจับมือกันของพรรคประชาธิปัตย์และกลุ่มพันธมิตรฯเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้าน พรบ.ปรองดอง ซึ่งไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เพราะพันธมิตรเคยด่าพรรคประชาธิปัตย์แบบสาดเสียเทเสียไม่น่าจะมากอดคอจูบปากกันอีก
ส่วนการจะทบทวนการเดินหน้า พ.ร.บ.ปรองดอง หรือไม่นั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง แต่ตนยืนยันว่าที่กำลังดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย ยังไม่เห็นความชอบธรรมใดเลยในกระบวนการนี้ ดังนั้นกระบวนการรัฐสภาควรจะเข้มแข็งมั่นคงเดินไปข้างหน้า ไม่เช่นนั้นจะพาประเทศออกจากวิกฤติไม่ได้ เพราะซ้ายก็ต้าน ขวาก็ต้าน เดินหน้าไม่ได้ ถอยหลังก็หกล้ม ดังนั้นคนที่เป็นตัวแทนของประชาชนต้องแสดงความมั่นคงในการเดินหน้า ทั้งนี้เมื่อปี 2549 มีการปฏิวัติก็อ้างสารพัดว่าทำเพื่อประเทศชาติเพื่อประชาชนทั้งที่เป็นการทำนอกกติกาและอัปยศต่อระบอบประชาธิปไตย และวันนี้สิ่งที่กล่าวอ้างกันก็ไม่เป็นผลดีต่อประเทศเลยมีแต่ขัดแย้งขยายตัวมากขึ้น
ทั้งนี้ นายณัฐวุฒิ ล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ของคนเสื้อแดงที่ยื่นต่อสภาว่า ชัดเจนว่าทุกคดีความต้องเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรมหรือการยกเว้นการดำเนินคดีซึ่งเราเห็นด้วย แต่การกระทำที่เป็นการก่อการร้ายถึงแก่ชีวิตก็อยากให้เดินหน้ากระบวนการยุติธรรมต่อไป แต่ต้องเข้าใจว่า กฎหมายฉบับนี้ไม่ใช่ยาวิเศษที่บังคับใช้แล้วบ้านเมืองจะสงบสุข แต่นี่คือส่วนหนึ่งที่ต้องนำมาประกอบกัน ทั้งร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน และกระบวนการยุติธรรมอำนวยให้กับผู้ที่สูญเสีย ซึ่งตนคิดว่านี่คือสามก้อนเส้าที่ค้ำยันประเทศไทยให้คืนสู่สันติสุขได้และยืนยันว่าไม่ได้เอื้อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯแค่คนเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากมีความขัดแย้งรุนแรงจะมีการชะลอการพิจารณา พ.ร.บ.ปรองดองหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้มีคนเปิดเผยว่าจะต่อต้านคัดค้านในการสร้างความปรองดองเพราะถ้าปรองดองแล้วจะเสียสถานะและโอกาสทางการเมือง หากมีเจตนาเช่นนี้เราคงหวั่นไหวไม่ได้ เพราะอะไรที่จะรักษาโรคภัยไข้เจ็บของประเทศให้หายขาดมันอาจจะต้องใช้วิธีการผ่าตัดที่อาจจะเจ็บป่วยและต้องพักฟื้นก็จะหาย แต่ถ้าเรากลัว ไม่กล้านำพาประเทศเดินไปข้างหน้าก็จะมืดมนไม่ทางออก และผลเสียหายจะร้ายแรงกว่าที่เป็นอยู่หลายเท่า
