กรุงเทพธุรกิจ 28 พฤษภาคม 2555 >>>
"พล.อ.สนธิ" ระบุร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หวังเป็นถนนสู่ปรองดอง แต่ไม่ใช่สูตรสำเร็จปรองดอง ปฏิเสธรับงานใคร หวังบ้านเมืองเกิดความสงบ
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ต่อประเด็นการเสนอร่างพระราชบัญญัติปรองดองแห่งชาติ พ.ศ..... (พ.ร.บ.ปรองดอง) เป็นครั้งแรก หลังจากที่เก็บตัวเงียบตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค. ซึ่งเป็นวันเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสภา ว่าร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เป็นเพียงถนนเส้นหนึ่งที่จะเดินทางไปสู่ที่หมายของการปรองดอง ซึ่งไม่ใช้เรื่องการปรองดองโดยสมบูรณ์ ดังนั้นเราต้องหยิบกฎหมายตัวนี้มา ทำให้แนวทางการนำไปสู่ความปรองดองให้เกิดได้จริง ต้องว่ากันอีกที หลายเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลักการของร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เป็นการนิรโทษกรรมมากกว่าแนวทางที่นำไปสู่ความปรองดอง พล.อ.สนธิ กล่าวว่า ในอดีตเคยมีนโยบาย 66/23 ดังนั้นปัจจุบันต้องให้อภัยกัน และทำอย่างไร เพื่อให้เกิดการปรองดอง ประเด็นนี้เป็นเพียงหลักคิด ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยคนๆ เดียวทำอะไรไม่ได้จำไว้
ต่อข้อถามที่ว่าขณะนี้ ส.ส.ชาติไทยพัฒนา หลายคนยังงงว่ามีลายมือชื่อร่วมสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ได้อย่างไร พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "มีเพียงท่านเดียวมั้งครับ" ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่ามีส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา 2-3 คนออกมาให้ข่าว พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ผมไม่ทราบเหมือนกัน บางทีเซ็นต์มาก็จำไม่ได้ อ่านไม่ออก"
เมื่อถามย้ำว่า ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ จริงหรือไม่ พล.อ.สนธิ กล่าวว่า "ไว้พรุ่งนี้คุยกันอีกที พรุ่งนี้จะมีชี้แจง"
ถามว่ามีบางฝ่ายว่าท่านไปรับงานมา พล.อ.สนธิ หัวเราะก่อนตอบว่า "ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับผม"
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองอย่างไรในฐานะที่เคยเป็นประธาน คมช. แล้วก็เขียนร่างกฎหมายที่ลบล้างการดำเนินงานของ คมช. เหมือนเขียนด้วยมือ ลบด้วยเท้า พล.อ.สนธิ กล่าวว่า"อย่าไปพูดอย่างนั้นนะครับ เราเจตนาดี เมื่อสถานการณ์วิกฤตตอนนั้น วันนั้น เห็นอยู่ว่าเป็นวิกฤตของบ้านเมือง และวันนี้ถามว่ามีใครกล้าที่จะมาทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยหรือไม่ ปัญหาคือ เราต้องการนำคนกล้าที่จะมาทำงานเพื่อบ้านเมืองให้เกิดความสงบและปรองดอง ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ ดังนั้นตัวผมเองที่เข้ามาทำ ถามว่ามีความสุขเหรอ ถามว่าผมอยากได้อะไรหรือไม่ ไม่ต้องการได้อะไร แต่ต้องการเห็นบ้านเมืองมีความสงบ และรักกันเท่านั้นเอง ทุกอย่างผมมีหมดแล้ว ณ วันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกียรติภูมิ และศักดิ์ศรี ที่มีมากกว่าไปรับจ็อบใดๆ