นักปรัชญาชายขอบ: ทักษิณกับคนเสื้อแดงใน “สถานการณ์ปรองดอง”

ประชาไท 27 พฤษภาคม 2555 >>>


ถามว่า ทักษิณกับเสื้อแดงคือเนื้อเดียวกันหรือไม่ ? แน่นอนว่าเสื้อแดงระดับชาวบ้านส่วนใหญ่รักทักษิณ แต่เสื้อแดงก็มีหลายเฉด บางส่วนอาจเฉยๆ กับคุณทักษิณ ถือว่าคุณทักษิณคือเสื้อแดงคนหนึ่ง บางส่วนอาจวิจารณ์ด้านลบคุณทักษิณ แต่โดยรวมๆ เสื้อแดงทั้งหมดมี “อุดมการณ์ร่วม” เดียวกันคือ ไม่เอารัฐประหารต้องการประชาธิปไตย และความยุติธรรม 
แม้แต่เสื้อแดงส่วนใหญ่ระดับชาวบ้านที่รักทักษิณ สู้เพื่อให้ทักษิณกลับมา ในแง่จริยธรรมทางการเมืองแล้วพวกเขาไม่เอารัฐประหาร ต้องการประชาธิปไตย และความยุติธรรม นี่คือข้อแตกต่างอย่างสำคัญของมาตรฐานศีลธรรมทางการเมืองของเสื้อแดงระดับชาวบ้านกับเสื้อเหลืองที่เป็นชนชั้นกลางในเมือง 
กล่าวคือ สำหรับเสื้อแดงระดับชาวบ้านพวกเขาพอจะรับได้กับการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่เสียภาษี แต่รับไม่ได้กับรัฐประหาร และการที่คณะรัฐประหารตั้ง คสต.เอาผิดคุณทักษิณ ขณะที่เสื้อเหลืองชนชั้นกลางในเมืองส่วนใหญ่รับไม่ได้รับการขายหุ้นไม่เสียภาษี แต่รับได้กับรัฐประหารและกระบวนการเอาผิดโดยรัฐประหาร 
ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง เสื้อแดงระดับชาวบ้านถูกกล่าวหาว่าถูกทักษิณซื้อด้วยเงิน และถูกทักษิณหลอกใช้เป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมือง แต่น่าสนใจว่าเสื้อแดงระดับชาวบ้านตั้งคำถามกับรัฐประหารและพูดถึง “ความจริงเบื้องหลัง” รัฐประหารกันอย่างแพร่หลาย การเกิดหมู่บ้านเสื้อแดงสะท้อนความคิดที่เป็นตัวของตัวเอง ต้องการมีอำนาจต่อรองทางการเมือง ต้องการประชาธิปไตยที่ประชาชนเลือกและกำกับผู้แทนของตนเองได้มากขึ้น แสดงออกถึงความไม่ยอมรับเมื่อกองทัพ หรืออำมาตย์พยายามเข้ามากำกับรัฐบาลที่พวกเขาเลือก 
ซึ่งหมายความว่า ขณะที่เสื้อแดงชาวบ้านธรรมดาตื่นจากการครอบงำกำกับของระบบอำมาตย์ ต้องการประชาธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง เสื้อเหลืองระดับชนชั้นกลางในเมืองที่ดูถูกว่าชาวบ้านโง่ ยังคงหลับใหลอยู่ภายใต้การครอบงำกำกับของระบบนี้ต่อไป 
คำอธิบายที่ว่า “สำหรับชาวบ้านธรรมดาๆ สนใจปัญหาหนี้สิน ปากท้องมากกว่าเสรีภาพ และประชาธิปไตย แต่ชนชั้นกลางในเมืองที่ประกอบด้วยสื่อ นักวิชาการ และอื่นๆ สนใจปัญหาเรื่องเสรีภาพในการแสดงออกมากกว่า” จึงอาจไม่จริงเสมอไป เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้วใครกันครับที่ขัดขวางการแก้ไข ม.112 มากกว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็หาเสียงกับชนชั้นกลางในเมืองด้วยการคัดค้านการแก้ ม.112 อ้างเรื่องปกป้องสถาบัน สื่อมวลชน นักวิชาการจำนวนไม่น้อยก็ออกมาคัดค้านเรื่องนี้ 
ฉะนั้น ที่ว่าชนชั้นกลางในเมืองให้ความสำคัญกับเสรีภาพอาจไม่จริงเสมอไป ดีไม่ดีผู้ที่ลงชื่อสนับสนุน ครก.112 อาจเป็นเสื้อแดงระดับชาวบ้านเป็นส่วนใหญ่ก็เป็นได้ 
ส่วนเสื้อแดงอีกส่วนหนึ่งที่เรียกกันว่า “แดงก้าวหน้า” นั้น แม้อาจไม่ได้รักทักษิณ ไม่ได้สู้เพื่อทักษิณ หรือแม้กระทั่งวิจารณ์ด้านลบของทักษิณ แต่น่าเชื่อได้ว่าแทบทั้งหมดเห็นใจคุณทักษิณที่ถูกทำรัฐประหาร ถูกกลั่นแกล้ง ไล่ล่า ไม่ได้รับความยุติธรรมต่างๆ และแทบทั้งหมดต่าง defend คุณทักษิณในเรื่องที่ถูกทำรัฐประหารและถูกเอาผิดโดยกระบวนการรัฐประหาร 
แต่จุดยืนของแดงก้าวหน้าคือการปฏิเสธรัฐประหาร ต้องการประชาธิปไตยที่มีเสรีภาพ ความเสมอภาค และความยุติธรรม รูปธรรมของการยืนยันดังกล่าวนี้คือ การเสนอให้แก้ไข-ยกเลิก ม.112 การเสนอลบล้างผลพวงรัฐประหาร เป็นต้น 
ข้อเสนอเรื่องลบล้างผลพวกรัฐประหารถูกวิจารณ์ว่าเป็นประโยชน์แก่คุณทักษิณ แต่ประเด็นมันอยู่ที่ “ความถูกต้อง” ถ้าการปฏิเสธรัฐประหาร ยืนยันหลักการประชาธิปไตย และความยุติธรรมคือความถูกต้อง แม้ปฏิเสธหรือยืนยันไปแล้วใครจะได้หรือเสียประโยชน์ก็ต้องยืนยัน 
ฉะนั้น เมื่อจุดยืนของแดงก้าวหน้าเป็นอย่างนี้ ต่อให้เรื่องที่คุณทักษิณ แกนนำ นปช. รัฐบาลเพื่อไทยเห็นว่าเป็นปัญหาต่อการปรองดอง เช่น การเรียกร้องให้ยกเลิก-แก้ไข ม.112 การเรียกร้องให้รัฐบาลยอมรับความเป็นจริงว่านักโทษคดี 112 คือ “นักโทษการเมือง” ควรได้รับการปฏิบัติเยี่ยงนักโทษการเมือง การเสนอให้ออกกฎหมายนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองที่เป็นเสื้อแดงระดับชาวบ้านธรรมดาๆ และนักโทษ 112 การเรียกร้องให้เยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต การเรียกร้องให้เปิดเผยความจริงกรณีการสังหารหมู่ประชาชน ความจริงเบื้องหลังรัฐประหาร ให้นำตัวนักการเมืองและนายทหารระดับบัญชาการมาลงโทษ ฯลฯ ก็ล้วนจำเป็นต้องเรียกร้อง 
ความจริงแล้ว “จุดร่วม” ระหว่างเสื้อแดงชาวบ้านธรรมดาและเสื้อแดงก้าวหน้า ทักษิณ แกนนำ นปช. และ รัฐบาลเพื่อไทย คือ “ไม่เอารัฐประหาร ต้องการประชาธิปไตยและความยุติธรรม” อาจเรียกว่านี่คือ “อุดมการณ์ร่วม” ที่เป็นแกนหลักในการต่อสู้ของคนเสื้อแดงโดยรวม หากทุกฝ่ายยังมั่นคงในจุดร่วมหรืออุดมการณ์ร่วมเดียวกัน การต่อสู้ในแต่ละด้านของแต่ละฝ่ายย่อมเอื้อต่อความสำเร็จของกันและกัน เพราะความสำเร็จของทุกฝ่ายย่อมหมายถึงการปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างที่ป้องกันไม่ให้รัฐประหารเกิดได้อีก สังคมเป็นประชาธิปไตย และมีความยุติธรรมมากขึ้น 
แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมุ่งไปสู่ความสำเร็จเฉพาะของตนเองหรือลุ่มตนเอง โดยที่ความสำเร็จนั้นไม่เอื้อหรือเป็นอุปสรรคต่อการปรับเปลี่ยนระบบโครงสร้างที่จะทำให้สังคมเป็นประชาธิปไตย และมีความยุติธรรมมากขึ้น ก็เหมือนกับฝ่ายนั้นกำลังถอยห่างออกไปจากจุดร่วมหรืออุดมการณ์ร่วม ก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา 
ผมคิดว่าคุณทักษิณ แกนนำ นปช.รัฐบาลเพื่อไทย เหนื่อยหนักและเจ็บปวดกับการต่อสู้ที่ยาวนาน และทุกคนก็รู้ดีว่า “ความยาก” ของปัญหามันคืออะไร อยู่ตรงไหน อย่างไร แต่เราต้องไม่ลืมความเป็นจริงที่เป็นไปได้ว่า การยึดจุดร่วมหรืออุดมการณ์ร่วมอย่างแน่วแน่มั่นคงเท่านั้น ความสำเร็จของทุกฝ่ายจึงอาจเป็นไปได้ 
ซึ่งหมายความว่า ถ้าการปรองดองไม่ตอบโจทย์เรื่องการเปิดเผยความจริง ความยุติธรรม ความเป็นประชาธิปไตย ไม่เยียวยาผู้บาดเจ็บล้มตาย ไม่ปล่อยนักโทษการเมืองระดับชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ปล่อยนักโทษ ม.112 และไม่นำคนผิดมาลงโทษ การปรองดองนั้นก็ไม่สอดคล้องกับจุดร่วมหรืออุดมการณ์ร่วม ซึ่งเท่ากับการต่อสู้และความตายของทุกฝ่ายล้วนสูญเปล่า เพราะไม่มีคำตอบเรื่องป้องกันรัฐประหารในอนาคต ไม่ได้ช่วยให้สังคมเป็นประชาธิปไตย และมีความยุติธรรมมากขึ้นเลย 
ประเทศไทยไม่มีทางเดินหน้าด้านเศรษฐกิจหรือด้านใดๆ ได้อย่างมั่นคง ถ้าไม่สามารถเดินหน้าเชิงระบบโครงสร้างความเป็นประชาธิปไตยและความยุติธรรม การต่อสู้และการสูญเสียที่ผ่านมาจะเป็นเรื่อง “ปัญญาอ่อน” แน่นอน ถ้ามันจบลงแค่ให้ทุกฝ่ายลืมอดีต ย้อนกลับไปเป็นเหมือนก่อน 19 กันยา เสมือนว่าไม่มี 92 ศพ ไม่มีคนตายในคุกเพราะ ม.112 ไม่ต้องมีใครรับผิดชอบ ไม่ต้องปรับแก้กฎหมายที่ไม่เป็นประชาธิปไตย สถานะ อำนาจ บทบาทของสถาบันกษัตริย์และกองทัพที่ง่ายต่อการถูกอ้างอิงทำรัฐประหารก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม โดยไม่มีการปฏิรูปใดๆ 
ผมมองว่า การโฟนอินของคุณทักษิณ และ “สถานการณ์ปรองดอง” เป็นการเดินทางมาถึงจุดที่ท้าทายคุณทักษิณ แกนนำ นปช.และรัฐบาลเพื่อไทยอย่างยิ่งว่า ยังดำรงมั่นในจุดร่วมหรืออุดมการณ์ร่วมเดียวกันกับคนเสื้อแดงทุกเฉดอยู่หรือไม่ 
อย่าลืมว่าเสียงที่ตั้งคำถาม ทักท้วง วิพากษ์วิจารณ์ คือเสียงที่อยู่บนจุดร่วม อุดมการณ์ร่วมที่ทุกฝ่ายต่างมีร่วมกันมาก่อน ที่สำคัญเป็นเสียงจากเสื้อแดงที่สูญเสียลูก สามี ญาติมิตรไปกับการต่อสู้ เสียงจากคนที่อยู่ในคุกและญาติมิตรของพวกเขา เสียงจากสื่อ นักวิชาการ ปัญญาชนฝ่ายก้าวหน้า 
อย่าลืมอดีตว่าช่วง “ขาลง” ของรัฐบาลทักษิณ นักวิชาการฝ่ายตรงข้ามถูกประเมินเพียงเป็น “ขาประจำ” แต่ก็มีพิษสงอยู่มาก แดงก้าวหน้าที่ defend คุณทักษิณจากรัฐประหารและกระบวนการที่ไม่ยุติธรรม คือฝ่ายที่มีพลังในการสื่อสารกับสังคมในเรื่องจุดร่วม อุดมการณ์ร่วมที่ปฏิเสธรัฐประหาร ยืนยันประชาธิปไตยและความยุติธรรม ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะประเมินพวกเขาเสมือนเป็น “ขาประจำ” 
และไม่ควรที่จะเรียกร้องให้พวกเขาเอาปัญหามา “พูดกันเป็นการภายใน” เพราะปัญหาที่พวกเขาเรียกร้องล้วนแต่เป็น “ประเด็นสาธารณะ” เช่น การแก้ไข-ยกเลิก ม.112 การปล่อยนักโทษการเมือง นักโทษ ม.112 การเปิดเผยความจริงและเอาคนผิดมาลงโทษ ฯลฯ 
ข้อเรียกร้องเหล่านี้คือการยืนยันอุดมการณ์ร่วมที่ไม่ต้องการให้รัฐประหารเกิดขึ้นอีก ต้องการให้สังคมเป็นประชาธิปไตยและยุติธรรมมากขึ้น มันจึงเป็นข้อเรียกร้องที่กดดันทั้งอำมาตย์และ คุณทักษิณ รัฐบาลเพื่อไทย แกนนำ นปช. (ที่ประกาศอุดมการณ์นี้มาก่อน) และแน่นอนว่าย่อมเป็นข้อเรียกร้องที่หยุดไม่ได้จนกว่าจะสำเร็จ !