ธาริตพูดเป็นนัยรัฐบาลมาร์คใช้ผังล้มเจ้าทำให้เกมโอเวอร์

Nation Channel 25 พฤษภาคม 2555 >>>


ธาริตพูดเป็นนัยรัฐบาลมาร์คใช้ผังล้มเจ้าทำให้เกมโอเวอร์ โดดป้องตู่ไม่ได้ละเมิดสถาบัน แค่ต้องการต่อว่ารัฐบาล

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ถึงคดีผังล้มเจ้าว่าไม่ได้ยุติแต่เป็นแค่การระงับไว้ก่อน แต่หากมีหลักฐานเพิ่มเติมก็สามารถนำกลับขึ้นมาพิจารณาได้ ทั้งนี้คดีดังกล่าวเกิดจาก ปี 2553 คนไทย สองกลุ่มทะเลาะกันอย่างรุนแรง ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลขณะนั้นว่าต้องทำให้การฆ่ากันหยุดโดยเร็ว การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังตนเห็นด้วย และภาคภูมิใจในเป็นฝ่ายปฏิบัติให้ผู้มีอำนาจ เหมาะสมกับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น เรื่องผังล้มเจ้าก็ปรากฏขึ้น ตน ไม่อยากใช้คำว่าเป็นยุทธวิธีส่วนหนึ่งทำให้เกมโอเวอร์ ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขณะนั้นก็อยู่ใน ศอฉ. รวมทั้งเป็นคณะกรรมการคดีพิเศษก็ได้เสนอให้เป็นคดีพิเศษ ตนรู้สึกว่าเมื่อฝ่ายความมั่นคงได้บอกว่าได้ช่วยกันทำชาร์ทผังล้มเจ้า เราก็รู้สึกว่าไม่สบายใจ ถ้ามีขบวนการที่จะล้มเจ้าก็เป็นเรื่องที่หน่วยบังคับใช้กฎหมายต้องดำเนินคดี
นายธาริตกล่าวถึงเหตุผลทำไมจึงงดการสืบสวนว่า ในผังมี 29 รายชื่อเราสอบสวนร่วมกับอัยการ เราทำงานรูปคณะกรรมการสอบสวนและร่วมกันทำเรื่องนี้มา ใน 39 รายชื่อมีบางรายชื่อที่เข้าข่ายกระทำการล่วงละเมิดตาม ม.112 เราก็แยกเป็นรายคน ซึ่งทั้งสั่งฟ้อง อัยการเห็นด้วย บางคนสารภาพ ศาลลงโทษ บางคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลและอัยการ ที่บอกว่าเลิกเป็นศูนย์ไม่ใช่ เราดำเนินการเป็นส่วนๆ แต่อีกส่วนของผังล้มเจ้า การกระทำของ 19 คนที่เป็นขบวนการเดียวกัน เราสอบมาสองปีเศษแล้ว พนักงานสอบสวนเชื่อแต่แรกว่ามีที่มาที่ไปแต่พอสอบเข้าก็ไม่มีใครยอมรับว่าใครเป็นคนทำ หรือมีวิธีคิดอย่างไร ทำเป็นขบวนการอย่างนั้นอีกทั้งหน่วยที่ทำก็ไม่มีใครยอมรับ ทุกคนปฏิเสธว่าไม่มีส่วนร่วมในการทำผัง พอทำหนังสือเราก็ทำหนังสือถึง ผอ.ศอฉ. ซึ่งก็คือนายสุเทพในขณะนั้น แต่นายสุเทพก็ไม่ตอบ และไม่มีข้อเท็จจริงว่าใครเป็นคนทำ ขณะพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ก็บอกว่าเป็นคนกลางอีกที เมื่อถามว่าใครทำ พ.อ.สรรเสริญ ก็บอกว่าเป็นฝ่ายความมั่นคง ทั้งนี้ผังล้มเจ้าไม่เคยนำเข้าที่ประชุม ศอฉ. เรื่องดังกล่าว พ.อ.สรรเสริญ เป็นผู้นำไปเปิดเผยต่อสาธารณชน แต่เมื่อถามท่านท่านก็ไม่แน่ใจว่าใครทำ
   "เรื่องผังล้มเจ้า ในการข่าวมีหรือไม่ผมไม่เถียง แต่ถ้าจะให้เขาติดคุกติดตะรางก็ต้องทำให้สิ้นสงสัย" นายธาริต กล่าว
เมื่อถามว่า ครั้งนั้่นใช้ ม.112 เป็นมาตรการในทำให้เกมส์โอเวอร์ เป็นเหตุให้ตอนนี้เกิดความสับสนเรื่องการใช้ ม. 112 หรือไม่ นายธาริตกล่าวว่า ดีเอสไอเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐ กติกากำหนดว่า ฝ่ายบริหารเป็นฝ่ายรัฐบาล ข้าราชการประจำเป็นฝ่ายปฏิบัติ ในปี 2553 มีนโยบายใช้กฎหมายอย่างจริงจังให้มันจบ เมื่อสถานการณ์เลิก รัฐบาลนี้ใช้มาตรการเรื่องปรองดอง ก็ต้องให้ส่วนราชการปฏิบัติ ซึ่งมีกฎหมายบัญญัติว่าให้ข้าราชการพลเรือนต้องปฏิบัติตามนโยบายราชการ แล้วจะถูกประณามว่าเปลี่ยนสี ก็กติกาเป็นอย่างนี้แล้วจะให้ทำอย่างไร ตนไม่สบายใจมากว่าเมื่อสังคมยังแตกแยก ดีเอสไอรับผิดชอบงานคดีด้านนี้ ฉะนั้นจะมีความเห็นอย่างไรต้องมีทั้งคนถูกใจและไม่ถูกใจ
ส่วนคดีหมิ่นเบื้องสูงของนายจตุพรนั้น นายธาริตกล่าวว่า เมื่อได้ฟังครั้งแรกก็รับไม่ได้ เมื่อมาร้องเราก็ต้องรับ ขณะนั้นตนก็แว้บขึ้นมาว่าใครมาพูดอย่างนี้น่าจะเข้าข่ายผิด จึงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและสอบสวน แต่พนักงานสอบสวนก็ใช้พยานกลาง คือนักภาษาศาสตร์ อีกกลุ่มคือนักสื่อสารมวลชน และ มวลชนที่ฟัง เมื่อมาประมวลบอกว่าต้องฟังให้ครบทั้ง ซึ่งสรุปว่า เขาพูดในบริบทที่ต่อว่าผู้นำประเทศในขณะนั้น การพูดอย่างนี้ตนว่าไม่ได้ล่วงละเมิดสถาบัน เขาพุ่งเป้าไปที่คนอื่นไม่ใช่สถาบัน ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อน