จตุพร พรหมพันธุ์ เสื้อแดงกับบทเรียนรัฐบาล

ข่าวสด 1 พฤษภาคม 2555 >>>




นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง เปิดใจกับ 'ข่าวสด' ถึงคดีที่ยังค้างอยู่ รวมถึงคดีการสิ้นสถานภาพ ส.ส. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 18 พ.ค. นี้
ตลอดจนเสียงวิจารณ์ว่าคนเสื้อแดงเลิกให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยโดยสะท้อนผ่านการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. และนายก อบจ.ปทุมธานี

ตอนนี้คดีที่มีค้างอยู่กี่คดี

มีเยอะมาก ทั้งหมดเป็นผลพวงการต่อสู้จากการรัฐ ประหารปี 2549 เป็นต้นมา รวมกว่า 40 คดี อยู่ในชั้นกระบวนการยุติธรรมเป็นส่วนใหญ่ ก็ต่อสู้ตามกระบวน การทุกอย่าง
ไม่มีคดีที่เป็นเรื่องส่วนตัว แต่มาจากการต่อสู้ทางการเมืองทั้งสิ้น รวมถึงคดีที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัยวันที่ 18 พ.ค. นี้ ซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับสถานภาพ ส.ส. เป็นผลพวงจากการถูกจับกุมคุมขังในคดีที่ถูกถอนประกันคือคดีก่อการร้าย แต่เวลาอธิบายความเข้าใจว่าเป็นคดีความในอีกคดีหนึ่ง
เราตั้งใจว่าจะขอแถลงเปิดคดีในศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลไม่อนุญาตแล้ว แต่เหตุผลที่คิดในเวลานั้น ตั้งใจจะลำดับความตั้งแต่ต้นว่าในแต่ละกระบวนการนั้นไม่มีความยุติธรรมอย่างไรบ้าง
ตั้งแต่การถอนประกันเป็นคนละเรื่องกับเงื่อนไขประกัน รวมถึงการทำหน้าที่ของ กกต. จนมาสู่ศาลรัฐ ธรรมนูญ ซึ่งประธานศาลรัฐธรรมนูญเองก็ยอมรับว่ากรณีของผมเป็นรายแรกของประเทศ
ฉะนั้น ถ้าถูกถอนประกันแล้วจะต้องทำให้สิ้นสถาน ภาพ ก่อนหน้านี้ทำไมไม่ปฏิบัติอย่างเดียวกัน ตอนนาย ก่อแก้ว พิกุลทองก็ไม่ดำเนินการอะไร
คดีอยู่ในศาล รธน. เพราะจำเลยชื่อจตุพร ถูกล็อกเป้ามาตั้งแต่ว่าถูกขังแล้วจะทำให้เป็น ส.ส. ไม่ได้ จะเห็นว่ารับรองผมคนที่ 500 ดังนั้น เมื่อไม่สะเด็ดน้ำก็ต้องมาแขวนเป็นรายแรก
ส่วนคดีหมิ่นฯ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 ครบรอบปี ซึ่งคดีนี้ในเวลานั้นดูเหมือนจะเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าการไปแจ้งความของผู้ไปแจ้งความนั้นมีการตัดต่อเทป ถอดเทปแล้วทำเครื่องหมายคำพูดแล้วไปตัดต่อเพราะถ้าถอดฉบับเต็ม จะพบเลยว่าไม่มีข้อความใดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ถ้อยคำที่เป็นปัญหา ก็พูดในลักษณะปกป้องสถาบันว่าอีกฝ่ายหนึ่งจงใจเจตนาให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบัน ซึ่งผมได้ถอดเทปส่งดีเอสไอ และเคยส่งให้ศาลในช่วงไม่ให้การประกันตัวในขณะนั้นว่าบริบทฉบับเต็มเป็นอย่างนี้
เมื่อดีเอสไอเห็นว่าคดีนี้เป็นการแจ้งความเพื่อประสงค์ร้าย มีการตัดต่อ เขาก็มีคำสั่งไม่ฟ้องแล้วส่งให้อัยการ ตอนนี้รออัยการพิจารณาว่าจะเห็นพ้องหรือไม่ ซึ่งมีกระบวน การอยู่
ผมเชื่อว่าถ้าอัยการดูฉบับเต็มจะรู้ว่าไม่มีถ้อยคำตามที่อธิบายกัน ในยูทูบก็ไปตัดต่อ กลายเป็นการกล่าวหาให้ร้าย

ถ้าเกิดตัดสินให้พ้นจาก ส.ส. คดีอื่นจะตามมาหรือไม่

คดีก็มีอยู่ตามปกติแต่จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองเพราะไม่ได้เป็น ส.ส. คดีก็จะไปเร็ว ส่วนเรื่องการถอนประกันนั้น อยู่ที่ว่าเราทำผิดเงื่อนไขการประกันตัวอีกหรือไม่

คนเสื้อแดงมีปัญหาแตกแยกกับพรรคเพื่อไทย

ในระหว่างคนเสื้อแดงด้วยกันคือ นปช. กับคนเสื้อแดงทั้งประเทศ เราบริหารด้วยความรู้สึกอย่างเดียว ไม่มีเรื่องตำแหน่ง ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ เป็นการบริหารแบบจิตอาสาเพื่อให้คนมีอารมณ์ความรู้สึกร่วม ประชาชนที่มาสู้เขาออกเงินเอง ออกชีวิตเอง ออกอิสรภาพเอง

สิ่งที่จะรักษากระบวนการนี้เดินไปได้คือการรักษาความรู้สึก บริหารความรู้สึก นี่คือระหว่างเสื้อแดงกันเอง
ระหว่างเสื้อแดงกับพรรคเพื่อไทยก็เช่นเดียวกันต้องบริหารความรู้สึก ผมเคยพูดในพรรคว่าเสื้อแดงไม่ใช่ของตายของพรรคเพื่อไทยที่จะทำอะไรก็ได้ เพราะเสื้อแดงสู้ด้วยความรู้สึก เขาเป็นนักประชาธิป ไตย ถ้านักการเมืองคนใดปรับตัวให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ นักการเมืองคนนั้นจะตกขบวน จงคิดว่าเขาเป็นผู้ร่วมต่อสู้ ตรงข้ามกับคำว่าผู้เลือกตั้งกับนักเลือกตั้ง เขาไม่ใช่หัวคะแนน

ดังนั้น ต้องบริหารตามความรู้สึก เพราะคนเสื้อแดงมีความคิดมีความหวัง

ถ้าคนเสื้อแดงเสียความรู้สึก จะนำมาซึ่งความล่มสลาย เพราะเราไม่มีผลประโยชน์อื่นใดที่เป็นเครื่องรักษาความกลมเกลียวความเหนียวแน่น มีแต่จุดยืน อุดมการณ์อย่างเดียว
ผมเคยบอกแกนนำ นปช. ว่าแกนนำคือเรื่องสมมติ ถ้าวันหนึ่งแกนนำทรยศต่ออุดมการณ์ ประชาชนเขาก็ไม่ตามไป ที่เขาเดินตามเพราะเชื่อว่าแกนนำไม่ทรยศ

เลือกตั้งที่ปทุมธานีถือเป็นบทเรียน

ผมเห็นใจผู้สมัครทั้งสองคน แต่พรรคต้องยอมรับความจริงว่าคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เขาไม่ออกมาเลือกตั้งหนนี้ จะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพง ต้องมองเรื่องนี้เป็นคุณค่า อย่ามองเป็นความเสียหาย
เพราะบทเรียนที่เขาให้ในปีแรกนี้ เป็นบทเรียนที่มีเวลาแก้ไข เพราะยังมีเวลาบริหารประเทศอีก 3 ปี
บทเรียนราคาแพงนี้ พรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดงที่มีหน้าที่ทางการเมืองต้องตระหนักว่าประชาชนไม่ใช่ของตาย เขามีความคิดและส่งสัญญาณมายังพรรคเพื่อไทย รัฐบาลและคนเสื้อแดงด้วยกันเอง
ที่ปทุมธานี ต้องยอมรับว่าเป็นฐานคนเสื้อแดงที่เข้มแข็งมาก แต่ในสถานการณ์เลือกตั้งที่เกิดขึ้น เสื้อแดงปทุมฯ เขาเล่นบทกระชาก เตือนแรงๆ เพราะเขารักพรรค และความรักพรรค รักในขบวนการเสื้อแดงว่าถ้าเดินไปโดยไม่สนใจความรู้สึก มันจะพัง จึงกระชากเตือนเช่นนี้
แต่เชื่อว่าสถานการณ์นี้จะผ่านพ้นไปด้วยดี ถ้าแต่ละฝ่ายเห็นบทเรียนนี้แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไข

มีเสียงไม่พอใจที่นายกฯ เข้ารดน้ำขอพร พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

เป็นเรื่องของนายกฯ และผู้นำเหล่าทัพที่ปฏิบัติตาม ประเพณีไทยๆ และผมกับ พล.อ.เปรม ไม่ได้เป็นศัตรู ไม่มีเรื่องส่วนตัวเจือปน
ผมเข้าใจเรื่องการทำหน้าที่ของนายกฯ ต้องการประคับประคองรักษาความเป็นรัฐบาลให้ยาวนานเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ เข้าใจในความรู้สึกของคนเสื้อแดง ซึ่งพวกผมยังเหมือนเดิม ยังยืนอยู่ในบริบทเดิม

พรรคเพื่อไทยพยายามผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

พ.ต.ท.ทักษิณ พูดชัดเจนว่าจะไม่ขอกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และจะไม่ขอทวงเงินที่ถูกยึดไป 4.6 หมื่นล้านบาทคืน
ถ้าเทียบมาตรฐานเดียวกับคดีแจก ส.ป.ก. ที่ภูเก็ต ถือว่าคดีนั้นหนักกว่าเป็นสิบเท่า เทียบไม่ได้กับที่ดินรัชดาฯ แต่เมื่อความเหลื่อมล้ำทางความยุติธรรมปรากฏ เรื่องนิรโทษกรรมจึงไม่มีใครพูดถึง แต่ฝ่ายตรงกันข้ามปฏิปักษ์ที่เอามายัดเยียด ทั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดชัดเจนแล้วว่าไม่กลับมาเป็นนายกฯ ไม่ทวงเงินคืน
แต่ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะกลับมาเป็นอะไร ประชาธิปัตย์เขากลัวอยู่แล้ว แค่ส่งเสียงมา เขายังแพ้เลือกตั้งหลุดลุ่ย ถ้าตัวมาแม้จะไม่ลงเลือกตั้งก็คงหนักกว่านี้
เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนรู้สถานการณ์ในประเทศดีที่สุด ห้วงเวลาต่างๆ ท่านจะรู้ว่าจะทำอย่างไร ท่านรักประเทศไทยและรัฐบาลนี้ต้องยอมรับว่ามีความผูกพัน เป็นลูกน้องมาทั้งนั้น