ประชาไท 22 พฤษภาคม 2555 >>>
21 พ.ค. 55 ที่ห้องพิจารณา 403 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถนนเจริญกรุง 63 วันนี้ (21 พ.ค.) ศาลนัดไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต คดีหมายเลขดำที่ ช.1/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ชันสูตรพลิกศพนายฮิโรยูกิ มูราโมโต้ สัญชาติ ญี่ปุ่น ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่รายงานข่าวการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ที่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 150 ก่อนเริ่มพิจารณาคดีนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความ นปช. ได้ยื่นคำร้องขอรวมคดีชันสูตรพลิกศพของคดีหมายเลขดำ ช.4/2555 ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของ นายวสันต์ ภู่ทอง อายุ 39 ปี และนายทศชัย เมฆงามฟ้า อายุ 44 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 และศาลนัดพิจารณาคดีในวันนี้ด้วย รวมกับคดีของนายฮิโรยูกิ เพื่อความสะดวกในการพิจารณาคดีเนื่องจากวันและเวลาเกิดเหตุใกล้เคียงกันและ มีพยานหลักฐานชุดเดียวกัน
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานคดีนายฮิโรยูกิ และคดีของนายวสันต์เป็นคนละชุดกัน จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้รวมสำนวน ส่วนที่นายยูซูเกะ มูราโมโต้ อายุ 43 ปี น้องชายนายฮิโรยูกิ ได้แถลงต่อศาลผ่านล่ามและเจ้าหน้าที่ของสถานทูตญี่ปุ่นว่าประสงค์จะขอเบิก ความ ในวันนี้เนื่องจากไม่สะดวกเดินทางไป-กลับระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า นายยูซูเกะ ยังไม่ได้แต่งตั้งทนายความ ซึ่งมีเอกสารบางรายการที่นายยูซูเกะจะต้องเซ็นไว้เป็นหลักฐานจึงต้องการให้ มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทางกฎหมายเพื่อความโปร่งใส ซึ่งนายเจษฎา ทนายความ นปช. ได้รับที่จะเป็นทนายความให้นายยูซูเกะ ศาลจึงได้เริ่มกระบวนการไต่สวน
โดยนายยูซูเกะ เบิก ความสรุปว่า พยานมีอาชีพรับจ้าง อาศัยอยู่ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นพี่น้องนายฮิโรยูกิผู้ตาย โดยผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่ที่เมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และมีอาชีพเป็นนักข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์ประจำประเทศญี่ปุ่น อายุงาน 15 ปี รับผิดชอบทำข่าวทุกด้านทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น พยานทราบข่าวที่เผยแพร่ในอินเทอร์เน็ตเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 53 เวลาเที่ยงคืนตามเวลาท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นว่า ผู้ตายเสียชีวิตขณะทำข่าวการชุมนุมของกลุ่มผู้เรียกร้องในประเทศไทย จาก นั้นจึงแจ้งบิดา-มารดาและภรรยาของผู้ตาย เมื่อทั้งสามทราบข่าวจึงได้เดินทางมาประเทศไทยเพื่อติดต่อขอดูศพทันทีในวัน ดังกล่าว และยืนยันว่าเป็นศพนายฮิโรยูกิ จึงได้ขอนำศพกลับไปทำพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศญี่ปุ่น โดยพยานสอบถามสาเหตุการเสียชีวิตจากพ่อแม่และภรรยาของผู้ตายทราบว่า ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ทำข่าวการชุมนุมในกรุงเทพ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 เวลา 21.00 น. ซึ่งหลังจากศพถึงประเทศญี่ปุ่นพยานก็ได้เห็นศพและยืนยันว่าเป็นพี่ชายจริง โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนาพยานและครอบครัวยังติดใจที่จะให้รัฐบาล ไทย สอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของพี่ชายและสืบหาบุคคลที่ใช้อาวุธปืนยิง จึงติดต่อสถานทูตญี่ปุ่นให้ดำเนินการประสานรัฐบาลไทย ต่อมาทราบว่ารัฐบาลไทยดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าว และได้รายงานความคืบหน้าให้พยานทราบเป็นระยะ โดยพยานเคยให้การกับพนักงานสอบสวนแล้วก่อนที่จะมาเบิกความในคดีนี้ ซึ่งพยานขอยืนยันคำให้การในชั้นพนักงานสอบสวนด้วยว่า นายฮิโรยูกิ เดินทางมาประเทศไทยเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 53 เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ข่าวที่บริเวณ ถ.ราชดำเนิน และ เท่าที่ทราบผู้ตายเคยเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง แต่ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับบุคคลใดในระเทศไทย ส่วนสาเหตุที่บิดา-มารดาไม่ได้เดินทางมาเบิกความด้วยเนื่องจากบิดา-มารดาแก่ ชราแล้ว ส่วนภรรยาผู้ตายก็มีภาระต้องเลี้ยงบุตรสาว 2 คน จึงไม่ได้มาเบิกความ
โดยนายยูซูเกะ ตอบทนายความด้วยว่า ไม่ทราบว่านักข่าวต่างประเทศที่เข้าไปทำข่าวในประเทศต่างๆ รัฐบาลของประเทศนั้นๆ จะให้การคุ้มครองนักข่าวหรือไม่ สำหรับผู้ตายเองก่อนหน้านี้ก็เคยไปทำข่าวการชุมนุมของประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากประเทศไทย ซึ่งการเสียชีวิตของพี่ชายพยานทราบข่าวจากอินเทอร์เน็ตที่ปรากฏภาพผู้ตาย กำลังปฏิบัติหน้าที่ว่าผู้ตายเสียชีวิตในช่วงที่รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ทหาร สลายการชุมนุม โดยพยานไม่ทราบขนาดและความร้ายแรงของอาวุธปืน แต่เคยสอบถามไปยังสำนักข่าวรอยเตอร์ ต้นสังกัดผู้ตายแจ้งว่าไม่สามารถยืนยันได้ว่าใครเป็นคนยิงผู้ตาย ภายหลังนายยูซูเกะ เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดไต่สวนพยานปากต่อไปในวันที่ 2 ก.ค. นี้ เวลา 09.00 น. พร้อมกำชับให้ทนายความจัดพยานเป็นกลุ่มเพื่อสะดวกกับการสืบพยาน เพราะมีจำนวนมากถึง 56 ปาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. พร้อมกับ นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. เดินทางมาร่วมฟังการไต่สวน นอกจากนี้ ยังมีนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 และผู้สื่อข่าวจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง มาร่วมฟังจำนวนมากด้วยจนล้นห้องพิจารณาคดี ขณะ ที่เมื่อเบิกความเสร็จ นายยูซูเกะ ได้เดินทางกลับพร้อมรถสถานทูตญี่ปุ่นทันทีเพื่อไปยังสนามบินเดินทางกลับ ประเทศญี่ปุ่น โดยไม่ได้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ด้านนายเจษฎา จันทร์ดี ทนายความ นปช. กล่าวถึงการไต่สวนชันสูตรพลิกศพของนายวสันต์ และนายทศชัยว่า วันนี้ ตนได้เสนอบัญชีพยานที่จะไต่สวน รวม 24 ปาก ขณะที่อัยการโจทก์ ผู้ร้องเสนอบัญชี 59 ปาก โดยพยานที่จะนำเข้าไต่สวนจะมีทั้งพยานที่เห็นเหตุการณ์ พนักงานสอบสวน และญาติผู้เสียชีวิต ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนวันที่ 31 ก.ค. นี้ เวลา 09.00 น.