
นายนัจมุดดีน อูมา รองเลขาธิการพรรคมาตุภูมิ อดีต ส.ส.นราธิวาส ได้ชี้แจงกรณีมีภาพปรากฏถ่ายร่วมกับอุสตาซแซ หรือ "มะแซ อุเซ็ง" ที่ระบุว่าเป็นแกนนำบีอาร์เอ็น มีรายละเอียดดังนี้
ข้อเท็จจริงเรื่องรูปที่ปรากฏตามสื่อ
รูปนี้เป็นรูปที่ถ่ายเมื่อปี 2537 ไปภูเก็ต คนที่อยู่ข้างผมด้านขวาคือนายก อบต.อำเภอราไวย์ ที่ภูเก็ต เป็นคนไทยพุทธที่ผมแดง ส่วนผู้หญิงด้านซ้ายนั่นคือแฟนผมที่มีผ้าคลุมหัว ภาพนี้ถ่ายที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ผู้ชายที่อยู่ด้านซ้ายสุดใส่เสื้อลายสก๊อตเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิตมา 2 ปีแล้ว ส่วนผู้ชายที่อยู่ถัดมะแซ อุเซ็ง ไปด้านขวาสุดที่ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว ชื่อนายแวดอเลาะ ชื่อไทยว่า อแว อนามัย เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานีอนามัย ที่ ต.มะรือโบออก เสียชีวิตมาแล้ว 3 ปี ตอนนั้นผมเป็น ส.ส.ความหวังใหม่ อยู่ พาผู้นำท้องถิ่นไปทัศนศึกษาดูงาน ไปทั้งหมด 80 คน
ส่วนนายมะแซ อุเซ็ง หรืออุสตาซแซ เป็นประธานสภา อบต.บูกิต ผู้นำท้องถิ่นที่เดินทางไปนั้น ประกอบไปด้วย โต๊ะอิหม่าม ผู้ใหญ่บ้าน อบต. คนที่ยืนขวาสุดคนที่ 2 คนนั้นเป็นกำนัน ต.มะรือโบออก ในขณะนี้ บุคคลในภาพ ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย นั่นไปเที่ยวตามปกติ
สำหรับอุสตาซแซ (นั่งด้านหน้าใส่หมวกกำปิเยาะ) เป็นแกนนำหรือเปล่าผมไม่รู้ แต่ตอนนั้นเป็นประธาน อบต.
เห็นด้วยกับการแก้ปัญหาด้วยการเจรจาเพื่อแก้ไขสถานการณ์ไม่สงบหรือไม่ จะมีผลดีผลเสียอย่างไรบ้าง
หลักๆ การเจรจา ผมไม่ได้มีอำนาจการเจรจา แต่คืนนั้นผมฟังดอกเตอร์ไตรรงค์ สุวรรณคีรี อภิปรายในสภา ทีนี้เราจะต้องเรียนรู้ในประวัติศาสตร์ ว่าการจะแก้ปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้ต้องแก้ด้วยการพูดคุยกัน ไม่ใช่หน้าที่ผม เป็นหน้าที่ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และกระทรวงการต่างประเทศ แต่ผมไปอยู่ตรงนั้น เคยเป็นนักการเมืองก็มีหน้าที่จะต้องสื่อความหมายกับกลุ่มประชาชนทุกเครือข่ายให้ทราบว่าวันนี้นโยบายของรัฐบาลเป็นไปในทิศทางใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายของ สมช. เพิ่งออกมาเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว ผมถือว่ามีความก้าวหน้ามาก ก็เลยไปส่งสัญญาณให้กับทางพี่น้องประชาชนและทางญาติๆ ของพวกเราให้ได้รับรู้ว่านโยบาย
มีความก้าวหน้ามาก นี่คือหลัก
ก้าวหน้าขนาดไหน มีการเปิดโต๊ะเจรจาจริงไหม
ที่เป็นนโยบายของทางสภาความมั่นคงคือต้องวกกลับไปว่า ผมเคยเป็น ส.ส. และเคยเป็นกรรมาธิการร่าง พ.ร.บ.สมช. ด้วยตัวเอง มาตรา 4 เขียนชัดเจนว่า สมช. จะต้องจัดทำนโยบายการบริหารและการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้คำนึงถึงความคิดเห็นของพี่น้องประชาชน สมช. ก็ไปจัดทำแผน 3 ปี โดยแผนปี?54 ออกมาแล้ว ก็ต้องให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ พอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบแล้วก็เข้าสู่สภาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
อันนี้เป็นแนวทางที่ถูกต้องหรือเปล่า
ถูกต้องแล้ว
แล้วมีการเจรจาจริงไหมตามที่เป็นข่าว
ขอเรียนว่ามันยังไม่ได้เริ่มต้น ทักษิณก็ไม่เคยไปคุย ส่วนทวี สอดส่อง (พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนใต้ หรือ ศอ.บต.) เคยไป ไปเจอชมรมร้านต้มยำกุ้งที่กัวลาลัมเปอร์ อันนั้นไปจริง แต่ไม่เกี่ยวกับขบวนการก่อการร้าย เพราะว่าชมรมร้านต้มยำกุ้ง อย่าลืมว่าคน 3 จังหวัดที่ไปอยู่ประเทศมาเลเซีย มีไม่น้อยกว่า 3 แสนคน มีผู้ประกอบการที่ไปเปิดร้านอาหารไม่ต่ำกว่า 4-5 พันร้าน เขาก็คือคนไทยนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ที่ไปเจอเขา เนื่องจากเขามีปัญหา 2 อย่าง พอผมเป็น ส.ส. ผมก็ไป อดีตรัฐมนตรีช่วยถาวร เสนเนียม ไปเจอกับรัฐมนตรีช่วยมหาดไทยของมาเลเซีย คุย 2 เรื่องคือ
เรื่องที่ 1 คนไทยที่อยู่ฝั่งโน้นต้องการจะขยายเวลาจะมาต่อใบผ่านด่านปกติเดือนละครั้งเป็น 3 เดือนครั้ง เนื่องจากเขาต้องเสียเงินเดินทางย้อนมาต่อใบหลายพันบาทเขาก็เลยต้องการให้ทางมาเลย์ต่อเป็น 3 เดือน
เรื่องที่ 2 ผู้ประกอบการร้านต้มยำมาเลเซียของเรา ที่อยู่ฝั่งโน้น บางคนต้องการขยายกิจการจะไปกู้เงินของมาเลเซีย ก็ไม่มีเครดิตจะไปกู้
ก็เลยจะต้องมากู้ฝั่งไทย ท่านทวีก็เลยพาเจ้าหน้าที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยไปแล้วนำ
ผู้ประกอบการที่กัวลาลัมเปอร์มาพูดอย่างเปิดเผยว่า ถ้าจะกู้เงินมาขยายกิจการจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง
ตอนนั้นผมไม่ได้ไป ที่ผมไป ผมไปงานแต่งญาติผม 2 ครั้งในเวลาไล่ๆ กัน ไปก่อนท่านทวีจะไปสัก 40 วัน ประมาณต้นกุมภาพันธ์ แล้วผมก็ไปหลังท่านทวี 10 วัน อีกรอบหนึ่งก็เป็นงานแต่งงานของพวกทางโน้นเหมือนกัน ที่นี่เวลาไปเขาก็ถามถึงทิศทางบ้านเราเป็นอย่างไร ผมก็ถ่ายเอกสารนโยบายที่ว่าให้เขาดู แล้วก็อธิบายเป็นข้อๆ เขาก็พอใจด้วย ทีนี้ผมก็บอกเขาว่าถ้าท่านเห็นด้วยกับแนวทางนี้ก็ช่วยบอกต่อๆ ไปก็แล้วกัน ว่านี่คือทิศทางของรัฐบาลไทยที่จะทำในอนาคต
แนวทางนี้คือแนวทางอะไร
แนวทางนโยบายข้อ 8 การเปิดพื้นที่การสร้างภาวะแวดล้อม และการเปิดพื้นที่เพื่อพูดคุยกับบุคคล เกี่ยวกับผลเสียต่างๆ ของรัฐ นี่นโยบาย สมช. ปี ? 55-57 ผ่าน ครม. ไปแล้ว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา แล้วผมทำแบบนี้มันจะผิดตรงไหน
มีข่าวว่าไปช่วยงานของ ศอ.บต. ไปด้วยหรือเปล่า
คือ ท่านทวี สอดส่อง ผมไม่ปฏิเสธว่าผมรู้จักท่าน เพราะผมรู้จักท่านมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่สมัยท่านเป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เวลาลงใต้ก็เจอกัน พ.ต.อ.ทวี ไปลงเป็นเลขาธิการ ลงไปบนพื้นฐานแห่งการมีข้อมูลแล้วบ้าง เมื่อลงไป ได้ไปพบปะกับประชาชนทุกกลุ่ม ไปขอคำแนะนำ ผมเป็นอีกคนที่ท่านขอคำแนะนำ บังเอิญว่าคำแนะนำของผมถูกใจ สอดคล้องกับแนวทางที่ท่านจะทำ คือการอำนวยความยุติธรรม การเยียวยาและการสร้างบรรยากาศแห่งการพูดคุย ส่วนกระบวนการจะไปเจรจากับฝั่งโน้นก็เป็นเรื่องของท่านแล้ว ผมไม่ได้ไปช่วยงานใดๆ แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าให้คำแนะนำส่วนตัว แล้ววันนั้นก็มีหลายคน ไม่ได้มีผมคนเดียว
คนที่คิดจะมาช่วยรัฐ พอเห็นว่าผมขนาดเป็นนักการเมือง 3-4 สมัย ทำแค่สร้างบรรยากาศเพื่อไปสู่การพูดคุยในอนาคต ยังโดนกระหน่ำขนาดนี้ แล้วอีกหน่อยใครจะไปช่วยงานรัฐ แล้วตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีสถานะอะไร ส.ส. ก็ไม่ได้เป็น เป็นแค่อดีต ส.ส. คนหนึ่ง
แล้วที่ว่าคุณทักษิณไปคุยกับอีกฝ่ายหนึ่ง อีกพวกหนึ่งก็มาวางระเบิด มีความเห็นอย่างไร
ที่ผมทราบ ไม่มีนะ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะบินไปบินมาเจอใครบ้างผมไม่รู้ แต่ข่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไปคุยกับแกนนำที่ผมทราบไม่มีนะ เป็นเรื่องอุปโลกน์ขึ้นมา ถ้าจะคุยก็คงคุยทุกกลุ่มค่อยๆ ทำ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ คุย ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ใครเป็นแกนนำแท้จริง เรื่องนี้ขอเรียนว่าไม่ได้ซีเรียสทางการเมืองนะ ทุกฝ่ายทุกพรรคต้องเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ ผมอยู่มาตุภูมิ ไม่ได้อยู่เพื่อไทยเสียหน่อย ยินดีจะมาช่วยเมื่อรัฐบาลทำดีจึงจะมาช่วยด้วย
ถ้าจะคุยก็คงคุยทุกกลุ่มค่อยๆ ทำ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ คุย ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ใครเป็นแกนนำแท้จริง เรื่องนี้ขอเรียนว่าไม่ได้ซีเรียสทางการเมืองนะ ทุกฝ่ายทุกพรรคต้องเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ ผมอยู่มาตุภูมิ ไม่ได้อยู่เพื่อไทยเสียหน่อย ยินดีจะมาช่วยเมื่อรัฐบาลทำดีจึงจะมาช่วยด้วย
