เกณฑ์มาตรฐานของการ/ความปรองดอง

คมชัดลึก 17 เมษายน 2555 >>>




บทความชิ้นนี้เป็นตอนจบ (ที่สามารถแยกอ่านได้) จากสองชิ้นที่ผ่านมาที่ว่าด้วยเรื่องของความปรองดอง (reconciliation) จากมุมมองของ Charles Villa-Vicencio ซึ่งเป็นผู้อำนวยการของสถาบันแห่งความยุติธรรมและความปรองดอง ของแอฟริกาใต้ ที่ปรากฏในหนังสือ Pieces of the Puzzle : Keywords on Reconciliation and Transitional Justice ซึ่งพิมพ์ในปี 2004
ชาร์ลชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าจะมีความหลากหลายในแง่ของกระบวนการปรองดอง แต่ประเด็นหลักก็คือการค้นหาหนทางและวิธีการที่จะสร้างความสัมพันธ์เพื่อเชื่อมโยงกันของฝ่ายต่างๆ ทั้งในระดับละแวกบ้าน ชุมชน และชาติ และสิ่งที่เราสามารถนำมาเป็นเกณฑ์มาตรฐานของการ/ความปรองดอง ซึ่งในสำนวนของชาวแอฟริกาก็คือเรื่องของการนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ด้วยกัน และการที่สิ่งที่สามารถจะทำลายชาตินั้นถูกนำมาพูดถึง
1. การ/ความปรองดองไม่จำเป็นต้องหมายถึงการให้อภัย ในแง่นี้คือการให้อภัยไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นได้ก่อน แต่อาจจะตามมาได้ หากเกิดการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้เนื้อเชื่อใจกันเสียก่อน สิ่งสำคัญก็คือ การปรองดองทางการเมืองนั้นไม่ขึ้นกับศาสนาใดศาสนาหนึ่ง หรือหลักการของฝ่ายเดียว สิ่งที่ต้องเข้าใจตรงกันก็คือ การเมืองนั้นต้องการการดำรงอยู่อย่างสันติของทุกฝ่าย ดังนั้นความเข้าใจที่ตรงกัน และการมีกิจกรรมร่วมกันเป็นเรื่องสำคัญ (ตรงนี้ก็ลองคิดกันนะครับ ว่าสิ่งที่เรามีคือความเข้าใจตรงกัน หรือการกดทับให้สิ่งที่เราเห็นว่าถูกมันอยู่เหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง)
2. การ/ความปรองดองจะต้องหยุดยั้งความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ การหยุดยั้งความขัดแย้ง/รุนแรงที่เกิดขึ้นอยู่เป็นเรื่องสำคัญ และจะทำให้การอดทนอดกลั้นที่มีอยู่อย่างเงียบๆ สามารถกลายเป็นปฏิสัมพันธ์ที่ทำให้ฝ่ายที่ต่อสู้กันหันมาคิดว่าเขาต่างมีบางอย่างร่วมกัน และจะหาทางอยู่ร่วมกันอย่างไร
3. การ/ความปรองดองเป็นกระบวนการที่เจ็บปวดและมีต้นทุนที่ต้องจ่ายมาก รวมทั้งบ่อยครั้งก็ต้องมีการประนีประนอมทางศีลธรรม กระบวนการนี้เกี่ยวข้องกับการต่อรองกับความทรงจำของผู้คน และตัดสินว่า ความทรงจำไหนจะเป็นหลัก และที่สำคัญเราไม่สามารถบังคับให้เกิดความปรองดองได้ เพราะความปรองดองอาศัยเวลา เพราะบางทีความขัดแย้งนั้นดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน แต่เราจะวัดได้ด้วยความสามารถในการฉวยเอาโอกาสและเวลามาส่งเสริมให้เกิดความปรองดอง (ไม่ใช่อ้างว่าต้องใช้เวลาแล้วไม่ทำอะไร หรือทำอะไรก็ไม่ได้)
4. การ/ความปรองดองเป็นเรื่องของการพูดคุยสื่อสารกันทั้งการฟังอย่างตั้งใจและการพูดคุยเชิงลึกในทุกระดับของสังคม ทั้งการพูดคุยกันของทุกฝ่ายในระดับชาติ และการสร้างพื้นที่ให้ผู้คนและชุมชนต่างๆ สามารถได้ยินซึ่งกันและกันได้ และเราควรมองว่า แม้การพูดคุยจะเป็นเรื่องเถียงกัน หรือตกลงกันไม่ได้ การพูดคุยกันก็ยังเป็นทางเลือกจากความรุนแรงและเป็นการพยายามแสวงหาทางออก
5. การ/ความปรองดองต้องการพื้นที่ให้แก่การระบายออกถึงความเศร้าโศก ความโกรธแค้น และความเจ็บปวดด้วย นอกเหนือจากการเยียวยารักษา ทั้งนี้เพราะผู้นำบางคนในกระบวนการดังกล่าวเช่น บาทหลวงตูตู้ และแมนเดลา ในกรณีของแอฟริกานั้นอาจจะสามารถข่มอารมณ์และนิ่งได้ แต่คนทั่วๆ ไปที่เป็นเหยื่อเขาอาจจะต้องการพื้นที่ในการระบายความโศกเศร้า และปลดปล่อยความรู้สึกภายในออกมา ซึ่งการเปิดพื้นที่เหล่านี้จะเปิดโอกาสให้เกิดการระลึกถึงและตั้งหลักกับบาดแผลในอดีตอย่างสร้างสรรค์
ในแง่นี้บางทีการเปิดพื้นที่ในแง่ของศิลปะ หรือรูปแบบอื่นๆ ในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ก็มีความจำเป็นในการสร้างพื้นที่เหล่านี้ออกมา
เขียนมาจนเพลิน พื้นที่หมดลงเสียแล้ว สัญญาว่าวันพฤหัสบดีนี้ จะเป็นตอนสุดท้ายในเรื่องนี้แล้วครับ อดใจรออีกสักหน่อยครับผม