
"นพดล" ยัน "ทักษิณ" ปัดกดดันเจ้า ดึงสถาบันคลุกการเมือง ตั้งธงชง พรบ.ปรองดอง ปลดล็อคแม้ว โยนฝ่ายนิติบัญญัติจัดสานเสวนาปรองดอง ส่งซิก คกก. ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยวางกรอบ กม.ปรองดองเสร็จภายใน ก.ย.-ต.ค. นี้...
เมื่อวันที่ 16 เม.ย. นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนระบุ พ.ต.ท.ทักษิณ อ้างว่าปีนี้เป็นปีมหามงคลจึงอาจจะได้กลับไทยเป็นการกดดันเจ้า และพาดพิงสถาบันว่า คนอยู่ไกลบ้านห่างประเทศไทยไป 6 ปี อายุ 62 ปีแล้วท่านก็ต้องคิดถึงบ้านเป็นเรื่องปกติเป็นความปรารถนาที่อยากจะกลับโดย เร็วที่สุด
ส่วนการที่พูดถึงปีมหามงคลนั้นเป็นการพูดถึงความเป็น จริงและเป็นข้อเท็จจริงว่าเป็นปีมหามงคลที่สำคัญจริงๆ ท่านไม่ได้พูดให้ เชื่อมโยง หรือมีนัยยะการเมืองใดๆ พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้กลับมาหรือไม่ เป็นเรื่องของทางการเมืองทางกฎหมายรวมทั้งสังคม การปรองดองจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหนสถานการณ์การเมืองขณะนั้นๆ มีความนิ่งในระดับที่เหมาะสมจะกลับมาหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นพสกนิกรและเทิดทูนสถาบันและสถาบันก็อยู่ในสถานะที่เทิดทูนและทรงอยู่ เหนือการเมืองการที่คนไทยพูดถึงปีมหามงคลพูดด้วยความปลื้มปีติไม่ได้พูด เพื่อจะไปหาประโยชน์ใดๆ ทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็น 1 ใน 63 ล้านคน
นายนพดล กล่าวถึงกระบวนการสร้างความปรองดองว่า มี 3 ส่วนที่ต้องทำควบคู่กันไป เพื่อที่จะปลดล็อคความขัดแย้งเพื่อให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ ต้องถูกใส่กุญแจมืออยู่ในขณะนี้ คือ กฎหมาย การเมือง และสังคม โดยกฎหมายนั้นทางรัฐสภาต้องไปพิจารณาว่าจะมีการ ออก พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ซึ่งจะเหมาะสมมากกว่า แต่จะไม่มีการออก พ.ร.ก.ปรองดอง เพื่อให้ ส.ส. คือตัวแทนประชาชนได้ถกเถียงพูดคุยกันในสภา ส่วนด้านการเมืองฝ่ายนิติบัญญัติคงจะเป็นแม่งานในการไปจัดการพูดคุยสานเสวนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับฝ่ายต่างๆ
หาก ให้รัฐบาลเป็นคนทำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯก็จะถูกกล่าวหาว่าน้องสาวทำเพื่อพี่ชายและในส่วนสังคมที่ต้องพยายาม โน้มน้าวว่าการปรองดองจะเป็นประโยชน์อย่างไรโดยเฉพาะอีก 3 ปี ไทยจะเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนแล้วไทยต้องนำประเทศไปแข่งกับประเทศ อาเซียนอีก 9 ประเทศ หากไทยไม่มีความมั่นคงทางการเมืองจะเสียโอกาสไปมาก สื่อทุกภาคส่วนควรนำวาระการปรองดองแห่งชาติมาเป็นวาระที่สำคัญเราต้องวิ่ง ตามพม่าให้ทันในเรื่องความปรองดองแห่งชาติรัฐบาลพม่ากับพรรคเอ็นแอลดีเขาได้ ปรองดองกันใน ระดับหนึ่งแล้วอย่าให้ประเทศคู่แข่งของเรามานั่งหัวเราะเยาะว่าไทยทำไม ทะเลาะกันไม่เลิกเสียที
นายนพดล กล่าวต้องยอมรับว่า แม้จะไม่มีการผลักดันกฎหมายปรองดองเข้าสภาฯก็มีความ ขัดแย้งดำรงอยู่ในขณะนี้เพราะฝ่ายที่ยึดอำนาจและฝ่ายที่เห็นด้วยและได้ ประโยชน์จากการยึดอำนาจกับฝ่ายที่ได้รับความอยุติธรรมที่เกิดจากการยึดอำนาจ เช่นการกระทำของคตส.และการยกเลิกรัฐธรรมนูญ ความขัดแย้งก็ดำเนินมาจะครบ 6 ปีแล้ว ประชาชนอดทนมามากแล้วทำไมฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยไม่ยึดเอาประโยชน์ส่วนรวมก่อน บ้างและจากการเลือกตั้งทั้งปี 50 และปี 54 พิสูจน์ชัดเจนว่าฝ่ายที่ถูกกระทำได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและ การสำรวจความเห็นประชามติเมื่อเร็วๆ นี้ประชาชนก็อยากเห็นความปรองดอง ซึ่งคำว่าปรองดองเราไม่ได้ไปล้มล้างผลคำ พิพากษาให้คนหนึ่งคนใดโดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ไปลบล้างผลของการยึดอำนาจที่ ขัดกับหลักนิติธรรมและประชาธิปไตยและต้องคืนความยุติธรรม และเยียวยาเหยื่อของการถูกรัฐประหารโดยไม่เลือกคนไม่ว่าจะมียศ พ.ต.ท. และชื่อ ทักษิณหรือไม่ก็ตาม
เมื่อคดีที่เกิดจาก คตส. องค์กรพิเศษ ที่มาจากการรัฐประหารที่เสมือนศาลเตี้ยตั้งมาซ้ำซ้อน กับ ป.ป.ช. เมื่อมีผลเป็นกฎหมายก็ต้องอาศัยผลของกฎหมายไปแก้โดยควรจะเป็นกฎหมายระดับ พ.ร.บ. ซึ่งถ้าเป็น พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ ก็เหมาะสมดีหากเรื่องผ่านการพิจารณาของ ปคอป. แล้วส่งคืนกลับมาให้สภาดำเนินการภายใน 3-4 เดือนนี้น่าจะเริ่มต้นกระบวนการปรองดองได้เวลา 8 เดือนที่เหลือจนถึงปลายปีนี้ถ้า พ.ร.บ. ทำเสร็จก็ไม่ถือว่าเร็วเกินไปวางกรอบกม.ปรองดองเสร็จภายใน ก.ย.-ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยและแกนนำ ของพรรคได้หารือกับทาง พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วว่าการเสนอเรื่องการปรองดองนั้นขอให้ พรรคพิจารณาดูสถานการณ์การเมืองที่เหมาะสมหากฝ่ายนิติบัญญัติเสนอได้ทันใน ช่วงปิดสมัยประชุมสภาสมัยนิติบัญญัตินี้ก็ให้เสนอ โดยเฉพาะดูกระแสสังคมจะมี แรงต่อต้านมากน้อยแค่ไหนจึงยังไม่มีการกำหนดปฏิทินเวลาเป็นเส้นตายที่แน่นอน ให้ ส.ส. ของพรรคยื่นเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ เข้าสู่สภาฯ ซึ่งหากเสนอ เข้าสู่สภาไปได้ก็ใช้เวลาอีก 3-4 เดือนดำเนินการและทำให้แล้วเสร็จคาดว่าภายในเดือน ก.ย.-ต.ค. ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติ น่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จ
