มติชน 6 เมษายน 2555 >>>
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel เมื่อวันที่ 6 เมษายน ถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ผ่านมาว่า การอภิปรายของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นถึงสภาพปัญหาการปรองดองว่าคู่ขัดแย้งที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคู่กรณีกับหลายกลุ่ม ขณะที่ตนยังได้เสนอเงื่อนไขที่ดีกว่าของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่เสนอไม่ต้องนิรโทษกรรมตน และนายสุเทพ นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยตนเสนอว่าไม่ต้องนิรโทษกรรมตน นายสุเทพ แลกกับการไม่นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงคนเดียว ดังนั้นหลังจากนี้ไปต้องจับตาดูว่าจะมีการดำเนินการในลักษณะไหนอย่างไร แต่ยืนยันว่าไม่ว่าจะใช้ความชอบธรรมในเชิงหลักวิชาการใดเพื่อนำไปสู่การล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เรียกว่าเป็นความชอบธรรม
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หลังที่ประชุมสภาลงมติเสียงข้างมากเห็นชอบกับข้อเสนอข้อสังเกตในรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติแล้ว กระบวนการก็พยายามเดินหน้าต่อ แต่ชัดเจนว่าการที่จะใช้งานนี้ของกรรมาธิการปรองดอง ไปอ้างอิงในลักษณะที่จะไปเร่งรัดออกกฎหมายนิรโทษกรรม ก็คงไม่มีความชอบธรรม ขณะที่การชี้แจงของคณะกรรมาธิการ ก็แบ่งรับแบ่งสู้ โดยเฉพาะ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคมาตุภูมิ ในฐานะประธาน กมธ.ปรองดอง ที่พูดเป็นนัยว่า ถ้าเกิดเอาไปทำลักษณะที่จะไปล้มล้างความผิดอะไรต่างๆ สังคมก็คงไม่ยอมและคงเกิดปัญหา ทำให้ตนสงสัยว่าถ้าเป็นเช่นนั้นจะให้ประเทศเข้าสู่ความเสี่ยงทำไม
เมื่อถามว่า ภายหลังจากการประชุมสภา 2 วัน พอจะมีทางออกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทางออกนั้นมีอยู่แล้วถ้าไม่เอาประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาเป็นตัวตั้ง ทั้งนี้ขอย้ำว่าการรับแนวคิดของสถาบันพระปกเกล้า ก็ต้องไปทำกระบวนการรับฟังความคิดเห็น แต่หากเอาแนวคิดของสถาบันพระปกเกล้าแล้วทำอย่างอื่น ต้องถือว่าไม่ใช่ทำตามแนวคิดของสถาบันพระปกเกล้า
"รัฐบาลน่าที่จะนำเอาประเด็นหลักว่าบัดนี้มีการศึกษาโดยสภา โดยสถาบันพระปกเกล้า ประเด็นต่างๆ ที่จำเป็นจะต้องมาพูดคุยกันเกี่ยวกับการปรองดอง ก็ถือว่ารับรู้รับทราบแล้วว่าเป็นประเด็นไหนอย่างไร เมื่อรับรู้รับทราบแล้ว ก็พึงที่จะเอาเรื่องนี้ไปเข้าสู่กระบวนการของการสานเสวนาพูดคุยกัน ซึ่งการพูดคุยนั้นก็ควรจะเลือกใช้กลไกเวทีที่มีความเหมาะสม ความจริงแล้วสถาบันพระปกเกล้าเองเขาก็ได้เสนอตัวเข้ามา แล้วเขาก็อยู่ในฐานะที่รู้ว่าจะต้องไปพูดคุยเรื่องไหนอย่างไร มีฐานะที่ก็แยกออกมาจากฝ่ายบริหาร ก็อาจจะเป็นช่องทางหนึ่งที่จะเอาไปพูดคุยกัน" นายอภิสิทธิ์กล่าว
