
"เพื่อไทย" เตือน "ประชาธิปัตย์" ระวังไม่มีคนคบ อ้างเหตุลงมติปรองดองยังถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านทิ้ง ชี้ "อภิสิทธิ์" ท้าไม่เอานิรโทษกรรม 2 ต่อ 1 เป็นแค่สร้างภาพโชว์แมน จี้ เลิกใช้วาทกรรมทางการเมืองตีกิน พท. เตรียมถกวางกรอบ แนวทางถกแก้ รธน. วันจันทร์นี้
วันที่ 7 เม.ย.55 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. ในฐานะรองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าบรรยากาศทางสังคมส่วนใหญ่อยากให้ประเทศควรเข้าสู่การปรองดองอย่างจริงจัง ลืมอดีตลืมความขัดแย้ง ต้องให้อภัยต้องทำเป็นมองไม่เห็นบ้าง ตนอดสงสัยไม่ได้ว่าการที่จะมีกลุ่มคนที่ไม่อยากปรองดองเป็นกลุ่มคนที่เสียโอกาสจากการปรองดองเท่านั้นที่อยากให้ประเทศมีความขัดแย้งต่อไป ทั้งนี้ขอเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ ไม่อยากให้สังคมมองว่าฝ่ายค้านบางพรรคไม่อยากจะปรองดอง เพราะอาจจะเสียประโยชน์ทางการเมือง เพราะนับตั้งแต่ปี 2549 พรรคที่ได้ประโยชน์มากที่สุดจากความขัดแย้งของประเทศ คือ พรรคประชาธิปัตย์ใช่หรือไม่ และนายอภิสิทธิ์ ได้เป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์พยายามจะใช้สถาบันพระปกเกล้าเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ วันนี้ไม่ใช่แค่ผลการศึกษาของสถาบันพระปกเกล้าเพียงอย่างเดียวที่จะพลิกประเทศ หรือทำร้ายประเทศด้วยกระดาษปึกเดียวได้
ส่วนการอภิปรายเพื่อรับฟังรายงานของ กมธ.ปรองดองฯ สองวันที่ผ่านมานั้น นายจิรายุ กล่าวว่า เห็นได้ชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยทั้งๆที่เป็นรัฐบาลและเป็นผู้ถูกกระทำยังพยายามจะปรองดองทุกวิถีทางแต่กลับเป็นฝ่ายค้านที่จมปลักอยู่กับอดีตเวียนว่ายอยู่รอบตัวอดีตนายกฯทักษิณ และที่สำคัญวันนี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องไปมองท่าทีของฝ่ายค้านวันนี้เสียงพรรคร่วมฝ่ายค้านแตกไม่เป็นท่า เพราะแม้แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านจำนวนมาก ยังแหกด่านความขัดแย้งยกมือโหวตให้ปรองดอง วันนี้หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมลดราวาศอกบ้างในอนาคตอันไกลนี้จะไม่มีใครคบหาสมาคมด้วยแม้แต่พรรคร่วมฝ่ายค้าน
นายจิรายุ ยังกล่าวต่อถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ออกมาพูดว่าหากจะมีการนิรโทษกรรม ตามรายงานของสถาบันพระปกเกล้าจริงก็ขอให้ยกเว้นตัวเองและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพียง 3 คนเพื่อเป็นการเดิมพัน ว่า เป็นวาทะกรรมสร้างภาพอันสุดเท่ของนายอภิสิทธิ์ แต่ในความเป็นจริงเรื่องแบบนี้น่าจะหลอกได้แค่ไอ้จุกไอ้แกละเท่านั้น เพราะคนเขารู้ทันนายอภิสิทธิ์ หมดแล้ว เพราะไม่ว่ากฎหมายฉบับใดในประเทศนี้บังคับใช้ก็สามารถจะยกเว้นให้กับบุคคลใดบุคคลหนึ่งอยู่แล้ว การพูดของนายอภิสิทธิ์ เป็นการพูดแบบโชว์แมนเอาเข้าจริงๆ ในทางปฎิบัติก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว
"ผมรู้สึกแปลกใจที่นายอภิสิทธิ์ และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์พูดถึงการลงมติในเรื่องต่างๆ ของรัฐสภาโดยการใช้เสียงข้างมาก ว่าเป็นแบบพวกมากลากไปเป็นเผด็จการรัฐสภา เพราะในสมัยที่นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีมีเสียงข้างมากในสภาฯก็จัดเต็มโหวตโดยเสียงข้างมากทุกอย่าง แม้กระทั้งแก้กฏหมายรัฐธรรมนูญเพียงสองประเด็น ถ้าอย่างนั้นก็ต้องบอกว่า ยุคอภิสิทธิ์เป็นอภิมหาซูเปอร์เผด็จการรัฐสภา เพราะโหวตแต่ละทีก็ต้องใช้เสียงข้างมากไม่เห็นนายอภิสิทธิ์อายอะไร ขอเรียกร้องไปยังพรรคประชาธิปัตย์ว่า อย่าลืมจุดยืนจุดเดิมที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยพูดไว้ว่าจะต้องเคารพมติของสภาฯ และขอเรียกร้องไปยังฝ่ายค้านว่า ถ้าชีวิตนี้ยังไม่ก้าวข้ามเรื่องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชีวิตก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่เป็นประโยชน์ ควรเร่งทำนโยบายใหม่ๆที่น่าจะโดนใจประชาชน มีเวลาอีกตั้ง 3 ปีกว่า ที่จะเร่งทำผลงานและปรับเปลี่ยนแนวคิดรูปแบบการทำงานการเมืองบ้าง เพราะวันนี้ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เอง จำนวนมากก็ชักไม่แน่ใจว่าจะ ทำงานกับพรรคนนี้ต่อไปไหวหรือไม่
"พท." เตรียมถกวางกรอบ แนวทางถกแก้ รธน. วันจันทร์นี้
นายจิรายุ กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 9 เม.ย. พรรคจะเรียกประชุม เพื่อกำหนดท่าทีในการอภิปรายการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในมาตรา 291 โดยการประชุมรัฐสภา จะมีขึ้นในวันอังคารที่จะถึงนี้ ตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไป และจะเปิดให้มีการอภิปรายในวาระที่ 2 ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อที่จะให้มีการไปตั้ง ส.ส.ร. ในรูปแบบใด ซึ่งทางพรรคจะมีการประชุมทั้งระดับภาค เหนือ อีสาน กลาง ใต้ และ กทม. ซึ่งในช่วงบ่ายจะเป็นการกำหนดท่าที ของพรรคเพื่อไทย ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 โดยการพิจารณาจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน เรื่องเวลาปล่อยเลื่อนไป การอภิปรายสลับไปมา ทั้ง ส.ว. ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ส.รัฐบาล เพื่อหาเหตุผลว่าตกลงร่างต่างๆที่มีการนำเสนอ ที่เสร็จในวาระ 1 จะเป็นรูปแบบใด จำนวน ส.ส.ร. จะเป็นกี่คน ไม่ว่า 99 คน 150 คน 200 คน สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับรัฐสภา ทั้งนี้หากมีการผ่านวาระ 2 จะปล่อยเวลาอีก 15 วัน และจะมีการประชุมวาระ 3 ในวันที่ 24-25 เม.ย.
"จิรายุ" เผยผลสำรวจ "พท." รูปแบบใหม่ ระบุผลประชาชนเชื่อปรองดองได้
นายจิรายุ กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยได้ปรับวิธีการทำสำรวจความคิดเห็นประชาชน ในรูปแบบงานวิจัยเชิงปริมาณที่มีความรวดเร็วโดยทำผ่านเครือข่ายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคจำนวน 265 คน และอดีตผู้สมัคร ส.ส. อีกว่า 200 คนโดยยึดหลัก “ถามจริงตอบตรง” ในประเด็นต่างๆ ที่ต้องการผลสำรวจที่มีความรวดเร็ว และเป็นงานวิจัยไม่มีความสลับซับซ้อน อาทิ ถามความเห็นประชาชนต่อการอภิปราย รับฟังรายงานของกรรมาธิการปรองดดองฯ ในวันพุธ พฤหัสที่ผ่านมา เมื่อจบการอภิปรายลงเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) พรรคก็จะส่งข้อความสั้นเป็นหัวข้อให้ ส.ส. ทุกพื้นที่ถามกลุ่มประชาชนในจังหวัดของตัวเอง โดยมีกลุ่มตัวอย่างประมาณ 5-10 ตัวอย่างซึ่งก็จะได้กลุ่มตัวอย่างกว่า 3,500-5,000 คนเป็นอย่างน้อยในทุกภาคของประเทศ
ทั้งนี้หัวข้อแรกที่ถามว่าประชาชนที่ชมการอภิปรายแล้วเชื่อว่าจะเกิดการปรองดองในชาติได้หรือไม่กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 72 เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ร้อยละ 12 ไม่แน่ใจและร้อยละ 9 ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ ต่อคำถามที่ว่าปัญหาของการปรองดองคืออะไรร้อยละ 80 ระบุว่าการไม่ยอมถอยหลังและไม่ลืมอดีตซึ่งกันและกัน ส่วนคำถามที่ว่าเห็นด้วยกับการเสนอเรื่องการปรองดองเป็นเรื่องด่วนในสมัยประชุมนิติบัญญัติหรือไม่ร้อยละ 76 ตอบด้วยว่าเห็นด้วยอย่างยิ่งเพราะจะทำให้เรื่องอื่นๆคลีคลาย และคำถามที่ว่าคิดอย่างไรต่อท่าทีของสภาบันพระปกเกล้า ร้อยละ 82 เห็นว่าไม่มีจุดยืนในผลงานศึกษาวิจัยของตัวเองร้อยละ 76 เห็นว่าควรจะเป็นกลาง และร้อยละ 45 เห็นว่าควรจะให้สถาบันอื่นๆทำเพิ่ม ต่อข้อถามที่ว่าถ้าจะให้คะแนน ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านฝ่ายไหนมีท่าทีปรองดอง ร้อยละ 92 ตอบว่า ฝ่ายรัฐบาลกลับมีท่าทีปรองดองมากที่สุด และร้อยละ 77 ตอบว่า ฝ่ายค้านมีท่าทีปรองดองน้อย
