"เรืองไกร" บี้ ป.ป.ช. สอบ "ถาวร เสนเนียม" แจ้งทรัพย์สินเท็จ ชี้กรณี "ปู" ต่างจากหลานสาว "ชินณิชา"

มติชน 23 เมษายน 2555 >>>




นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 62 ส่งเรื่องให้ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณากรณีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจยื่นแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยแนบสำเนาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 22/2554 วันที่ 8 มี.ค. 2554 แบบแสดงบัญชีทรัพย์สินฯของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ วันที่ 22 ม.ค. 2551 วันที่ 22 ธ.ค. 2551 และวันที่ 10 ส.ค. 2554 กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยของตนและ ส.ว. อีก 16 คน ที่เข้าชื่อยื่นให้ตรวจสอบกรณีนายถาวร ได้แจ้งบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช. เมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และ รมช.มหาดไทย ว่ามีเงินลงทุนในคณะบุคคลวรจันทร์ มูลค่า 100,000 บาท โดยเป็นเงินลงทุนส่วนของคู่สมรสคือ พล.ต.หญิง จันทิมา เสนเนียม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายถาวรไม่ต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบมาตรา 269 เพราะการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ในส่วนเงินลงทุนในคณะบุคคลวรจันทร์นั้นไม่มีอยู่จริง เมื่อไม่เป็นจริง ย่อมเป็นความเท็จ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 263 ซึ่งเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า จากวันที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2554 ก็ยังไม่พบว่า ป.ป.ช. ได้ดำเนินการแต่อย่างใด ทั้งที่เวลาล่วงมาเกินกว่าหนึ่งปีแล้ว จึงขอให้ ป.ป.ช. รีบดำเนินการไต่สวน ด้วยการขอบันทึกคำให้การของ พล.ต.หญิง จันทิมา ที่ให้ถ้อยคำในข้อเท็จจริงต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญและผู้ร้อง ที่ระบุถึงการไม่ได้มีการลงทุนในคณะบุคคลดังกล่าวจริง เป็นเพียงการจดทะเบียนเพื่อแยกฐานภาษีเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีในอัตราที่สูงของนายถาวร มาเป็นหลักฐานประกอบการทำสำนวนไต่สวน เพื่อเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยต่อไป
ขณะเดียวกัน นายเรืองไกร กล่าวถึงกรณี น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ อดีต ส.ส.เพื่อไทย จ.เชียงใหม่ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งและห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จากกรณีที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ผ่าน "มติชนออนไลน์" ว่า เป็นเรื่องเก่าที่ตรวจสอบมาและเป็นผลต่อเนื่อง ซึ่งไม่มีวาระซ่อนเร้นว่าจะกลบเรื่องให้เขา หรืออย่างกรณีของนายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน ส.ส.ประชาธิปัตย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติภารกิจลับ โรงแรมโฟร์ซีซันส์ หรือแม้กระทั่งร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่มีอาการคล้ายคนเมา ก็ทำการตรวจสอบหมด อยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าคนยอมรับกันมากแค่ไหน ถ้ายอมรับแล้วก็เอาประเด็นข้อกฎหมายมาจับ จากนั้นคนที่ทำหน้าที่ก็ต้องมาพิจารณา
นอกจากนี้ นายเรืองไกร ยังกล่าวอีกว่า หลายๆ เรื่องคนอาจจะมองว่าเล่นหนักไปทางพรรคประชาธิปัตย์ แต่จริงๆ แล้วเราเริ่มมาก่อนที่พรรคประชาธิปัตย์จะถูกเล่นด้วยซ้ำ ตั้งแต่นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เรื่อยมา แม้กระทั่งคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ผมเป็นคนร้องทั้งหมด นั่นหมายความว่ากรณีไหนเข้าข่ายก็ร้องหมด เมื่อมีคนสงสัยตนก็บอกเลยว่าไม่ต้องห่วง เพราะยินดีที่จะร้องตนเอง
เมื่อถามว่ากรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นเหมือนกรณีของ น.ส.ชินณิชา หรือไม่นั้น ยังไม่พบ ซึ่งตนเก็บข้อมูลมาโดยตลอด ทั้งที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินในฐานะ ส.ส. และในฐานะนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ยังไม่ถึงขั้นที่ว่ามีข้อมูลที่นายกฯ ซุกสัญญาหนี้ไว้กับสามี ตามที่บางสื่อพยายามเปิดประเด็น เพราะการมองว่าคนที่จะเข้าข่ายกระทำความผิดหรือไม่นั้น ต้องเชื่อว่ามีมูล และปราศจากอคติ ซึ่งถ้าใครดูรายละเอียดการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายกฯ จะเห็นได้ว่า เป็นการอิงกับคำพิพากษาของศาลฎีกายึดทรัพย์ค่อนข้างมาก