ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย แพ้เลือกตั้งที่ปทุมธานีบ่งบอกอะไรบ้าง ?

บทความประจำสัปดาห์ 23 เมษายน 2555
โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ ....




สนามเลือกตั้งเป็นที่เดียวที่บอกความคิดและความต้องการของประชาชน ถ้าเป็นการเลือกตั้งเฉพาะพื้นที่ก็บ่งบอกความคิดและความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ถ้าเป็นการเลือกตั้งทั่วไปก็จะบอกถึงความคิดความต้องการของทั้งแต่ละพื้นที่และในขอบเขตทั่วประเทศ
การที่มีการเลือกตั้ง แม้ไม่อาจแสดงว่าประเทศนี้มีการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ แต่ผลการเลือกตั้งทุกครั้งก็เป็นการแสดงผลทัศนคติและความประสงค์ของประชาชนที่ต้องเคารพและสะท้อนให้เห็นว่า ระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งนั้นดีกว่าเผด็จการทหารและระบอบอำมาตย์ฯ ที่ปล้นอำนาจประชาชนไปเพียงไร ? การที่ผู้สมัคร ส.ส. และนายก อบจ. มาจากพรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้งทั้ง 2 ตำแหน่ง และผู้สมัครนายก อบจ. ที่ลงทุนทิ้งตำแหน่ง ส.ส. มาสมัครแพ้นับแสนคะแนน จึงเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะวิเคราะห์เป็นอย่างยิ่ง
สำหรับผู้สมัคร ส.ส. นั้น พบว่าแพ้ชนะไม่มากนัก แต่น่าสังเกตที่มีผู้มาเลือกตั้งเพียงสามสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ นั่นหมายถึงผู้สมัคร ส.ส.ประชาธิปัตย์ ได้ฐานเสียงเดิมของตนเต็มจำนวน ส่วนผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ก็ยังได้ฐานเสียงเดิมจำนวนหนึ่ง แต่ก็มีคนที่เคยเลือก ส.ส.เพื่อไทย ไม่ไปออกเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ไม่น้อยทีเดียว รวมแล้วคิดเป็นจำนวนกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง นี่คือปรากฎการณ์ แล้วเนื้อแท้ของปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร ?
ผู้เขียนมีมุมมองจากจุดที่พอจะสัมผัสประชาชนพี่น้องจังหวัดปทุมธานีระดับหนึ่ง ก็ขอแสดงทัศนะแลกเปลี่ยน ณ ที่นี้คือ คำถามว่า ผลการเลือกตั้งครั้งนี้บ่งบอกถึงลักษณะทั่วไปทั้งประเทศว่าประชาชนเสื่อมศรัทธาพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ? ผู้เขียนคิดว่ายังไม่ใช่เช่นนั้น ปรากฎการณ์ครั้งนี้มีลักษณะเฉพาะมากกว่าลักษณะทั่วไป แต่น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีของพรรคเพื่อไทย (ถ้าคิดจะสร้างพรรคให้เป็นพรรคมวลชน) ลักษณะเฉพาะคืออะไร ? ประการแรก ลักษณะเฉพาะที่ผู้สมัคร ส.ส. ลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงสมัครนายก อบจ. โดยไม่คำนึงถึงประชาชนผู้เลือกตั้งและผู้สนับสนุน เขาคงคิดบนการตัดสินใจส่วนตนเป็นหลัก ประเมินตนเอง ประเมินพรรค และประชาชนไม่ตรงความเป็นจริง ผลจึงออกมาแบบนี้ เมื่อลาออกแล้วไปลงนายก อบจ. จึงแพ้นับแสนคะแนน อย่างนี้ต้องถือว่าจบแล้วทางการเมือง เพราะประเมินตนเองสูงกว่าความเป็นจริง และประเมินประชาชนคนเสื้อแดงต่ำกว่าความเป็นจริง คิดว่าผลที่แล้วมาได้รับชัยชนะเพราะมีฐานเสียงของตนเอง คิดว่าประชาชนศรัทธาตัวตนของผู้สมัครโดยไม่ให้ความสำคัญว่า ที่แล้วมาผู้สมัครได้รับเลือกตั้งเพราะพรรค และการสนับสนุนของประชาชนที่ชอบพรรคเพื่อไทย และการสนับสนุนเอาการเอางานของคนเสื้อแดง (ไม่ต้องจ้าง) ส่วนผู้สมัคร ส.ส. ในนามพรรคเพื่อไทยแพ้ชนะไม่มากนักก็จริง แต่ที่คนไม่มาเลือกตั้งรวม ๆ กว่าร้อยละหกสิบ แสดงว่าผู้เคยสนับสนุนอย่างเอาการเอางานก็เฉื่อยชา ไม่ออกไปเลือกพรรคไหน นี่จึงแสดงว่าประชาชนขาดแรงจูงใจที่จะไปออกเสียงสนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย แต่ก็ไม่ไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และประชาชนจำนวนหนึ่งไม่ให้ความสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะไม่เชื่อว่า ส.ส. จะมีประโยชน์อะไรแก่ประชาชนในพื้นที่และแก่ประเทศ จึงเป็นสาเหตุที่บ่งบอกว่า ส.ส. เดิมและผู้สมัครใหม่ยังไม่ใกล้ชิดกับประชาชนมากเพียงพอตั้งแต่ได้รับการเลือกตั้ง และผู้สมัครใหม่ก็ยังไม่ได้ใจจากประชาชนเพียงพอ
เหตุผลที่สำคัญยิ่งคือประชาชนจังหวัดปทุมธานีได้ประสบเคราะห์กรรมจากมหาอุทกภัยปลายปี 54 จนต้นปี 55 กว่าสามเดือน และบัดนี้เงินชดเชยเยียวยายังลงไปถึงพี่น้องไม่ทั่วถึง คำถามถึง ส.ส.เพื่อไทย และรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย คือมาตรการดูแลประชาชนที่เดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งนี้ มีระบบและการติดตามตรวจสอบอย่างไร นอกจากระบบงานของรัฐบาลแล้วยังเป็นปัญหาเฉพาะตัว ส.ส. ด้วย ถ้าคิดว่ากระแสพรรคแรงจนตัว ส.ส. จะปฏิบัติตัวอย่างไรประชาชนก็ต้องเลือกวันยังค่ำ ไม่จำเป็นต้องดูแลใกล้ชิดประชาชน ถ้าคิดอย่างนี้ก็คิดผิด
สำหรับลักษณะทั่วไปที่นำมาร่วมพิจารณาได้แม้ยังไม่ใช่สาเหตุหลักของการพ่ายแพ้ครั้งนี้ในจังหวัดปทุมธานี  ซึ่งลักษณะเฉพาะเป็นด้านหลักที่ ส.ส. ลาออกและมีปัญหาอุทกภัยหนักหนาสาหัส
1. พรรคเพื่อไทยก็ต้องพิจารณาว่า จุดอ่อนของ ส.ส. และการทำงานในฐานะ ส.ส. เขตหรือ ส.ส. บัญชีรายชื่อนั้น  ต้องมีระบบแบบแผนการทำงาน และการตรวจสอบในขอบเขตที่เหมาะสม รวมทั้งการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและกลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่
2. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องตรวจสอบผลการทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐในการแก้ปัญหาประชาชน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสำคัญอันมีผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก
3. พิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทย รัฐบาล กับคนเสื้อแดงและ นปช. 
ข้อดีก็คือผลการเลือกตั้งครั้งนี้แสดงว่า คนเสื้อแดงปทุมธานีมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ไม่ได้เป็นอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตีว่าเป็นพวกโง่เง่า บริวารคุณทักษิณ ถูกซื้อได้ด้วยเงิน แสดงว่าถ้าเขาไม่พอใจที่ ส.ส. ลาออกมาสมัครนายก อบจ. เขาก็แสดงออกชัดเจน ผู้เขียนได้รับการร้องเรียนจากคนเสื้อแดงปทุมธานีเรื่อง ส.ส.เพื่อไทย หรือในหลายจังหวัดก็มีเรื่องทำนองนี้มาก ที่พูดนี่ก็ไม่ใช่ว่าจะเข้าข้างคนเสื้อแดงเสียทั้งหมด เพราะคนเสื้อแดงก็คือประชาชนไทยธรรมดาที่เอาการเอางานในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความยุติธรรม ก็มีความหลากหลายเช่นเดียวกับประชาชนไทยทั่วไป แต่ถ้าพรรคจะเก็บรับบทเรียนครั้งนี้ไปก็เป็นผลดีของพรรคเอง ที่สำคัญอย่าโยนว่าเป็นความผิดของ ส.ส. ทั้งหมดโดยพรรคไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอะไรเลย และความคิดที่ว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งมาแล้วก็เดินหน้าทางการเมืองโดยไม่สนใจ รับฟังประชาชนหรือแม้แต่คนเสื้อแดง แม้แต่องค์กร นปช. แดงทั้งแผ่นดิน คิดว่าถ้าควบคุมแกนนำจำนวนหนึ่งในฐานะสมาชิกพรรคได้ ก็แปลว่าควบคุมคนเสื้อแดงทั้งประเทศได้ ขอโทษ ! คิดผิดแล้ว เพราะคนเสื้อแดงเติบใหญ่ทั้งปริมาณและคุณภาพยิ่งกว่าจะเดินตามอย่างเชื่อง ๆ ไม่ใช่จะให้ใครมาสั่งการที่ไม่มีเหตุผลหรือไม่สอดคล้องความเป็นจริงแล้วเขาจะทำตามนะ อย่าว่าแต่พรรคเลย  แกนนำก็สั่งการโดยไม่มีเหตุผลไม่สอดคล้องความจริงก็สั่งการไม่ได้
ในด้านลบอาจจะมองว่าทำให้พรรคการเมืองที่อยู่ฝ่ายประชาธิปไตยอ่อนกำลังลง ครั้งนี้ไม่น่าจะเสียหายอะไรมากมาย ดีเสียอีกที่ผลการเลือกตั้งจะส่งสัญญาณเตือนพรรคเพื่อไทยให้ปรับปรุงทั้งในมิติเรื่องการคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส. การตรวจสอบ ส.ส. และความสัมพันธ์ระหว่างพรรค, ผู้สมัคร ส.ส. กับประชาชนและองค์กรประชาชนคนเสื้อแดง จะทำให้ยกระดับการทำงานของพรรค ของ ส.ส. ในแง่ความสัมพันธ์กับประชาชนและประสิทธิภาพการทำงานของ ส.ส. ของพรรคของรัฐบาล ก็น่าจะทำให้อนาคตฝ่ายประชาชนดีขึ้น