ปชป. ยื่น ป.ป.ช. เอาผิด 'กิตติรัตน์-ทนุศักดิ์-สาธิต' ไม่เก็บภาษีหุ้นชิน

กรุงเทพธุรกิจ 4 เมษายน 2555 >>>


"สรรเสริญ" ยื่น ป.ป.ช. เอาผิด "กิตติรัตน์-ทนุศักดิ์-สาธิต" ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เก็บภาษีตระกูลชิน 1.2 หมื่นล้าน

นายสรรเสริญ สมะลาภา รมช.คลังเงา พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่ง (ปปช.) ให้ดำเนินคดีกับ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รมว.คลัง นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง และนายสาธิต รังคสิริ อธิบดีกรมสรรพากร ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังจากที่กรมสรรพากรกลับลำไม่ดูแลผลประโยชน์ประชาชน โดยคดีภาษี 1.2 หมื่นล้านบาทเป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มีการขายหุ้นใน 2 ระดับ คือ จากแอมเพิลริชไปยังนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา ชินวัตร ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินว่า ถือหุ้นแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ณ ป้อมเพชร ซึ่งเป็นการซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ จึงต้องเก็บภาษี จากนั้นจึงมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ให้บริษัทเทมาเส็ก แต่พรรคไม่ติดใจในส่วนนี้เพราะได้รับการยกเว้นการเก็บภาษี แต่ในส่วนการซื้อขายจากแอมเพิลริชไปยังบุตรชายและบุตรสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นรายได้ที่ต้องจ่ายภาษีให้รัฐ โดยทางพรรคที่เป็นรัฐบาลก่อนหน้านี้ก็ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ กรมสรรพากรก็กลับลำโดยในเดือน ส.ค. ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีคำสั่งไม่เก็บภาษี นายพานทองแท้ และนางสาวพิณทองทา และล่าสุดกรมสรรพากรก็ไม่เก็บภาษีจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน โดยอ้างว่าเป็นการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ทำให้ได้รับการยกเว้นในการจัดเก็บภาษี ถือว่าเป็นการตัดตอนพฤติกรรมการซื้อขาย เพราะในส่วนแรกที่การซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์เกิดขึ้นนั้นจะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย แม้ว่าศาลจะตัดสินว่าหุ้นดังกล่าวไม่ใช่ของนายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา แต่รายได้เกิดขึ้นแล้วจึงต้องมีผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ จึงเห็นว่ากรมสรรพากรตีความกฎหมายเอื้อประโยชน์ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน
นายสรรเสริญ กล่าวว่า หลังจากยื่นเรื่องให้ ปปช. ดำเนินการในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ต่อบุคคลทั้ง 3 แล้ว ยังจะดำเนินการทวงเงินภาษี 1.2 หมื่นล้านบาท ในช่องทางอื่นควบคู่ไปด้วยเพราะเห็นว่ายังไม่หมดหวังที่ประเทศจะได้เงินก้อนนี้กลับคืนมา เนื่องจากกรมสรรพากรยังไม่ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ยื่นแบบ ภงด.91 ในปี 2550 หรือไม่ เพราะในเวลานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ต่างประเทศจึงมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ได้ยื่นเสียภาษี ซึ่งจะทำให้คดียังไม่หมดอายุความ แต่จะมีเวลาอีก 5 ปีต่อจากนี้ที่จะดำเนินการทวงภาษี นอกจากนี้จะพิจารณาดำเนินการฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกค่าเสียหายจากกรณีที่รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษี 1.2 หมื่นล้านบาทด้วย โดยในส่วนนี้จะรอดูการตอบรับของ ป.ป.ช. ก่อนว่าจะรับเรื่องที่ร้องเรียนไปพิจารณาหรือไม่ เพราะหาก ป.ป.ช. เห็นด้วยกับคำร้องของตนก็เท่ากับยืนยันว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นจริง น่าจะนำไปสู่การยื่นฟ้องในคดีแพ่งตามมาได้